25 ส.ค. 2021 เวลา 06:00 • กีฬา
[ บนอัฒจันทร์ฝั่งอีสต์สแตนด์ ตอน: ปัญหาอยู่ที่ใคร ]
สุดยอดนักฟุตบอลหลายคนเคยบอกว่า การจะเปลี่ยนนักฟุตบอล “ชั้นยอด” ให้กลายเป็นนักฟุตบอล “ระดับโลก” ได้นั้น “ทัศนคติ” ในการเล่นฟุตบอลมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก
นานี่อดีตปีกทีมชาติโปรตุเกสของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ความสามารถเฉพาะตัวในตอนเป็นดาวรุ่งไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าคริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้ไปอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับโรนัลโด้ได้เสียที ก็เพราะ “ทัศนคติ” ในการเล่นฟุตบอลของเขานี่แหละ
ในวงการผู้จัดการทีมฟุตบอลก็เช่นเดียวกัน “โค้ชระดับโลก” กับ “โค้ชฝีมือดี” มันสามารถแยกกันได้ด้วย “ทัศนติในการคุมทีม”
1
ย้อนกลับไปในเกมวันอาทิตย์ที่สนามเซนต์ แมร์รี ของเซาท์แธมป์ตัน เป็นอีกครั้งที่โอเล่ โซลชา แสดงทัศนคติในการคุมทีมออกมาให้เห็นว่าเขายึดมั่นในความคิดที่ว่า “ไม่ชนะไม่เป็นไร แต่ขอไม่แพ้ไว้ก่อน”
ไม่แปลกที่คนเป็นโค้ชจะมีความคิดแบบนี้หากโค้ชคนนั้นกำลังคุมทีมปะทะกับ บาเยิร์น มิวนิค, เปแอสเช, เรอัล มาดริด หรือ บาร์เซโลน่า แต่นี่โอเล่ โซลชา คิดแบบนี้กับทีมอย่าง “เซาท์แธมป์ตัน” ..!!!!!
ถามว่าทำไมถึงรู้ว่าโอเล่ โซลชา คิดแบบนี้ รูปแบบการเปลี่ยนตัวในนัดนี้ มันแสดงออกชัดเจนมาก สกอร์กำลังเสมอ 1-1 แต่กว่าที่มิดฟิลด์ตัวรับอย่างเนมันย่า มาติช จะถูกถอดออกเพื่อเติมตัวรุกอย่างเจสซี่ ลินการ์ด เข้าไปในสนาม นั่นก็นาทีที่ 85 เข้าไปแล้ว
แล้วคิดว่าโค้ชอย่าง เฟอร์กี้, เป็ป กวาร์ดิโอล่า, เยอร์เก้น คล็อปป์ หรือ โธมัส ทูเคิ่ล จะรอถึงช่วง 5 นาทีสุดท้ายหรือไม่ ที่จะถอดตัวรับแล้วเสริมตัวรุก เพื่อบุกเอาประตู
เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับทัศนคติในการคุมทีมของคนเป็นโค้ชล้วน ๆ ว่าจะเลือกความพอใจแบบไหน แต่อย่างที่บอก ระดับแมนฯ ยูไนเต็ด เจอกับ เซาท์แธมป์ตัน คนเป็นโค้ชจะคิดแค่ขอ “ไม่แพ้ไว้ก่อน” ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
แฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ด มักจะคิดกันว่า ที่ทีมไปไหนได้ไม่สุด เพราะบอร์ดบริหารไม่ยอมทุ่มเงินซื้อตัวผู้เล่น แต่หากดูให้ดีที่ได้ลงสนามในวันอาทิตย์ แม็คไกวร์ 80 ล้านปอนด์ วาน - บิสซาก้า 50 ล้านปอนด์ ป็อกบา 89 ล้านปอนด์ บรูโน่ 50 ล้านปอนด์ เฟร็ด 52 ล้านปอนด์ ซานโช่ 70 ล้านปอนด์ เอาแค่หกคนนี้ค่าตัวก็ร่วม ๆ 400 ล้านปอนด์เข้าไปแล้ว ยังไม่รวมวารานกับฟาน เดอ เบ็ค นะ
ผู้เล่นค่าตัวรวมกัน 400 ล้านปอนด์ กับความคิด “เสมอไม่เป็นไร แต่ขอไม่แพ้ไว้ก่อน” กับทีมอย่างเซาท์แธมป์ตัน ตอนนี้ปัญหามันชัดเจนมากว่ามันอยู่ที่ใครกันแน่
มันน่าเศร้าตรงที่ ทุกคนรู้ปัญหา แฟนบอลทั่วโลกรู้ถึงปัญหา แต่คนที่จะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างบอร์ดบริหารดันไม่รู้ปัญหา โอเคปีที่แล้วโอเล่ โซลชา ทำทีมได้รองแชมป์พรีเมียร์ ลีก รองแชมป์ยูโรปา ลีก คุมทีมมา 2 ปีกว่ายังไม่มีสักถ้วย บอร์ดควรจะให้โอกาสเขาปีนี้เป็นปีสุดท้ายตามสัญญาที่เซ็นกันไว้เดิม รอดูก่อนก็ได้ ถ้ามีถ้วยติดมือก็ค่อยมาต่อสัญญากัน ถ้ายังคว้าน้ำเหลว ก็แยกจากกันพร้อมกับสัญญาที่หมดลงพอดีเมื่อจบฤดูกาลนี้ ถึงตอนนั้น ซีเนอดีน ซีดาน หรือ อันโตนิโอ คอนเต้ อาจจะยังว่างงานอยู่ ก็ค่อยเจรจาดึงมาก็ยังได้
แต่นี่กลับชิงต่อสัญญาให้โอเล่ โซลชาออกไปอีก 2 ปีก่อนเลย ทั้ง ๆ ที่ยังคว้าแชมป์อะไรให้ทีมไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เห็นกันอยู่แล้วว่าโอเล่ โซลชามีแนวคิดอย่างไรในการคุมทีม
แล้วบอร์ดบริหารแมนฯ ยูไนเต็ดจะหวังความสำเร็จกับโค้ชที่แม้แต่เจอกับเซาท์แธมป์ตันก็ยังกลัวแพ้อย่างนั้นหรือ..?
ใช่ บอร์ดบริหารหวังความสำเร็จกับโอเล่ โซลชาจริง ๆ ไม่งั้นไม่ต่อสัญญาออกไปหรอก
แฟนแมนฯ ยูไนเต็ดคงต้องทำใจอีกปี ไม่ใช่ว่าเพิ่งเตะแค่สองนัดแล้วเลิกหวังนะ แต่แมนฯ ยูไนเต็ดในยุคโซลชามันเล่นแบบนี้มาตั้ง 2 ปีแล้วครับ แล้วจะให้หวังอะไรอีก..!!!!!
...[“ ท่านชายในสายหมอก ”]...
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา