Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
รีวิววาย
•
ติดตาม
5 ก.ย. 2021 เวลา 10:48 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รีวิววาย : Young Royals (Sweden-2021)
• ความรักต่างชนชั้นที่ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ด้วยเพราะสถานะของเจ้าชาย ความรักต้องห้ามของพวกเค้าจึงกลายเป็นอุปสรรคที่ยากจะฝ่าฟันไปได้"
เกริ่นนำ
• นานๆทีผมถึงจะได้มีโอกาสดูซีรีส์วายจากฝั่งยุโรป-อเมริกากับเขาบ้างครับ ด้วยเหตุผลหลักๆเลยก็คือ แค่ซีรีส์วายฝั่งเอเชียตอนนี้ก็ตามดูไม่ทันแล้วครับ
• แต่ว่าเรื่องนี้คือข้อยกเว้น เพราะได้ยินคนพูดกันหนาหูเลยว่าเป็นซีรีส์สายวายที่ควรค่าแก่การชมเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งพอผมได้ไปอ่านพล็อตเรื่องคร่าวๆดูแล้วก็อยากบอกว่า "น่าสนใจ" ที่จะเข้าไปดูจริงๆครับ
• เรื่องนี้ฉายกันทาง Netflix ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีอยู่ด้วยกัน 6 ตอน ซึ่งพอหลังจากที่ดูจบแล้วก็ต้องบอกว่า ให้ความรู้สึกเป็นซีรีส์แนว Coming of Age มากกว่าความเป็นซีรีส์วายครับ แม้ว่าคู่หลักของเรื่องจะเป็นวายก็ตาม แต่ว่าซีรีส์เรื่องนี้มีตัวละครหลายตัวที่เรียกว่า "มีสีสัน" มีความสำคัญต่อเส้นเรื่องกันเลยทีเดียว ดังนั้นจากเรื่องราวต่างๆที่ปูมานั้น คาดว่าเราอาจจะได้ดู Season 2 ก็เป็นได้ เพราะหลายๆตัวละครที่อยู่ในเรื่องนั้นยังไม่ถูกเฉลยถึงบทสรุปของเรื่องแบบที่ควรจะเป็น หรือแม้กระทั่งคู่หลักก็ตัดจบได้แบบมีประเด็นที่ค้างคาพอสมควรครับ
"เจ้าชายวิลเฮล์ม"
• รัชทายาทอันดับที่ 2 ของราชวงศ์สวีเดน ด้วยความที่เขาเป็นลูกคนเล็กไม่ได้ถูกวางตัวให้เป็นผู้สืบสันตติวงศ์โดยตรง ก็เลยทำให้วิลเฮล์มค่อนข้างจะใช้ชีวิตที่เป็นของตัวเอง ไม่ต้องแคร์ภาพลักษณ์ของตัวเองและราชวงศ์สักเท่าไหร่ ... แต่แล้ววิลเฮล์มก็ไปมีเรื่องมีราวกับคนในคลับแห่งหนึ่ง จนเป็นข่าวฉาวหลุดรอดดังไปทั่วโลกโซเชี่ยล ก็เลยทำให้ทางราชวงศ์ต้องส่งเขาไปที่โรงเรียนประจำฮิลเลอร์สก้าร์ เพื่อเป็นการกู้ภาพลักษณ์ของเค้า เพราะการส่งเขาไปเรียนที่ฮิลเลอร์สก้าร์เป็นการการันตีอย่างหนึ่งว่า ที่นั่นจะสามารถบ่มเพาะความเป็นสมาชิกราชวงศ์ที่เพียบพร้อมให้กับวิลเฮล์มได้เหมือนกับ "มกุฏราชกุมารเอียริค" ศิษย์เก่าของฮิลเลอร์สก้าร์ พี่ชายผู้เพียบพร้อมทุกอย่างในการสืบราชบัลลังค์
"ออกัสตุส"
• เพื่อนรุ่นน้องในสมัยเรียนของมกุฏราชกุมารเอียริค ปัจจุบันเรียนอยู่ปีสุดท้ายแล้ว เป็นหัวหน้านักเรียน เป็นกัปตันทีมกีฬา และยังมีเชื้อสายราชวงศ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับทั้งเอียริคและวิลเฮล์ม จึงได้รับการไหว้วานให้เป็นคนดูแลวิลเฮล์มในช่วงที่เขาต้องมาเรียนที่ฮิลเลอร์สก้าร์ แต่ทว่าเบื้องลึกแล้วออกัสตุส มีพฤติกรรมที่ค่อนข้างสุ่มเสี่ยงในทางที่ไม่ดีอยู่หลายเรื่อง ครอบครัวของเขามีปัญหาแต่ก็ปกปิดเอาไว้ รวมทั้งสุดท้ายแล้วออกัสตุสจะเป็นคนที่นำมาซึ่งปัญหาให้กับวิลเฮล์ม และปัญหานั้นจะกลายมาเป็นประเด็นสำคัญของเรื่องในตอนท้าย
"เฟลิซ"
• สาวลูกครึ่งผิวดำจากครอบครัวฐานะร่ำรวย การเข้ามาเรียนที่ฮิลเลอร์สก้าร์นั้นก็ด้วยความต้องการอยู่ในสังคมชั้นสูงเพื่อส่งเสริมฐานะของตัวเอง ซึ่งพอทราบว่าวิลเฮล์มย้ายมาเรียนที่นี่ ก็เลยทำให้เป้าหมายต่อไปของเฟลิซก็คือการได้ครอบครองตัวของเจ้าชายให้จงได้ ... ภายหลังเธอก็ค้นพบความหมายและเข้าใจชีวิตหลายๆอย่าง ทำให้ความคิดเปลี่ยนไปเป็นผู้ช่วยเหลือและก็เป็นเฟลิซนี่แหละครับที่เป็นผู้ค้นพบความจริงทุกอย่าง ถึงแม้ว่าสุดท้ายมันก็สายเกินไปที่จะแก้ไข
"ซาร่า"
• หญิงสาวธรรมดา ที่มีโอกาสได้เข้ามาเรียนที่ฮิลเลอร์สก้าร์ แต่เป็นแบบนักเรียนไปกลับเพราะเธออาศัยอยู่ในชุมชนแถวนั้นใกล้กับโรงเรียน เธอเป็นโรคแอสเพอร์เกอร์หรือสมาธิสั้น ดังนั้นด้วยบุคลิกแปลกๆ เป็นคนพูดตรง ไม่รักษาน้ำใจใคร เธอจึงเป็นคนไม่มีเพื่อน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
... จนเมื่อเธอได้พบกับ "เฟลิซ" และจุดนี้เองก็เลยทำให้ซาร่าเปลี่ยนแปลงไป
"ซีมอน"
• พี่ชายของซาร่า เช่นเดียวกันเขาก็เป็นนักเรียนแบบไปกลับ ดังนั้นจึงมักถูกเหยียดหยามจากการแบ่งชนชั้นในโรงเรียน จนวันนึง "ออกัสตุส" ขอให้เขาช่วยทำอะไรบางอย่าง แม้จะเป็นเรื่องที่ผิดกฏ แต่ก็ด้วยความจำเป็นเพื่อที่จะได้มาในสิ่งที่เขาจะสามารถอยู่ที่โรงเรียนนี้ได้อย่างปกติสุข ได้รับการยอมรับ เขาจึงยอมทำ ... แต่แล้วสิ่งที่เขาทำให้ออกัสตุสในวันนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายและมีส่วนนำไปสู่ปมปัญหาสำคัญของวิลเฮล์มและตัวเขาด้วยในตอนท้ายเรื่อง
• ซีมอนและซาร่าทั้งคู่อาศัยอยู่กับแม่ที่ฐานะค่อนข้างยากจน ครอบครัวของเขาพ่อกับแม่หย่าขาดจากกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว เพราะพ่อของเขาเป็นคนติดเหล้า ไม่ทำการทำงาน และมีการใช้ยาเพื่อให้ตัวเองเมาด้วย ความสัมพันธ์ของซีมอนกับพ่อนั้นจึงไม่ดีนักเขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงการเจอพ่อ ยิ่งโดยเฉพาะซาร่าน้องสาวของเค้านั้นยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เธอปฏิเสธที่จะเจอหรือกล่าวถึงพ่อในทุกกรณี
• หลังจากข่าวชกต่อยกันในคลับ เจ้าชายวิลเฮล์มถูกส่งมาเรียนที่ฮิลเลอร์สการ์โดยมีเจ้าชายเอียริคเป็นคนขับมาส่ง ซึ่งที่นั่นทั้งคู่ก็ได้พบกับ "ออกัสตุส" ในฐานะหัวหน้านักเรียนเป็นคนออกมาต้อนรับ ซึ่งออกัสตุสนั้นเป็นเพื่อนรุ่นน้องของเจ้าชายเอียริค แถมมีศักดิ์เป็นญาติกันด้วย เขาจึงทำการฝากฝังให้ออกัสตุสเป็นคนช่วยดูแลวิลเฮล์มในช่วงที่อาศัยอยู่ที่นี่
• ในพิธีต้อนรับก็มีคณะนักร้องประสานเสียงออกมาร้องเพลงเพื่อต้อนรับเจ้าชาย ซึ่งมี "ซีมอน" เป็นนักร้องนำ วิลเฮล์มและซีมอนสบตากันเป็นครั้งแรก ทั้งคู่มีความรู้สึกถูกใจซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นวิลเฮล์มก็พยายามหาทางเพื่อได้ทำความรู้จักกับซีมอน แต่เป็นแบบรักษาท่าทีเพราะกิจวัตรประจำวันต่างๆของวิลเฮล์มนั้นอยู่ในสายตาของออกัสตุสเสมอ
• จนวันหนึ่งออกัสตุสต้องการหาเหล้าเพื่อใช้การรับน้องใหม่อย่างวิลเฮล์ม ซึ่งอย่างที่รู้กันเรื่องของเหล้าของมึนเมาต่างๆเป็นสิ่งต้องห้ามในโรงเรียนประจำอยู่แล้ว เขาก็เลยไปขอให้ซีมอนที่เป็นนักเรียนแบบไปกลับหาเหล้ามาให้เขา ... ในตอนแรกซีมอนบอกปฏิเสธไป แต่ด้วยความที่เขาอยากให้ตัวเองได้มีสังคม ได้รับการปฏิบัติเหมือนกับคนอื่นในโรงเรียน และอยากให้ "ซาร่า" มีโอกาสมาเปิดหูเปิดตากับสังคมของคนชั้นสูงในโรงเรียนบ้าง จึงยื่นข้อเสนอว่าเขาจะหาเหล้ามาให้ก็ได้ แต่แลกกับให้เขากับน้องสาวมาร่วมงานปาร์ตี้รับน้องในครั้งนี้ด้วย ซึ่งออกัสตุสก็ตอบตกลงเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน
• แต่ปัญหาของซีมอนนั่นก็คือเขาจะไปหาซื้อเหล้าได้จากที่ไหนล่ะ?? ด้วยกฎหมายเรื่องอายุของผู้ที่จะซื้อเหล้าได้ ซึ่งเขาก็พยายามหาคนที่สามารถซื้อเหล้าให้ได้แต่ก็ไม่มีใครสะดวก ทางเลือกสุดท้ายเขาจึงตัดสินใจไปหาพ่อของเขาเพื่อขอให้ช่วยเรื่องนี้ ซึ่งการตัดสินใจกลับไปพบพ่ออีกครั้งก็จะเป็นเหตุที่ทำให้เกิดความยุ่งยากในเวลาต่อมาโดยที่ทั้งตัวซีมอนและพ่อของเค้าไม่ได้ตั้งใจ ...
• ในวันรับน้องทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ออกัสตุสต้องการ โดยในปาร์ตี้คืนนั้นซีมอนและซาร่าก็ได้รับเชิญตามที่รับปากเอาไว้ด้วย และนั่นก็ทำให้วิลเฮล์มและซีมอนได้ใกล้ชิดกัน อันเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ มีเพียงเค้าสองคนเท่านั้นที่รับรู้ เพราะชีวิตในโรงเรียนที่เต็มไปด้วยคนชั้นสูงอย่างฮิลเลอร์สการ์ วิลเฮล์มในฐานะราชวงศ์ก็ยังจำเป็นที่ต้องวางตัวเพื่อรักษาภาพลักษณ์เอาไว้
• แต่อย่างไรก็ตามความลับไม่มีในโลก หลังจากที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กำลังเป็นไปด้วยดี วันหนึ่งวิลเฮล์มก็หนีออกจากโรงเรียนในตอนกลางคืน เพื่อไปหาซีมอน ซีมอนก็พาเขาไปดูเพื่อนๆแข่งฟุตบอล พาเขาไปกินฟาสฟู๊ด พาเขาไปขี่มอเตอร์ไซค์เล่น พาเขาไปใช้ชีวิตแบบสามัญชนทั่วไป มันทำให้วิลเฮล์มมีความสุขมากทั้งเรื่องการใช้ชีวิตแบบชาวบ้านทั่วไปและมีความสุขมากที่เขาได้ทำอะไรร่วมกันอย่างเปิดเผยได้กับซีมอน แต่แล้วเรื่องนี้ก็รู้ถึงออกัสตุส เพราะซีมอนได้ถ่ายคลิปอัพขึ้นสตอรี่แล้วออกัสตุสเห็นเข้า ทำให้วิลเฮล์มยิ่งพบกับความลำบากมากขึ้นในการสร้างความสัมพันธ์กับซีมอน จนกลายเป็นว่าท่าทีของวิลเฮล์มในบางครั้งนั้นไม่ชัดเจนว่าคิดยังไงกับซีมอนกันแน่
