Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
25 ส.ค. 2021 เวลา 02:40 • กีฬา
มหากาพย์ตอร์เรส ย้ายจากลิเวอร์พูลไปสู่เชลซี ในปี 2011 เรื่องนี้มีดราม่าพอสมควรกว่าดีลจะลุล่วง เราจะย้อนอดีตไปเล่าเหตุการณ์นี้อีกครั้ง
1
ในวันแรกที่เฟร์นันโด ตอร์เรสย้ายมาลิเวอร์พูล สิ่งที่ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมหงส์แดงบอกกับเขาคือ "นายไปเข้ายิมซะ"
ราฟาแนะนำตอร์เรสว่า "ต่อให้นายคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เซ็นเตอร์แบ็กที่อังกฤษแข็งแรงกว่า พวกเขาสูง 190 เซนติเมตร หนัก 90 กิโลกรัม เพราะฉะนั้นถ้านายแข็งแรงมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะมีโอกาสดีที่นายจะไปถึงบอลก่อนคู่แข่ง"
ตอร์เรสย้ายจากแอตเลติโก้ มาดริด มาลิเวอร์พูลในช่วงซัมเมอร์ปี 2007 ด้วยค่าตัวสูงถึง 26 ล้านปอนด์ เขาเป็นทั้งกัปตันของแอตเลติโก้ และเป็นตัวจริงของทีมชาติสเปน สื่อมวลชนยกย่องให้เขาเป็นกองหน้าระดับท็อปเท็นของโลก แต่การเจอราฟาครั้งแรก ทำให้เขาแปลกใจ เพราะราฟาไม่ได้สดุดีเขาจนตัวลอย เหมือนคนทั่วๆ ไป
ไม่ใช่แค่วันแรก แต่ยิ่งทำงานร่วมกัน ราฟา ก็จ้ำจี้จ้ำไชตอร์เรส ในดีเทลเล็กๆ แบบที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน เช่น การยืนตำแหน่งตอนไม่มีบอลต้องทำอย่างไร, การเลือกวิธีการยิงในแต่ละจังหวะแบบไหนดีที่สุด หรือ ยกสถานการณ์ตัวอย่างว่า ถ้าคู่แข่งดักหน้าแบบนี้ ควรโยกไปซ้ายหรือขวามากกว่ากัน
ตอร์เรสเล่าว่า "อะไรที่คุณไม่เคยคิดมาก่อน แต่ราฟาคิดไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว และอะไรที่คุณเคยคิดมาตลอดว่าไม่สำคัญ ประเภทที่ซ้อมไปก็ไร้ประโยชน์ แต่พอคุณลองทำตามที่ราฟาสั่ง มันได้ผลในสนามจริงทุกครั้ง"
หนึ่งในเรื่องที่สำคัญที่สุด ที่ราฟาสอนตอร์เรสคือ วิธีการเล่นแบบประชิดกับกองหลัง กล่าวคือกองหน้าหลายคนพยายามจะอยู่ห่างจากเซ็นเตอร์แบ็กให้มากที่สุดเพื่อที่จะได้มีพื้นที่ในการเล่น แต่ราฟาสอนตอร์เรสว่า การอยู่ประชิดกับกองหลังไม่ใช่ปัญหา ถ้าหากเขาวิ่งฉีกออกมาได้อย่างถูกจังหวะ มันจะยิ่งทำให้กองหลังไล่ตามทันได้ยากขึ้น
ดังนั้นสิ่งที่ตอร์เรสเปลี่ยนไป เมื่อย้ายมาลิเวอร์พูลคือเขาจะมีลูกชิงจังหวะมากขึ้น มีหลายๆ เพลย์ที่เขายืนตัวแทบจะติดกับเซ็นเตอร์แบ็กคู่แข่ง แต่ทันใดนั้น เขาก็สปรินท์ไปจุดนัดพบ แล้วยิงประตูสวยๆ ได้เป็นประจำ
ตอร์เรสเป็นนักเตะที่พิเศษที่สุดของราฟาเสมอ ก่อนเกมจะเริ่มทุกนัด ราฟาจะไปศึกษาข้อมูลของเซ็นเตอร์แบ็กคู่แข่งว่ามีจุดอ่อนตรงไหน และศึกษานายทวารคู่แข่งว่าชอบพุ่งไปฝั่งใดมากกว่า แล้วเอาข้อมูลเหล่านี้มาป้อนให้ตอร์เรสเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำประตู
นอกจากนั้นยังสอนตอร์เรสด้วยว่า วิธีการเล่นที่ลิเวอร์พูลกับทีมชาติสเปนมันไม่เหมือนกัน ที่สเปนเขากับดาบิด บีญ่า ต้องช่วยกันวิ่งส่ายหาพื้นที่ แต่กับลิเวอร์พูลเขาไม่ต้องทำแบบนั้น หน้าที่ของตอร์เรสคือ ยืนในตำแหน่งที่ถูกต้อง แล้วเดี๋ยวเพื่อนๆ อย่างสตีเว่น เจอร์ราร์ด หรือ เดิร์ก เคาท์ จะหาช่องทางในการส่งบอลให้เอง
แน่นอนว่า ความละเอียด ความจ้ำจี้จ้ำไช อาจทำให้นักเตะบางคนอึดอัด แต่กับตอร์เรสเขามองว่า ก็อึดอัดจริง แต่มันก็มีประโยชน์มาก "ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบในสิ่งที่ราฟาทำ บางคนเมื่อโดนจี้มา ก็คิดในใจว่า 'ช่างแม่ง' แต่มันก็มีบางคน ที่พร้อมจะทำงานหนักขึ้น 2 เท่า เพื่อทำในสิ่งที่โค้ชต้องการให้ได้"
1
"เมื่อผมได้รู้จักราฟา ผมถึงเพิ่งเข้าใจว่า โค้ชมีความสำคัญมากจริงๆ หน้าที่โค้ชไม่ใช่แค่เลือกไลน์อัพ 11 คน ลงสนามแต่ละเกม แต่เขามีหน้าที่ในการดึงศักยภาพที่ดีที่สุดออกมาจากนักเตะแต่ละคนด้วย"
ในช่วง 3 ปีแรกที่ตอร์เรสอยู่กับลิเวอร์พูล เป็นช่วงเวลาที่เขาเล่นได้พีกที่สุดในอาชีพนักฟุตบอล
2007-08 : ยิง 24 ลูก (ติดทีมยอดเยี่ยม PFA)
2008-09 : ยิง 14 ลูก (ติดทีมยอดเยี่ยม PFA)
2009-10: ยิง 18 ลูก
ไม่ใช่แค่ในลีก ที่เล่นได้น่าทึ่ง แต่กับทีมชาติเขายิ่งประสบความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่าเสียอีก โดยตอร์เรสเป็นคีย์แมนที่ทำให้ทีมชาติสเปน ได้แชมป์ยูโร 2008
จุดที่น่าสนใจคือ ถ้าเราไปดูประตูชัยในนัดชิงที่สเปนชนะเยอรมัน 1-0 ตอร์เรสใช้เทคนิคที่ราฟาสอนเป๊ะเลย นั่นคือยืนชิดกับเซ็นเตอร์แบ็ก -คริสตอฟ เม็ตเซลเดอร์ จากนั้นทันทีที่ชาบี เอร์นันเดซแทงบอล เขาสปรินท์ไปที่จุดนัดพบทันที ก่อนดีดข้ามตัวเยนส์ เลห์มันน์ อย่างเพอร์เฟ็กต์ที่สุดจริงๆ วิชายืนประชิดแล้วหาที่ว่าง มันได้ผลในเกมเลเวลระดับสูงสุดจริงๆ
1
ความยอดเยี่ยมของตอร์เรสมันไปไกลขนาดไหน สามารถดูได้จากช่วงสิ้นปี 2008 ตอร์เรสได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมอันดับ 3 ในการประกาศรางวัลบัลลงดอร์ ตามหลังแค่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับลีโอเนล เมสซี่เท่านั้น
การที่เป็นนักเตะที่เก่งอยู่แล้ว แต่อยากจะเก่งขึ้นอีก ไม่เคยมีอีโก้ว่าข้าแน่ แถมรักษาวินัยอย่างสม่ำเสมอ บวกกับบุคลิกหน้าตาที่หล่อเหลาดูดี ทำให้แฟนบอลรักและชื่นชมเขาอย่างมาก
ในช่วงนั้น ยอดขายเสื้อเบอร์ 9 ของตอร์เรส แซงหน้าเสื้อเบอร์ 8 ของสตีเว่น เจอร์ราร์ดเสียอีก ซึ่งไม่ง่ายนะ ที่จะมีนักเตะสักคน ได้รับความนิยมยิ่งไปกว่ากัปตันสตีวี่จี
ถึงตรงนี้ ทุกอย่างดูสวยงาม ใครๆก็คิดว่า ตอร์เรสน่าจะเป็นคีย์แมนของลิเวอร์พูลไปอีกนานหลายปี คงยากที่ตอร์เรสจะทิ้งทีมไป เพราะดูเขาก็เอ็นจอยกับชีวิตในเมืองลิเวอร์พูลเป็นอย่างดี ค่าเหนื่อยก็ได้เยอะ ได้เงิน 110,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เป็นรองแค่เจอร์ราร์ดคนเดียว
ผู้จัดการทีมก็รัก แฟนบอลก็รัก เขาอยู่ที่นี่ต่อ ก็จะมีสเตตัสที่เลอค่ามากๆ เผลอๆ อาจจะแขวนสตั๊ดที่แอนฟิลด์เลยก็ยังได้
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกที่อยากจะอยู่ลิเวอร์พูลต่อไปนานๆ ของตอร์เรส ไม่ได้คงอยู่ไปชั่วนิรันดร์ กล่าวคือสำหรับเขา แค่ความรักและความรู้สึกดี มันไม่เพียงพอ เพราะในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ เขาเองก็โหยหากับความสำเร็จเป็นอย่างมาก
หลังจบฤดูกาล 2009-10 ลิเวอร์พูลจบอันดับ 7 ของลีก ทั้งๆที่ตอร์เรสยิงไปถึง 18 ลูกก็ไม่ได้ช่วยอะไร จากนั้นตอร์เรส ไปเล่นฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้ และช่วยสเปนคว้าแชมป์โลกได้อย่างยิ่งใหญ่ มันเลยเป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันว่า ตอนเขาอยู่กับทีมชาติ เขาได้สัมผัสฟีลลิ่งแชมป์ แต่พออยู่กับสโมสร ทีมอยู่แค่อันดับ 7 ของตาราง ไม่ได้ใกล้เคียงกับการได้แชมป์ และไม่ได้อยู่ในพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกด้วยซ้ำ
2
ผลงานที่ตกต่ำของลิเวอร์พูลคือเหตุผลแรก เหตุผลที่สองคือ สโมสรปลดราฟา เบนิเตซ ผู้จัดการทีมที่เข้าใจเขามากที่สุดออกจากทีม เรื่องนี้ทำให้ตอร์เรสผิดหวังมาก เพราะราฟา ทำผลงานดีมาตลอด แต่มาพลาดได้อันดับ 7 แค่ปีเดียว แต่สโมสรหั่นทิ้งแบบไม่เห็นคุณค่ากันเลย แล้วไปแต่งตั้งรอย ฮอดจ์สัน มาแทนที่ ซึ่งคุณภาพก็เห็นๆกันอยู่ ว่าด้อยลงกว่าเดิมอย่างชัดเจน
บวกกับเหตุผลที่สาม คือทัศนคติของสโมสรในยุคนั้น ที่ขายบิ๊กเนมทิ้ง แล้วซื้อตัวคุณภาพด้อยกว่ามาแทน มันไม่ใช่ทัศนคติของทีมใหญ่เลย ซึ่งตัวตอร์เรสเอง ไม่รู้ว่าถ้าอยู่แบบนี้ต่อไป สโมสรจะคัมแบ็กกลับมาลุ้นแชมป์ได้จริงๆหรือ?
ซัมเมอร์ปี 2009 ลิเวอร์พูลขายชาบี อลอนโซ่ และ อัลบาโร่ อาร์เบลัว ให้กับเรอัล มาดริด ตามด้วยปี 2010 ขายฮาเวียร์ มาสเคราโน่ แล้วตัวที่ซื้อมาแทน คือพวกจอนโจ เชลวีย์, คริสเตียน โพลเซ่น และ พอล คอนเชสกี้ ถามว่าซื้อขายแบบนี้ยังมีใจอยากจะเป็นแชมป์จริงๆหรือ?
เมื่อเจอทุกอย่างประเดประดังเข้ามา มันเลยค่อยๆ เปลี่ยนความคิดในใจของตอร์เรส ว่าทำไมเขาต้องทนอยู่กับลิเวอร์พูลที่ดูแล้วจะมีแต่ขาลง ทั้งๆที่ มีทางเลือกกับสโมสรอื่นที่มีลุ้นแชมป์มากกว่านี้อีกเยอะ
สองทีมที่จับเซนส์ความอยากย้ายทีมของตอร์เรสได้อย่างรวดเร็วคือ เชลซี และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้งคู่ติดต่อมาหาตอร์เรสพร้อมกันในช่วงซัมเมอร์ปี 2010 แต่คริสเตียน เพอร์สโลว์ ผู้บริหารทีมในขณะนั้น ขอร้องให้ตอร์เรสอยู่ช่วยทีมต่อไปก่อน
โดยตอร์เรสตอบกลับว่า "ผมจะอยู่ต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าทิศทางสโมสรจากนี้ไปจะอย่างไรต่อ เราเคยใกล้เคียงจะได้แชมป์ แต่ทีมก็ปล่อยบุคลากรดีๆ ออกไปหมด แล้วอนาคตของสโมสรมันอยู่ตรงไหน"
แม้จะพูดแบบนั้น ด้วยความผูกพันกับทีม ทำให้ตอร์เรสยอมกัดฟันสู้ต่อในซีซั่น 2010-11 ขอลองดูอีกสักเฮือกละกัน แต่ทว่าความพยายามของเขาเหมือนจะสูญเปล่า เพราะโค้ชที่มาแทนราฟาอย่าง รอย ฮอดจ์สัน ไม่สามารถตอบโจทย์ใดๆได้เลย
ฮอดจ์สันเป็นผู้จัดการทีมที่อายุเยอะแล้ว (63 ปี) แท็กติกต่างๆ ก็เอาต์ไปหมด และสไตล์ที่เล่นเพลย์เซฟ ก็ไม่ค่อยเหมาะกับทีมอย่างลิเวอร์พูลด้วย
ไม่ใช่แค่นั้น ฮอดจ์สันยังทำงานได้ลำบากยิ่งกว่าเดิม เพราะด้วยความที่เขาเป็นคนซอฟท์เกินไป ทำให้เหล่าผู้บริหารเข้ามาแทรกแซงการตัดสินใจได้ตลอดเวลา
โดยตอร์เรสเล่าเหตุการณ์ในช่วงนั้นว่า "ฮอดจ์สันเป็นคนดีนะ แต่ปัญหาคือผู้บริหารทีมของเราไม่ยอมให้เขาได้ทำงานอย่างที่ควรจะเป็น มีการดึงชาวออสเตรเลียเข้ามากลุ่มหนึ่งเพื่อควบคุมทุกอย่าง ใครจะได้ลง ใครจะไม่ได้ลง ต้องผ่านคนคนนี้ทั้งหมด ดังนั้นสำหรับผม ตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นจนถึงกลางฤดูกาล เปรียบเสมือนฝันร้าย ทุกอย่างมันเละเทะไปหมด"
ลิเวอร์พูลในฤดูกาล 2010-11 เล่นแบบไม่มีทรงอย่างสิ้นเชิง พวกเขาแพ้อย่างน่าอับอาย ให้กับทีมอย่างแบล็คพูล, สโต๊ค, แบล็คเบิร์น และแม้แต่นอร์ธแฮมป์ตัน ผลงานในลีกร่วงไปอยู่โซนตกชั้น และบอลถ้วยก็ตกรอบอย่างว่องไว ซึ่งถึงตรงนี้ ตอร์เรสคิดว่า มันคงไม่มีทางไปต่อได้แล้วล่ะ
จากโค้ชระดับท็อป เปลี่ยนเป็นโค้ชระดับท้องถิ่น จากนักเตะเกรดเอ กลายมาเป็นนักเตะเกรดธรรมดา นั่นทำให้ตอร์เรสทนไม่ไหวแล้ว เขากล่าวว่า "ตอนที่ผมย้ายมาลิเวอร์พูล เพราะผมมั่นใจว่าสโมสรแห่งนี้ เข้าใกล้การเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุโรป แต่ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง"
บรรยากาศในห้องแต่งตัว ทุกคนรับรู้ความรู้สึกของตอร์เรสได้เป็นอย่างดี ว่าไม่มีความแฮปปี้เหลืออยู่ เจย์ สเปียร์ริ่ง หนึ่งในนักเตะลิเวอร์พูลขณะนั้นเล่าว่า ตอร์เรสพูดจากับคนอื่นน้อยลง แค่มาซ้อมตามหน้าที่ แต่แพสชั่นมันลดลงไปถ้าเทียบกับ 3 ปีก่อนหน้านี้
1
ปลายปี 2010 มีข่าวดีนิดๆ เกิดขึ้นกับสโมสรลิเวอร์พูล เพราะเกิดการเปลี่ยนเจ้าของขึ้น จากจอร์จ ยิลเล็ตต์ กับ ทอม ฮิคส์ มาเป็นสปอร์ตเฟนเวย์กรุ๊ป ของจอห์น เฮนรี่ และเจ้าของใหม่ก็พยายามเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปลดรอย ฮอดจ์สันออกจากตำแหน่งทันทีแล้วเอาเคนนี่ ดัลกลิชมาคุม
ตามด้วยเซ็นสัญญาหลุยส์ ซัวเรซ สตาร์จากอาแจ๊กซ์ มาเพื่อเล่นหน้าคู่กับตอร์เรส คือพยายามหาตัวดีๆ มาเสริมทัพเพื่อแสดงให้ตอร์เรสเห็นว่า สโมสรก็ไม่ได้อยู่เฉยๆนะ แต่ก็พยายามอัพเกรดอยู่เหมือนกัน
แต่ปัญหาที่ตอร์เรสเห็นคือ ลำพังแค่การซื้อซัวเรซยังไม่พอหรอก โครงสร้างของลิเวอร์พูลมันอ่อนแอเกินไป กองหลังไม่ดี กองกลางไม่แข็งแรงพอ ในภาพรวมทีมยังมีจุดอ่อนมากกว่ากลุ่มทีมลุ้นแชมป์อื่นๆอีกเยอะ
เมื่อตัดสินใจว่ายังไงก็ไปต่อไม่ได้ ตอร์เรสจึงขึ้นบัญชีขอย้ายทีมอย่างเป็นทางการ ในเดือนมกราคม 2011 เขาตั้งใจจะย้ายทีมในตลาดหน้าหนาวเลย
แฟนบอลลิเวอร์พูลเมื่อทราบข่าวก็เสียใจมาก เพราะในทีมมีนักเตะระดับโลกแค่สองคนคือ ตอร์เรส กับ เจอร์ราร์ด ถ้าเสียตอร์เรสไป ทีมที่แย่อยู่แล้ว ก็จะยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิมอีก
ดาเมียน โคมอลลี่ ผู้อำนวยการกีฬาของลิเวอร์พูล พยายามรั้งตอร์เรสเอาไว้ โดยบอกว่า ลิเวอร์พูลตอนนี้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้ว และมีโปรเจ็กต์จะพัฒนาลิเวอร์พูลให้กลับไปเป็นทีมลุ้นแชมป์อีกครั้ง ซึ่งตอร์เรสก็เป็นส่วนสำคัญมากๆ ของโปรเจ็กต์ใหม่นี้
1
