25 ส.ค. 2021 เวลา 01:30 • ข่าว
" การชันสูตรพลิกศพ กรณีมีเหตุพิเศษ "
1
การทำสำนวน กรณีการตายโดยเจ้าพนักงาน หรือ ตายในระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงาน
การตายที่ต้องมีการชันสูตรพลิกศพ ได้แก่กรณีตายผิดธรรมชาติ ตามมาตรา 148 วรรค 2 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือ เป็นวิสามัญฆาตกรรม/ตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่
 
*โดยไม่ว่าความตายจะเกิดจากการกระทำของเจ้าพนักงานโดยเจตนาใด หรืออ้างว่าตายเพราะสาเหตุอื่นใด แต่หากเป็นการตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ จะต้องมีการชันสูตรพลิกศพทุกกรณี
ดังนั้น แม้ผู้ตายจะถูกฆ่าด้วยเหตุผลส่วนตัวก็ตาม จะต้องจัดให้มีการชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย
ในกรณีตายผิดธรรมชาติ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ("ป.วิ.อ.") มาตรา 148 ประกอบมาตรา 150 กำหนดตัวบุคคลผู้ร่วมทำการชันสูตรพลิกศพไว้ 2 ฝ่าย ได้แก่
- พนักงานสอบสวน และ
- แพทย์ (เริ่มจากแพทย์ทางนิติเวชศาสตร์
(ถ้าไม่มี ก็แพทย์ประจำโรงพยาบาล > ถ้าไม่มี ก็แพทย์ประจำสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ตามลำดับ)
👮‍♂️👮 อย่างไรก็ตาม หากเป็นกรณีที่ความตายเกิดขึ้น "จากการกระทำของเจ้าพนักงาน" หรือ "ในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน" ซึ่งเจ้าพนักงานดังกล่าวอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่แล้วจะต้องมีบุคคลผู้ร่วมทำการชันสูตรพลิกศพ 4 ฝ่าย ตามม.150 ว.3 ประกอบ ว.1 แห่งป.วิ.อ. กล่าวคือ
- พนักงานสอบสวน และ
- แพทย์
- พนักงานอัยการ
- พนักงานฝ่ายปกครองตำแหน่งตั้งแต่ระดับปลัดอำเภอหรือเทียบเท่าขึ้นไปแห่งท้องที่ที่ศพนั้นอยู่
📖 เนื่องจากเหตุพิเศษตามม.150 ว.3 แห่ง ป.วิ.อ. นั้น เป็นเหตุแห่งคดีที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างสำคัญ และอาจเกิดกรณีที่ส่วนได้เสียขัดกัน (Conflict of Interest) ระหว่างพนักงานสอบสวน กับ เจ้าพนักงานซึ่งเกี่ยวข้องกับความตายนั้น ซึ่งต่างเป็น "ตำรวจ" เช่นเดียวกัน อันทำให้ขาดการตรวจสอบและถ่วงดุลกันของผู้ร่วมทำการชันสูตรพลิกศพอย่างแท้จริง
ทั้ง 4 ฝ่าย จะต้องร่วมกันทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ ตามมาตรา 150 วรรค 4 เพื่อให้อัยการฯ ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น และให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวน และมีคำสั่งเกี่ยวกับรายละเอียดของผู้ตาย แล้วส่งสำนวนไปยังอัยการฯ เพื่อทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานสอบสวนต่อไป ตามความในมาตรา 155/1 แห่งป.วิ.อ.
ซึ่งหากความตายเป็นผลมาจากการกระทำความผิดอาญา พนักงานสอบสวนและอัยการฯ จะต้องทำการสืบสวนต่อไป
หากผลการสอบสวนพบว่า ผู้ตายถูกเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ฆ่าตาย (วิสามัญฆาตกรรม) หรือ ผู้ตาย ตายเพราะถูกฆาตกรรมในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าหนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ จะต้องส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด ออกคำสั่งให้ฟ้อง/ไม่ฟ้อง ตามความของมาตรา 143 วรรคท้าย
📰🗞 อย่างไรก็ดี กรณีตามข่าวล่าสุด ที่ปรากฏข่าวเกี่ยวกับหนังสือรับรองการตายของหนุ่มถูกถุงคลุมดับ ซึ่งแพทย์ระบุในช่อง "โรคหรือภาวะที่ให้เจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฎรคัดลอกลงในช่อง "สาเหตุการตาย" ในมรณบัตร" ว่า "สันนิษฐานว่าพิษจากสารแอมเฟตามีน" นั้น เห็นว่า โดยหลักแล้ว หนังสือรับรองการตายไม่เกี่ยวกับการชันสูตรพลิกศพ และปกติการยืนยันสาเหตุการตายแท้จริงจำเป็นต้องรอผลใบชันสูตรพลิกศพก่อนตามหลักเกณฑ์การชันสูตรพลิกศพที่กำหนดโดย ป.วิ.อ.
🧑‍💻 นอกจากนี้ หากดูหมายเหตุด้านล่างของหนังสือรับรองการตาย ก็ระบุไว้ชัดเจนว่า "สาเหตุการตายที่ระบุในหนังสือรับรองการตายฉบับนี้ ระบุไว้ตามกฎเกณฑ์บัญชีจำแนกโรคระหว่างประเทศ เพื่อรวบรวมข้อมูลทะเบียนราษฎร, ทำสถิติการตายของประเทศ และใช้ในด้านการวางแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณสุขเท่านั้น จึงอาจแตกต่างจากใบรับรองทางกฎหมายชนิดอื่น (เช่น ใบชันสูตรพลิกศพ) ได้"
📌 สรุป!! ใบรับรองการตาย ไม่ใช่และไม่เท่ากับ ใบชันสูตรพลิกศพ ครับ
โฆษณา