• ทางฝั่ง "เฟลิซ" หญิงสาวที่อยากเป็นผู้ครอบครองหัวใจของวิลเฮล์ม แต่เท่าที่ดูมาสักระยะแล้ว ก็ไม่เห็นท่าทีว่าเจ้าชายจะสนใจเธอแต่อย่างใด ก็จะมีแต่ออกัสตุสนี่แหละครับที่ตามจีบเธออยู่ ... แต่เธอก็ต้องพยายามต่อไปเพราะสิ่งที่เธอต้องทำทั้งหมดนี้มันคือความคาดหวังของครอบครัว ที่อยากให้การจับคู่กับเจ้าชายนี้จะช่วยค้ำยันฐานะทางธุรกิจของครอบครัวให้รุ่งเรืองแบบนี้ต่อไปได้
• ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องคู่ครองเท่านั้นที่เธอต้องแบกรับความคาดหวัง ครอบครัวของเธอต้องการให้เฟลิซต้องเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบในทุกเรื่อง ดังนั้นเฟลิซก็ต้องพยายามทำหรือไม่ก็ต้องสร้างภาพให้ครอบครัวเห็นว่าเธอทำมันได้ อย่างเช่นเรื่องการขี่ม้า ที่เธอพยายามแล้วแต่ก็ไม่เป็นที่น่าพอใจ ที่นั่นเองเธอก็ได้รู้จักกับซาร่าที่เชี่ยวชาญเรื่องของม้ามากและหลังจากที่ทั้งคู่คลุกคลีอยู่ด้วยกัน เฟลิซก็ยอมรับในตัวของซาร่า และสุดท้ายทั้งคู่ก็ตกลงที่จะเป็นเพื่อนกัน
• วันหนึ่งเฟลิซก็ชวนซาร่ามาดูหนังที่หอพักในโรงเรียน ในห้องดูหนังของโรงเรียนจึงเต็มไปด้วยนักเรียนประจำทั้งหลายรวมทั้งวิลเฮล์ม และแน่นอนครับซีมอนก็มาพร้อมกับซาร่าตามคำเชิญของเฟลิซ
• แล้วเหตุการณ์บางอย่างก็เกิดขึ้น!! .. เมื่อขณะที่ทุกคนตั้งใจดูหนังกัน อยู่ดีๆซีมอนก็แอบจับมือของวิลเฮล์ม ส่วนวิลเฮล์มก็ไม่ได้มีท่าทีที่หลบเลี่ยงแต่อย่างไร สุดท้ายทั้งคู่จึงนั่งกุมมือกันเหมือนคู่รักเวลาอยู่ในโรงหนัง ทว่าไม่นานนักซาร่าก็เห็นเข้า เพราะซาร่าเองก็ชอบสังเกตพฤติกรรมของทั้งคู่เวลาที่อยู่ด้วยกัน (ซาร่ารู้อยู่แล้วครับว่าซีมอนชอบวิลเฮล์ม เพราะซีมอนเปิดเผยกับทุกคนมานานแล้วว่าชอบผู้ชาย) สักพักวิลเฮล์มก็เห็นว่าซาร่ามองดูพวกเขาอยู่ เขาจึงตกใจแล้วเดินออกไปจากห้องดูหนังในทันที
• วิลเฮล์มออกมานั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างของทางเดินในหอพักเพื่อนั่งคิดทบทวนกับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วไม่นานซีมอนก็เดินตามลงมา วิลเฮล์มรู้สึกว่าตัวเองแค่รู้สึกสับสนกับความสัมพันธ์แบบนี้ จึงพยายามจะพูดปฏิเสธซีมอนว่า ตัวเขาไม่ได้เป็นแบบที่ซีมอนคิด ... แต่ไม่ทันเสียแล้ว ซีมอนเป็นฝ่ายเริ่มจูบวิลเฮล์มก่อน เพื่อดูปฏิกริยาว่าวิลเฮล์มจะรู้สึกอย่างไร ... อีกครั้งครับที่วิลเฮล์มพูดปฏิเสธ .. สร้างความรู้สึกผิดหวังให้กับซีมอนเป็นอย่างมาก
• แต่ในขณะที่ซีมอนกำลังจะเดินจากไป สุดท้ายความรู้สึกลึกๆในใจของวิลเฮล์มก็เอาชนะความกลัวที่ต้องรักษาภาพลักษณ์และสถานภาพของตัวเอง กลายเป็นฝ่ายวิลเฮล์มที่จู่โจมรอยจูบใส่ซีมอน พร้อมปลดปล่อยความรู้สึกที่มีให้กันอย่างเต็มใจ
• อย่างไรก็ตามความสับสนในใจของวิลเฮล์มนั้นยังไม่หายไป อันที่จริงมันไม่ใช่ความสับสนที่จะยอมรับว่าเขาชอบซีมอนหรือไม่เพราะว่าลึกๆในใจนั้นวิลเฮล์มรู้ตัวดีว่าเค้าต้องการอะไร แต่สิ่งที่มันเป็นความสับสนของเค้านั่นคือเขาจะเลือกอะไรระหว่างสิ่งที่ใจปรารถนาหรือสถานภาพที่เขาต้องแบกเอาไว้
• ก็เลยทำให้วันต่อมาวิลเฮล์มเลือกที่จะออกห่างจากซีมอนเพราะเค้าคิดว่ามันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าสำหรับเขา แต่ในที่สุดวิลเฮล์มก็ทนไม่ได้ครับ เขาคิดว่าบางทีเขาไม่จำเป็นต้องแบกอะไรไว้มากมาย เพราะอย่างเสียเขาก็ไม่ต้องทำหน้าที่ในฐานะรัชทายาท ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นคนที่เพียบพร้อมเหมือนพี่ชายของเขา เขาก็เลยเลือกที่จะทำตามใจตนเอง
• จนถึงวันพบปะผู้ปกครองของโรงเรียน ในช่วงสุดสัปดาห์นี้เหล่านักเรียนประจำจะได้รับอนุญาติให้ออกไปค้างคืนกับผู้ปกครองนอกโรงเรียนได้ แต่ตัวของวิลเฮล์มเองงานนี้ผู้ปกครองของเค้านั่นก็คือสมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน ไม่สามารถมาร่วมงานได้ เขาจึงใช้โอกาสนี้ขอไปอยู่ที่บ้านของซีมอนแทน
• แต่แล้วทุกอย่างก็พังครืนลงมา ขณะที่วิลเฮล์มกำลังจะออกจากโรงเรียนเพื่อไปนอนค้างที่บ้านของซีมอน ก็มีสายด่วนจากสำนักพระราชวังโทรมา เพื่อแจ้งข่าวร้ายว่าเจ้าชายเอียริคประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และเสียชีวิต ทำให้วิลเฮล์มต้องกลับไปร่วมพิธีศพ และที่สำคัญเขาต้องรับหน้าที่เป็นมกุฏราชกุมารต่อจากพี่ชายของเขา ...
• นอกจากนี้เหตุการณ์หลายอย่างก็เกิดขึ้นในวันพบปะผู้ปกครอง ไม่ว่าจะเป็นความลับบางอย่างที่ปกปิดเอาไว้ของออกัสตุสก็ถูกเฉลยออกมา ซึ่งนั่นจะเป็นชนวนเหตุให้เกิดความวุ่นวายกับซีมอนในตอนท้ายๆ หรือ การผิดใจกันของเฟลิซกับซาร่า และการที่เฟลิซตัดสินใจทำอะไรบางอย่างจนมีผลต่อบทสรุปในท้ายเรื่อง
• สุดท้ายแล้วเมื่อวิลเฮล์มกลับมาที่ฮิลเลอร์สก้าร์ในฐานะมกุฏราชกุมารนั้นจะมีผลอะไรต่อชีวิตของเขาบ้าง ทั้งเรื่องความรักที่มีต่อซีมอน เรื่องความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในตำแหน่งผู้สืบสันตติวงศ์ การรักษาเอาไว้ซึ่งเกียรติภูมิของราชวงศ์ และการรับมือของปัญหาที่ออกัสตุสจะเป็นคนวางระเบิดเอาไว้ ... อันนี้ต้องติดตามชมกันครับ ว่าเจ้าชายของเราจะรับมือกับทุกสิ่งที่กล่าวมานี้อย่างไร รับรองว่าเข้มข้นและกดดันความรู้สึกของคนดูกันจนถึงตอนสุดท้ายครับ
• อันนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ได้ดูซีรีส์จากสวีเดน ซึ่งผมมองว่ามันมีความแตกต่างจากที่เราเคยดูซีรีส์วายจากฝั่งเอเชียอยู่พอสมควร ทั้งเรื่องโปรดักชั่นและการเล่าเรื่อง