แต่ตอร์เรสไม่อินกับโปรเจ็กต์ดังกล่าวนัก เขาเผยว่า "การสร้างอะไรใหม่ขึ้นมา ต้องใช้เวลาสร้าง 2 ปี 3 ปี 4 ปี หรืออาจจะ 10 ปี ซึ่งผมไม่มีเวลามากพอขนาดนั้น ผมอายุจะ 27 ปีแล้ว และผมไม่มีเวลาที่จะรอความสำเร็จได้ ผมต้องการชนะ"
1
เมื่อตอร์เรสหนักแน่นขนาดนั้น ความพยายามจะรั้งต่อไปก็ยากจะทำได้แล้ว และทีมที่เดินหน้าปิดดีลให้ได้อย่างจริงจังคือเชลซี ของโรมัน อบราโมวิช ที่อยากได้ตอร์เรสเป็นอย่างมาก เนื่องจากมองว่าตอร์เรสอยู่ในช่วงพีกพอดี (26 ย่าง 27) และมีประสบการณ์ในเกมใหญ่ที่สุดอย่างฟุตบอลโลกนัดชิงมาแล้ว ดังนั้นถ้ามาอยู่กับทีม น่าจะช่วยสานความฝันในการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกที่รอคอยมานาน
เชลซียื่นข้อเสนอแรกเข้ามาในราคา 35 ล้านปอนด์ โดยลิเวอร์พูลปฏิเสธเนื่องจากมองว่าราคาต่ำเกินไป ตอร์เรสมีสัญญาเหลือถึงปี 2013 แปลว่าต่อให้ไม่ขายในเดือนมกราคมนี้ ลิเวอร์พูลก็ยังปล่อยขายในช่วงซัมเมอร์ได้อยู่ดี ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งร้อนอะไรขนาดนั้น
เคนนี่ ดัลกลิช พยายามเกลี้ยกล่อมให้ตอร์เรสอยู่ต่อ แต่ตอร์เรสตัดสินใจเด็ดขาดไปแล้ว เขามองว่าถ้าไปอยู่กับเชลซี โอกาสได้แชมป์ก็ง่ายกว่า และที่สำคัญคงได้เล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกทุกปีแน่ๆ
ลิเวอร์พูลปฏิเสธข้อเสนอแรก ทำให้เชลซีอัพราคาไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายทั้งสองฝ่ายเคาะตกลงกันได้ที่ตัวเลข 50 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นราคาซื้อตัวผู้เล่นที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ระหว่างทีมจากอังกฤษด้วยกัน
เมื่อข่าวหลุดออกมาว่าตอร์เรสจะย้ายไปเชลซีแน่ๆ ทำให้แฟนบอลส่วนหนึ่งเริ่มด่าตอร์เรสว่าเป็นคนทรยศ แฟนบอลอุตส่าห์รักขนาดนี้ แต่ดันย้ายไปทีมคู่ปรับสำคัญ คือถ้าย้ายไปลีกอื่นเลยมันคงจะไม่เสียใจขนาดนี้หรอก
ในระหว่างที่เชลซีกับลิเวอร์พูลกำลังเจรจากัน และดูแนวโน้มว่าตอร์เรสย้ายแน่ จังหวะนี้ผู้บริหารของทีมนิวคาสเซิลก็รีบโทรมาหา ดาเมียน โคมอลลี่ โดยถามว่าเสียตอร์เรสไป มีตัวแทนแล้วหรือยัง ถ้ายังสนใจแอนดี้ แคร์โรลล์หรือเปล่า สรุปคือลิเวอร์พูลสนใจ เพราะถ้าไม่มีตัวมาแทนที่ล่ะก็ แฟนบอลได้ด่าเละแน่ สุดท้ายจึงดีลราคากับนิวคาสเซิลหลายครั้ง และเคาะสรุปที่ 30 ล้านปอนด์
1
เรื่องแคร์โรลล์กับลิเวอร์พูลมีดราม่าเล็กน้อย เนื่องจากวันที่สื่อมวลชนเสนอข่าวว่า ลิเวอร์พูลตอบตกลงค่าตัว 50 ล้านปอนด์จากเชลซีแล้ว ฝั่งนิวคาสเซิลเห็นข่าว รู้แล้วว่าลิเวอร์พูลได้เงินเท่าไหร่ จึงขออัพราคาแคร์โรลล์เพิ่มอีก 5 ล้านปอนด์ จาก 30 ล้าน เป็น 35 ล้าน
ณ เวลานั้น ลิเวอร์พูลไม่มีทางเลือกแล้ว ต้องหากองหน้ามาร่วมทีมก่อนตลาดปิดให้ได้ จึงจำใจเซ็นสัญญา 35 ล้านปอนด์ และทำให้แคร์โรลล์เป็นนักเตะอังกฤษที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ไปแบบงงๆ ทั้งๆที่ความจริง ถ้าไม่ได้ซื้อตอน Panic Buy ราคาก็คงไม่ปั่นไปไกลขนาดนั้น
ตอนนี้การซื้อขายสรุปจบเรียบร้อย ในวันที่ 31 มกราคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายหน้าหนาวพอดี โดยตอร์เรส จะขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินจากลิเวอร์พูลไปที่ลอนดอน เพื่อเปิดตัวกับเชลซีในวันนี้เลย
จริงๆแล้ว ตอร์เรสเก็บข้าวของย้ายออกจากลิเวอร์พูลไปเงียบๆ ก็ได้ แต่ในวันสุดท้าย เขาตัดสินใจเข้ามาที่สนามซ้อมเมลวู้ด เพื่อร่ำลาทุกคนเป็นครั้งสุดท้าย คือจะดีจะร้าย เขาก็มีช่วงเวลาดีๆ ที่สโมสรแห่งนี้ และเพื่อนสนิทของเขาทั้ง เปเป้ เรน่า, ลูคัส เลว่า และ มักซี่ โรดริเกวซ ก็ยังอยู่ ดังนั้น มันคงจะดีกว่าถ้าเขาเดินทางมาร่ำลาด้วยตัวเอง
1
การมาที่เมลวู้ดในวันสุดท้าย คนที่เขาทำใจบอกลาได้ยากที่สุด คือกัปตันทีม สตีเว่น เจอร์ราร์ด "ผมแยกมาคุยกับเจอร์ราร์ดลำพัง 2 คนที่เมลวู้ด และอธิบายว่าได้ข้อเสนอจากเชลซี และตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายเพราะทิศทางของทีมคงไม่ดีขึ้นในช่วงใกล้ๆนี้ สตีวี่อยากให้ผมอยู่ต่อ แต่เขาก็เข้าใจ ว่าผมต้องเลือกสิ่งที่ผมคิดว่าดีที่สุดสำหรับตัวเอง"
1
เมื่อการร่ำลาสิ้นสุด ตอร์เรสเดินทางออกจากเมลวู้ด และเหตุการณ์บังเอิญในวันนั้น คือเป็นวันแรกที่หลุยส์ ซัวเรซ เดินทางมาถึงเมลวู้ดพอดี ทั้งสองคนมีโอกาสได้เจอกัน และทักทายกันสั้นๆ ก่อนที่จะเดินแยกกันไปคนละทาง ซึ่งก็น่าคิดว่า ถ้าตอร์เรสเลือกอยู่ต่อ และได้เล่นร่วมกับซัวเรซล่ะก็ เกมประสานงานของดูโอ ตอร์เรส-ซัวเรซ อาจจะยิงกันกระจุยจนสะเทือนพรีเมียร์ลีกเลยก็ได้
2
สุดท้ายตอร์เรส ก็เลยย้ายทีมไปทั้งๆแบบนั้น และมันทำให้แฟนลิเวอร์พูลจำนวนมาก กลายเป็นมีอคติกับเขาไปเลย เพราะในยามที่ทีมกำลังลำบาก ตอร์เรสก็ทิ้งกันไป เพื่อไปโกยความสำเร็จกับทีมอื่นกันง่ายๆ แทนที่จะอยู่กับทีมต่อ ช่วยกันปลุกปั้นทีมให้กลับมาลุ้นแชมป์อีกครั้ง
1
พอตอร์เรสย้ายออกไป ลิเวอร์พูลก็เจ็บปวดอยู่หลายปีมาก จนผ่านไป 3 ปีนั่นแหละ เมื่อหลุยส์ ซัวเรซ พัฒนาจนสุกงอม พวกเขาถึงค่อยกลับมามีลุ้นแชมป์อีกครั้งในซีซั่น 2013-14
ความเสียใจของแฟนลิเวอร์พูลนั้น ก็เข้าใจได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าคิดในมุมของตอร์เรสก็พอรู้เหตุผลของเขาเช่นกัน เพราะโลกนี้ไม่มีนักเตะคนไหน อยากเป็นราชาไร้มงกุฏ แชมป์กับทีมชาติได้มาแล้ว ตอร์เรสเองก็อยากไปถึงแชมป์ในระดับสโมสรบ้างเหมือนกัน
จริงๆ ช่วงชีวิตที่เชลซี ตอร์เรสไม่เคยเล่นได้ท็อปฟอร์ม เหมือนช่วง 3 ปีครึ่ง ที่อยู่กับลิเวอร์พูลเลย ถามว่าเล่นแย่ขนาดนั้นเลยไหม คำตอบคือ ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น หลายเกมก็เล่นได้ดี แต่เรื่องความคมโป้งเดียวปิด เหมือนสมัยอยู่กับแอตเลติโก้ มาดริด และลิเวอร์พูล ความรู้สึกแบบนั้นมันหายไปเลย
แต่ถ้ามองในแง่ความสำเร็จ ก็ถือว่าการย้ายไปของตอร์เรส ก็ไม่ได้ผิดพลาด เพราะที่เชลซี เขาได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และยูฟ่า ยูโรป้าลีก สองปีติดต่อกัน
ในแชมเปี้ยนส์ลีก 2012 เขาคือฮีโร่ที่พาเชลซีพิชิตบาร์เซโลน่าในเสี้ยววินาทีสุดท้าย การกระชากเดี่ยวล็อกหลบบิคตอร์ บัลเดส จะอยู่ในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลยุโรปไปอีกนาน ส่วนในยูโรป้าลีกนัดชิงปี 2013 เขาก็ยิงประตูได้ในนัดชิง ช่วยให้ทีมเป็นแชมป์อย่างสวยงามเช่นกัน
ดังนั้น การย้ายออกจากลิเวอร์พูล ถ้ามองในแง่ของความสำเร็จ และการเติบโตขึ้นในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ มันอาจเป็นชอยส์ที่ถูกต้องแล้วก็ได้
เส้นทางชีวิตมันก็แบบนี้ เมื่อเลือกทางหนึ่ง ก็ต้องสูญเสียอีกทางหนึ่ง ไม่มีทางหรอก ที่คุณจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ
คำถามคลาสสิคสุดท้าย มาจากไซม่อน ฮิวจ์ส นักข่าวจากอินดิเพนเดนท์ ที่ถามเฟร์นันโด ตอร์เรส หลังจากย้ายออกจากเชลซีแล้วว่า "เฟร์นันโด คุณเสียใจบ้างไหมที่ย้ายจากลิเวอร์พูลไปเชลซี"
และคำตอบของตอร์เรสคือ "ไม่เสียใจเลย เพราะผมย้ายไปแล้วได้แชมป์"
#CHOICE
9 บันทึก
35
3
9
35
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย