23 ส.ค. 2021 เวลา 10:13 • ข่าว
วันนี้จะมาเล่าคดีดังที่กำลังดังในญี่ปุ่นและติดเทรนด์ทวิตในญี่ปุ่นมาหลายวันให้ฟัง เป็นเรื่องราวของการกลั่นแกล้ง จนเหยื่อต้องฆ่าตัวตายเพื่อหนีการกลั่นแกล้งของเพื่อนร่วมห้อง
1
เมื่อเดือน มี.ค. ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ณ เมืองอาซาฮิคาวะ จ.ฮอกไกโด ได้พบศพเด็กหญิงมัธยมต้น เธอคือ ฮิโรเสะ ซาอายะ เด็กหญิงวัย 14 ปี ที่หายตัวออกจากบ้านไปในเดือน ก.พ. หรือ 1 เดือนก่อนหน้านั้น
สภาพศพ ถูกปกคลุมด้วยหิมะ เจ้าหน้าที่พบว่าเธอนอนหนาวตาย ท่ามกลางอุณหภูมิ -17 องศา
และเป็นไปได้ว่าเธอตายตั้งแต่วันที่ออกจากบ้านแล้ว แต่หิมะปกคลุมร่างไว้ ทำให้หาไม่พบ
แม่ของซาอายะได้แต่รู้สึกผิด ว่าทำไมไม่เจอซาอายะให้เร็วกว่านี้
1
ภาพของซาอายะในวัยประถมยังคงแจ่มชัดในความทรงจำของผู้เป็นแม่ ซาอายะ เด็กที่ร่าเริงสดใสและโดดเด่น เด็กที่มีความสุขยามได้ขึ้นแสดงร้องประสานเสียง หรือแสดงละครเวทีในงานโรงเรียน แถมยังรักการเรียน เก่งวิชาเลขถึงขั้นที่สามารถแก้โจทย์เลขยากๆ ได้ด้วยวิธีที่ครูไม่ได้สอน
ซาอายะพกพาความหวังและความมุ่งมั่นอันเต็มเปี่ยม ก้าวสู่ชั้นมัธยมต้น เธอโอบกอดความฝันไว้มากมาย อยากเป็นคณะกรรมการนักเรียน อยากเข้าชมรมร้องประสานเสียง และอนาคตอยากเป็นอัยการ
เม.ย. 2019
เธอเริ่มต้นชีวิต ม.ต้น ในโรงเรียนแห่งใหม่ ที่นั่นมีแต่เพื่อนใหม่ที่ไม่คุ้นเคย
แต่เธอก็ยังชอบไปโรงเรียน ตั้งใจไปเรียนกวดวิชา เธอได้เป็นตัวแทนเด็ก ม.1 ในการเลือกหัวหน้าชั้นปี และเธอบอกแม่ว่า อยากจะเป็นประธานนักเรียนให้ได้ ด้วยแววตาที่เปล่งประกาย
ชีวิต ม.ต้น เริ่มต้นไปไม่ถึงเดือน ช่วงปลายเดือน เม.ย.
จู่ๆ ซาอายะ ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
จากเด็กที่อยากไปเรียนกวดวิชา ครูที่โรงเรียนกวดวิชาเริ่มบอกว่าเธอมาสายบ่อยขึ้นเรื่อยๆ
จากที่เคยออกไปข้างนอกกับแม่บ่อยๆ เธอก็ปฏิเสธที่จะไม่ไป
จากที่เคยใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัวในห้องนั่งเล่น ซาอายะเริ่มเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว
จากเด็กที่ยิ้มแย้มสดใส ความสดใสของเธอค่อยๆ จางหายไป เธอไม่ยิ้ม และบางครั้งก็ร้องไห้คนเดียวในห้อง
ซาอายะกลับบ้านดึกขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อแม่ถามว่าไปไหนมา เธอก็บอกเพียงคำเดียวว่า “สวนสาธารณะ...”
1
วันหนึ่ง ในช่วงวันหยุดยาวเดือน พ.ค. เธอรีบร้อนออกจากบ้านไปตอนตี 3 - ตี 4
เธอบอกว่า “หนูต้องไป โดนรุ่นพี่เรียกให้ไป” พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้น
แม่ของเธอถามชื่อรุ่นพี่ที่ว่า แล้วไปบอกที่โรงเรียน
แต่โรงเรียนบอกว่า “แค่เรียกออกมากลางดึก ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องกังวล” “พวกเขาไม่ใช่เด็กที่จะไปกลั่นแกล้งใคร”
ซาอายะดูซึมขึ้นเรื่อยๆ
จนวันหนึ่ง เธอบอกกับแม่ว่า “แม่ หนูอยากตาย”
นั่นเป็นครั้งแรกที่แม่ซาอายะได้ยินคำนี้จากปากลูก
แม้แม่จะถามว่า ถูกกลั่นแกล้งรึเปล่า แต่ซาอายะก็ตอบว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก”
.
แม่ซาอายะตัดสินใจไปปรึกษาครูอีก แต่ครูก็ตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “วัยรุ่นก็แบบนี้แหละ เป็นเรื่องธรรมดา”
บางครั้งครูก็ปฏิเสธที่จะคุย “วันนี้มีเดต ไว้คุยกันพรุ่งนี้นะ”
แม่ซาอายะไปพบครูกี่ครั้ง ครูก็ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ใช่การกลั่นแกล้ง
มิ.ย. 2019
เย็นวันหนึ่ง ท่ามกลางฝนตก ซาอายะกระโดดลงไปในแม่น้ำ
จนกลายเป็นข่าวว่า “เด็กหญิง ม.ต้น จะฆ่าตัวตาย”
แต่ความจริงแล้ว ก่อนหน้านั้น ซาอายะได้โทรไปที่โรงเรียนแล้วบอกว่า “ได้โปรดช่วยด้วย”
โรงเรียนโทรไปบอกแม่ของซาอายะให้มาที่แม่น้ำทันที
เมื่อแม่ซาอายะไปถึง ครูเพิ่งช่วยซาอายะขึ้นจากแม่น้ำ ตัวเปียกโชก
ประโยคที่ออกจากปากซาอายะ คือ “อยากตาย” เธอตะโกนและร้องไห้
พยานที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า
เด็กหญิงคนหนึ่งถูกเด็ก 10 กว่าคนยืนล้อม ดูเป็นการกลั่นแกล้งแน่ๆ ตอนเธอกระโดดลงแม่น้ำ ทุกคนที่เหลือเอามือถือมาถ่ายไว้ด้วย
ซาอายะเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ร่างกายเธอไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แต่ที่บาดเจ็บสาหัสคงเป็นจิตใจ
เด็กกลุ่มที่คาดว่าเป็นคนกลั่นแกล้งซาอายะ กลับให้การเท็จกับตำรวจว่า “ซาอายะถูกแม่ทำร้ายจนอยากตาย เลยกระโดดลงไป”
ระหว่างตำรวจสืบหาข้อเท็จจริง แม่ของซาอายะจึงถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าพบซาอายะที่โรงพยาบาล
สุดท้าย พบว่าเรื่องทำร้ายร่างกายไม่ใช่ความจริง แม่จึงได้พบซาอายะในที่สุด
ระหว่างซาอายะรักษาตัว แม่ตรวจเช็คมือถือของเธอว่ามีเพื่อนส่งข้อความหรือโทรมาด้วยความห่วงใยหรือไม่ แต่ไม่มีแม้แต่ข้อความเดียว ไม่มีใครโทรมาเลย
แม่ซาอายะตัดสินใจตรวจดูมือถืออีกหน่อย เธอเปิดดูข้อความในไลน์
สิ่งที่พบคือ “ข้อความและรูปภาพที่เป็นการกลั่นแกล้งอย่างไม่น่าให้อภัย”
ย้อนไปเดือน เม.ย. 2019 ที่ซาอายะเพิ่งขึ้นมัธยมต้น
ซาอายะมักนั่งอ่านหนังสือที่สวนสาธารณะใกล้ๆ โรงเรียน ระหว่างรอเวลาไปเรียนกวดวิชา จนได้รู้จักรุ่นพี่คนหนึ่งที่มาชวนคุย แรกๆ ก็แค่ชวนคุย และเล่นเกมออนไลน์ด้วยกัน
วันต่อๆ มา รุ่นพี่คนนั้นมาพร้อมกับเพื่อนผู้ชาย
เธอเริ่มถูกรีดไถ่เงิน (รวมทั้งหมดมากกว่า 10,000 เยน)
ที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้น เด็กชายคนนั้น ส่งข้อความเชิงอนาจารมาหาซาอายะ
“ส่งวิดีโอเปลือยมาให้หน่อยสิ”
“รูปก็ได้”
เด็กคนนั้น ส่งข้อความเช่นนี้มาเรื่อยๆ ขอให้ส่งรูปเปลือย รวมไปถึงขอให้สำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง แล้วถ่ายมาให้ดูหน่อย
และยังข่มขู่เธอว่า “ถ้าไม่ส่งมา จะปล้ำแบบไม่ใส่ถุงยาง”
ด้วยความกลัว ซาอายะส่งรูปและวิดีโอไป
เด็กคนนั้นเอารูปและวิดีโอไปเผยแพร่ในกลุ่มไลน์เด็กมัธยม ที่มีคนจำนวนมาก
ทำให้มีคนส่งข้อความมาหาซาอายะ “ส่งให้ฉันบ้างสิ”
ในคืนที่ซาอายะกระโดดลงแม่น้ำ เธอก็ถูกข่มขู่เช่นกัน
รุ่นพี่ เด็กชาย และกลุ่มเพื่อนอีก 10 กว่าคน เข้ามาล้อมซาอายะตรงทางเดินที่อยู่ติดแม่น้ำ
เด็กคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวจะบอกให้ทุกคนรู้สิ่งที่เธอทำ เอารูปไปให้ทั้งโรงเรียนดูเลย”
ซาอายะขอร้อง “หยุดเถอะนะ”
อีกฝ่ายบอก “ไปตายซะสิ”
ซาอายะ “เข้าใจแล้ว ฉันจะตาย เพราะฉะนั้น ช่วยลบรูปด้วยนะ”
อีกฝ่าย “ไม่กล้า ก็อย่ามาพูดเลย”
ทันใดนั้น ซาอายะ ปีนข้ามรั้วกั้น แล้วกระโดดลงแม่น้ำ จากพื้นที่สูงเหนือแม่น้ำ 4 เมตร
แม่ซาอายะเอาหลักฐานในโทรศัพท์มือถือของซาอายะ ไปให้ทางโรงเรียน เพื่อยืนยันว่าลูกถูกกลั่นแกล้งจริง
ทางโรงเรียนรับปากว่า ถ้ามีการกลั่นแกล้งจริงก็ต้องอบรม
แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการจัดการใดๆ
แม่ซาอายะไปพบ ผอ.โรงเรียน คำตอบของ ผอ. คือ
“แค่ความซุกซนของเด็กๆ มันเลยเถิดไปหน่อยเท่านั้นแหละ เด็กๆ คงไม่ได้ตั้งใจ”
“ลบคลิปไป ก็ไม่มีอะไรแล้ว”
“เด็กพวกนั้นก็มีอนาคต”
“อนาคตของเด็ก 10 คน กับอนาคตของเด็ก 1 คน อันไหนสำคัญกว่า ก็ต้อง 10 คนใช่ไหม คุณแม่จะทำลายอนาคตเด็ก 10 คน เพื่อเด็กคนเดียวงั้นเหรอ แบบไหนถึงจะเป็นประโยชน์ต่ออนาคตประเทศชาติมากกว่ากัน ลองคิดอย่างไตร่ตรองอีกสักครั้ง”
แม่ซาอายะ ไปแจ้งตำรวจ จึงนำไปสู่การสืบสวน
พบหลักฐานรูปและคลิปในมือถือเด็กชายคนนั้น ซึ่งมีความผิดข้อหาผลิตสื่อลามกอนาจารเด็ก
แต่เนื่องจากอายุยังไม่ถึง 14 ปี จึงไม่ต้องรับโทษ
เพียงว่ากล่าวตักเตือนเท่านั้น
ส่วนเด็กคนอื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่มีหลักฐานเพียงพอในการเอาผิด จึงลงโทษด้วยการว่ากล่าวตักเตือนเช่นกัน
สรุป ไม่มีใครได้รับโทษในอาชญากรรมทางเพศครั้งนี้
รูปและคลิปของซาอายะถูกสั่งให้ลบทั้งหมด
แต่...เด็กเหล่านั้นมีไฟล์สำรองบนอินเทอร์เน็ต รวมถึงไฟล์ที่แชร์กันต่อๆไป จนตามลบเท่าไรก็ไม่หมด
ซาอายะย้ายโรงเรียน แต่เนื่องจากเธอมีภาวะ PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) ซึ่งเป็นสภาวะป่วยทางจิตใจ เนื่องจากเผชิญกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างร้ายแรง ทำให้เธอมีบาดแผลทางจิตใจและมีความเครียด เธอต้องเข้าออกโรงพยาบาล จนไม่ได้ไปเรียน
บางครั้งเธอพูดอยู่คนเดียวในห้องว่า “ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ”
ซึ่งไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร
หากทำอะไรไม่สำเร็จแม้เรื่องเล็กน้อย เธอก็จะบอกว่า ตัวเองนั้นไม่ได้เรื่องเลย
สุดท้าย เธอใช้ชีวิตเก็บตัวอยู่ที่บ้าน กับจิตใจที่อ่อนล้าและเจ็บปวด
แม้จะเจ็บปวดแค่ไหน แต่เธอก็ยังพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไป
จนเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา เธอหายออกจากบ้านไปและถูกพบเสียชีวิตในเดือน มี.ค. ท่ามกลางอากาศหนาวติดลบ
จนตอนนี้แม่ของซาอายะยังคงตามหาความจริงทั้งหมด ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่ทำให้ความสดใสของซาอายะหายไป เกิดอะไรขึ้นกับลูกบ้างที่เธอไม่รู้ และทำไมโรงเรียนถึงไม่ช่วยลูกของเธอ
เมื่อ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา ทนายที่เป็นตัวแทนของแม่ของซาอายะ ได้เชิญสื่อมาเพื่ออ่านจดหมายของแม่ซาอายะ
จดหมายมีเนื้อหา เล่าถึงความเจ็บปวดของผู้เป็นแม่ สิ่งที่เธอเจอ และสิ่งที่ลูกไม่ได้รับความเป็นธรรม
โดยเธอทิ้งท้ายว่า
อยากฝากข้อความไปถึงกลุ่มเด็กที่เคยแกล้งซาอายะว่า การแกล้งไม่ได้จบแค่นั้น แต่กลายเป็นแผลลึกในใจของคนคนหนึ่ง แผลที่เจ็บจนอยากตาย
รวมถึงเธอขอร้องด้วยว่า ใครก็ตามที่พอรู้เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง ขอร้องช่วยบอกหน่อยเถอะ
*ในการลงข่าว แม่ของซาอายะยอมให้ใช้ชื่อจริงและเปิดเผยใบหน้าของซาอายะ
เพราะเธออยากให้ทุกคนรู้ว่า ตลอด 14 ปีที่ซาอายะได้ใช้ชีวิต ซาอายะไม่ได้ยอมแพ้ง่ายๆ ซาอายะต่อสู้และพยายามเต็มที่แล้ว
ชื่อและรูปถ่ายคือหลักฐานยืนยันว่า เคยมีเด็กคนหนึ่งที่ชื่อ “ซาอายะ” เด็กที่พยายามอย่างที่สุดกับความโชคร้ายที่ต้องเจอ
ความเจ็บปวดที่ไล่ล่าเด็กวัย 14 ปี แท้จริงคือการกลั่นแกล้งของเด็กกลุ่มหนึ่ง หรือ การกลั่นแกล้งของผู้ใหญ่กันแน่ โรงเรียนที่ปกป้องเด็กที่ทำผิด คงไม่ต่างจากการซ้ำเติมบาดแผลในจิตใจให้ลึกยิ่งกว่าเดิม
หลังจากการแถลงเนื้อหาในจดหมายของแม่ซาอายะ เรื่องนี้กลายเป็นข่าวดัง จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ หวังว่าสังคมจะช่วยกดดันและนำความยุติธรรมมาสู่ซาอายะ
🎬ฝากคลิปตอนใหม่ล่าสุดจ้า
ทำไมธนบัตรญี่ปุ่นไม่มีรูปพระจักรพรรดิ
บริการแปลกๆในญี่ปุ่น ตอน อาชีพรับจ้างพาคนหายสาบสูญ
วัฒนธรรมญี่ปุ่นง่ายนิดเดียว ตอน การกล่าวโอสึคาเรซามะ
.
📱แอปพลิเคชั่นฝึกฟัง พูด เขียนภาษาญี่ปุ่น
ลองโหลดแบบฟรีมาเล่นดูก่อนก็ได้ ถูกใจค่อยซื้อเวอร์ชั่นเต็ม
สำหรับไอโฟน
สำหรับแอนดรอยด์
โฆษณา