• ประการแรกเลยเรื่องโปรดักชั่น โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าน่าจะเป็นสไตล์ของทางยุโรปหรือเปล่านะครับอันนี้ไม่แน่ใจ แต่สิ่งที่เห็นคือความ Real ของโปรดักชั่นที่แทบไม่ต้องประดิษฐ์อะไรมากมาย ดูง่ายๆอย่างแค่ฉากฮิลเลอร์สก้าร์ ที่ดูเป็นโรงเรียนประจำแบบปกติมากครับ ทั้งๆที่ในเรื่องที่นี่คือศูนย์รวมของลูกหลานชนชั้นสูงของสวีเดน ซึ่งถ้าเป็นฝั่งเอเชียนี้ถ้าบอกว่าเป็นโรงเรียนประจำของเหล่าไฮโซนี้ ผมว่าต้องออกแบบฉากแบบอลังการปานพระราชวังแวร์ซายแน่นอน หรือ อย่างนักแสดงที่ไม่ต้องเพอร์เฟคตามอุดมคติ เจ้าชายของเราหน้าเป็นสิวก็ได้ครับ นั่นแหละคือความ Real ที่แตกต่างจากที่เห็นในซีรีส์ฝั่งเอเชีย
• ประการที่สองคือการเล่าเรื่อง ที่ต้องบอกก่อนว่ามันดูน่าอึดอัดนิดนึงครับ สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ดูซีรีส์จากฝั่งตะวันตกแบบผม คือเค้าจะเล่าเรื่องโดยผ่านความคิดความรู้สึกของตัวละคร ไม่ค่อยเห็นการเล่าเรื่องโดยภาพหรือเหตุการณ์เท่าไหร่
• ดังนั้นจึงรู้สึกว่าการดำเนินเรื่องค่อนข้างช้า ดูน่าอึดอัดในบางตอน เพราะกว่าเราจะเข้าใจเรื่องได้ทั้งหมดนี้ต้องมาดูเรื่องราวชีวิตของตัวละครแต่ละตัวจนครบแล้วถึงเอามาปะติดปะต่อเรื่องจากความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัว ซึ่งเรื่องนี้ผ่านไปจนถึง 5 ep. แล้วครับ ถึงจะเข้าสู่ประเด็นแกนของเรื่องจริงๆ ผมว่ามันช้าไปครับ เพราะมีแค่ 6 ep. เท่านั้น
• ช่วงไคลแมกซ์ของเรื่องเลยมีเวลาให้ขยี้อยู่ไม่เยอะ แถม 4 ep. แรกก็วางปมเอาไว้เพียบเลย จน 2 ep. สุดท้ายมันเลยดูรีบๆไปหน่อยครับ ทั้งๆที่เป็น 2 ตอนที่น่าจะใส่อะไรได้เยอะกว่านี้แต่เวลามันไม่พอ ก็เลยขัดใจอยู่นิดหน่อยครับในตอนจบ SS1เพราะ มันไม่มีปมไหนมีบทสรุปที่ชัดเจน มีแต่ประเด็นค้างคาให้ไปลุ้นกันต่อใน SS2 เกือบทั้งหมดเลยครับ
• สำหรับผมแล้ว ... ซีรีส์เรื่องนี้มีประเด็นที่น่าสนใจอย่างหนึ่งที่ผมชอบมากและเห็นว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนอะไรบางอย่างให้เราเห็นและควรคิดตาม นั่นก็คือมุมมองของโลกตะวันตกที่มีต่อเรื่องความหลากหลายทางชนชั้น เชื้อชาติ ตลอดจนถึงเรื่องความหลากหลายทางเพศในสังคมโดยเฉพาะในยุโรปได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว
• เรื่องนี้เสนอภาพความหลากหลายเรื่องของเชื้อชาติค่อนข้างชัดเจนก็จริง แต่เป็นความหลากหลายที่ค่อนข้างจิกกัดเรื่องความแบ่งแยกทางชนชั้นในสังคมพอสมควร โดยที่เขาพยายามแสดงให้เห็นว่าทุกเชื้อชาติหรือสีผิวต่างก็มีตัวตนที่เหมือนกันเท่าๆกันในสังคมของสวีเดน เช่น เฟลิซก็เป็นลูกครึ่งเชื้อสายแอฟริกัน ก็มีสถานภาพเป็นชนชั้นสูงในโรงเรียนได้ นั่นก็เพราะว่า " เธอคือครอบครัวคนรวย"
• มันก็เลยทำให้เห็นว่าแม้ภาพของความเสมอภาคทางชนชั้นคือสิ่งที่ควรจะเป็นในสังคมของสวีเดน แต่ความจริงแล้วมันก็มีการแบ่งแยกอีกลักษณะคือความเป็นคนรวย คนจน ผู้ดี สามัญชน จึงทำให้มีตัวละครอย่าง ซีมอน ที่มีเชื้อสายลาตินอเมริกา หรือเพื่อนโรงเรียนเก่าของซีมอนที่มีเชื้อสายอินเดีย ถูกบูลลี่ว่าเป็นแก๊งค์อันธพาล เป็นตัวตลกต่างๆนานา เพียงเพราะว่าพวกเขาคือคนธรรมดาที่ฐานะยากจน
• หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Ep.5 เรื่องสมาคมลับของลูกหลานชนชั้นสูง นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้หยิบยกขึ้นมาสะท้อนภาพความเท่าเทียมที่ยังไม่มีอยู่จริงในสังคมสวีเดน แม้ว่าหลายคนจะมองว่าประเทศโลกเสรีในสแกนดิเนเวียที่ได้ชื่อว่าพัฒนาแล้ว ก็ยังมีเรื่องพวกนี้อยู่เช่นกัน
• สำหรับมุมมองเกี่ยวกับ LGBTQ ... แน่นอนครับว่า Young Royals นี้เล่าชัดเจนเลยว่านี่คือซีรีส์ที่เล่นประเด็นเรื่องความเป็น LGBTQ แถมกล้าที่จะหยิบยกความเป็น Gay ของสมาชิกในราชวงศ์มานำเสนอด้วย ซึ่งอันที่จริงถ้าเราแยกประเด็นออกมาเป็น 2 ส่วน นั่นก็คือประเด็น LGBTQ กับเรื่องสถานภาพของราชวงศ์ ก็จะเห็นได้ว่า ตัวซีรีส์เองมองถึงเรื่องนี้ LGBTQ เป็นเรื่องที่ปกติมากครับ ไม่ได้มีประเด็นที่ออกไปทาง Bully หรือ มองว่าเป็นความผิดปกติสักเท่าไหร่
• แต่บังเอิญว่าในเรื่องนี้เล่นเอาประเด็น LGBTQ ไปผูกกับสถานภาพของราชวงศ์น่ะซิครับ มันเกิดความน่าสนใจขึ้นมา คือปัญหาสำคัญของเจ้าชายวิลเฮล์มนั้น ไม่ได้อยู่ที่ความเป็น LGBTQ ของเค้า แต่มันเกิดจากความจำเป็นในการรักษาสถานภาพและหน้าที่การเป็นรัชทายาทต่างหาก
• เพราะในเรื่องของสถานภาพทางสังคมของความเป็นราชวงศ์ ที่มีเรื่องจารีตโดยเฉพาะการสืบสันตติวงศ์ (จำเป็นต้องมีทายาทเพื่อสืบทอด) รวมทั้งหน้าที่ และสถานะของ Elite เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มันก็เลยเหมือนกับว่าซีรีส์เรื่องนี้เอาความเป็น LGBTQ มาเป็นเงื่อนไขหนึ่งเพื่อใช้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องของชนชั้นซะมากกว่าครับ (ที่เอาราชวงศ์มาเป็นตัวแทนของ "ชนชั้น" ในการเล่าเรื่องนั่นเอง)
• ดังนั้นเรื่องนี้เลยเป็นการสะท้อนภาพมุมมองความคิดของคนในโลกตะวันตกว่า LGBTQ นี้ไม่ใช่ประเด็นของความแตกต่างในสังคมเท่าไหร่ครับ เป็นเรื่องปกติ เปิดกว้างกันและยอมรับว่าเป็นสิ่งธรรมดาในสังคม แต่ความแตกต่างทางชนชั้น ฐานะหรือในบางประเด็นทางเชื้อชาติต่างหากที่เค้ามองว่ามันคือปัญหาและสะท้อนภาพออกมาให้เราเห็นกัน ซึ่งมันตรงกันข้ามกับมุมมองในโลกตะวันออกเลยนะครับที่เรื่อง LGBTQ คือสิ่งแตกต่างในสังคม แต่เรื่องชนชั้นหรือเชื้อชาติไม่ค่อยเป็นสิ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาให้เห็นมากนัก
• โดยสรุปแล้ว Young Royals เป็นซีรีส์วายที่จะว่าน่าเบื่อเลยก็ไม่ใช่ครับ หรือเป็นซีรีส์ที่สนุกตื่นเต้นฟินจิกหมอนไปเลยก็ไม่เชิง เพราะจริงๆแล้วผมว่าเรื่องนี้มีอะไรให้ดูให้คิดมากกว่าเป็นซีรีส์วาย ดังนั้นถ้าคาดหวังว่าจะมาดูความฟิน ความจิ้นอย่างเดียว เรื่องนี้คงไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ครับ
• แต่ถ้าตั้งใจเข้ามาดูแล้วมองว่าเป็นซีรีส์แนว Coming of Age ที่เสียดสีสังคมเรื่องหนึ่ง แล้วมีความเป็น LGBTQ พร้อมกับการหยิบเรื่องของราชวงศ์มาเล่นด้วย อันนี้จะทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีความน่าสนใจ น่าติดตามชมเลยทีเดียวครับ
• อย่างไรก็ตามถ้าให้พูดเฉพาะความเป็น" ซีรีส์วาย" นี้ก็มีหลายอย่างที่ทำให้จิ้นให้ฟินกันได้นั่นก็คือ เคมีของนักแสดงคู่หลักอย่าง "วิลเฮล์มและซีมอน" อันนี้คืออินมาก น้องทั้ง 2 คนเล่นได้แบบเชื่อจริงๆว่าคือความแฟนแอบคบกัน ยิ่งวิธีเล่าของเรื่องนี้ที่เน้นอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครแล้ว ความอึดอัดในใจของตัววิลเฮล์ม หรือวิถีความเป็นเกย์ออริจินอลของซีมอนแล้ว ทำให้เรายิ่งดูก็ยิ่งเชื่อ ยิ่งอินไปกับตัวละคร
• ขอเสริมอีกเรื่องหนึ่งคือเพลงประกอบเรื่องนี้เพราะมาก เช่น เพลงหลักที่ในเรื่องคือเพลงของคณะประสานเสียงร้องในพิธีต้อนรับมีชื่อ "It Takes A Fool To Remain Sane" ที่ได้ Omar Rudberg หรือ น้องซีมอนในเรื่องนั่นแหละครับเป็นคนร้อง (จริงๆน้องเป็นนักร้องของสวีเดนครับ ไม่ใช่นักแสดง แต่พอดีเค้ามีเชื้อสายเวเนซุเอล่า ซึ่งตรงกับคารแรกเตอร์ในเรื่องของซีมอนพอดี เลยได้เข้ามาแคสและได้รับเลือกให้เล่นซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก) หรือเพลงอื่นๆในเรื่องนี้ต้องบอกว่าติดหูมากและเข้ากับอารมณ์ในตอนนั้นๆมาก ต้องไปหาฟังกันนะครับ
• สุดท้ายก็อีกเช่นเคยที่ต้องบอกว่า "แนะนำ" ให้ดูกันนะครับ เพื่อจะได้เห็นซีรีส์จากฝั่งยุโรปว่ามันให้อารมณ์ที่แตกต่างกับฝั่งเอเชียอย่างไร โดยเฉพาะสายดราม่านี้ไม่ควรพลาด กระชากอารมณ์กันตั้งแต่ Ep.แรก จนถึง Ep. สุดท้ายกันเลยครับ ส่วนใครที่ไม่ชอบอะไรค้างคาก็อาจจะต้องบอกว่าควรรอดูพร้อม SS2 เลยดีกว่าครับเพราะจบได้แบบขัดใจพอสมควร แต่ว่าก็ต้องรอลุ้นกันอีกทีว่าทาง Netflix จะทำ Season 2 ออกมาไหมเพราะยังไม่มีข่าวคอนเฟิร์มออกมาเลยครับ อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าเค้าต้องทำออกมาแน่ๆครับ กระแสตอบรับก็ค่อนข้างดี แถมปูเรื่องมาแบบคิดมาแล้วว่าต้องทำภาคต่อ .....รอฟังข่าวแล้วกันนะครับ!!!
บันทึก
2
3
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย