มาอ่าน Fund Fact Sheet กันเถอะ
Fund Fact Sheet
ถ้าเป็นใครที่ไม่คุ้นเคยกับการลงทุน แล้วมีคนมาบอกว่าก่อนลงทุนควรอ่านหนังสือชี้ชวนการลงทุน (Fund Fact Sheet) ก่อนน้า หลายๆคนก็รู้สึกยาก แต่อยากจะบอกว่าเดี๋ยวนี้ Fund Fact Sheet เค้าทำมาให้อ่านง่ายๆเลย แยกหัวข้อมาให้ชัดเจนว่า กองทุนนี้ลงทุนอะไร เหมาะกับใคร ต้องระวังอะไร ค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ เรามาเริ่มดูไปพร้อมกันเลยดีกว่า
กองทุนนี้ลงทุนอะไรบ้าง
1. รายละเอียดวันที่ทำการสรุปข้อมูล จะได้รู้ว่าข้อมูลนี้อัพเดทแค่ไหน
2. ประเภทของกองทุน เพื่อดูว่าตรงกับความสนใจของเราหรือไม่ ถ้าเราสนใจลงทุนในหุ้น กองทุนบัวหลวงทศพลนี้ก็ถือว่าผ่านสามารถนำไปพิจารณาต่อได้
3. ในส่วนของนโยบายการลงทุนก็จะบอกเราเลยว่าจะลงทุนในหุ้นแบบใด ลงทุนในประเทศหรือมีต่างประเทศด้วย อย่างกองนี้ก็ลงทุนในหุ้นไทยไม่ตำกว่า 80% ของ NAV ส่วนที่เหลือจะไปลงทุนอะไรบ้างก็มีแจ้งไว้ชัดเจน
4. กลยุทธ์การลงทุน กองทุนนี้เป็น Active ก็คือผู้จัดการเป็นคนแอคทีฟ 555 หมายถึงว่ามีเป้าหมายที่จะทำผลตอบแทนให้ได้สูงกว่าดัชนีชี้วัด จะมีกองทุนอีกประเภทคือ Passive คาดหวังผลตอบแทนเท่ากับตลาด โดยส่วนมากแล้วกองทุน Passive ก็จะคิดค่าธรรมเนียมต่ำกว่าด้วย
5. อุตสาหกรรมที่กองทุนนี้เลือกลงทุน ตามภาพก็จะเห็นว่ามีการประจายตัวพอสมควร โดยอุตสหกรรมที่ลงทุนมากที่สุดคือ พลังงานและสาธรณูปโภคโดยเป็น 2 เท่าของลำดับที่ 2 คือวัสดุก่อสร้างเลยทีเดียว ถ้าเราอยากลงทุนกองที่เน้นด้านการแพทย์กองทุนนี้ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์เพราะไม่ได้เป็นหมวดอุตสากรรมหลักที่กองทุนลงทุนอยู่
6. รายชื่อบริษัทที่ลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ก็เจาะลึกลงมาว่าแต่ละอุตสาหกรรมเนี่ยไปลงทุนในบริษัทอะไรบ้างโดยแสดงข้อมูลแค่ 5บริษัทน้า ถ้าอยากดูเยอะๆต้องเข้าไปดูหนังสือชี้ชวนฉบับเต็มกันอีกที
ความเสี่ยงและผลตอบแทนย้อนหลัง
ความเสี่ยงจะแบ่งเป็น 8 ระดับ โดยระดับที่ 1 เสี่ยงต่ำสุด ไล่ไปจนถึงระดับที่ 8 เสี่ยงสูงสุด ซึ่งตรงนี้เราก็สามารถเทียบกับแบบประเมินความเสี่ยงที่เราจะต้องทำก่อนซื้อกองทุนได้ว่าเรารับความเสี่ยงได้ระดับไหน ซึ่งหากเป็นกองทุนรวมตราสารทุนก็จะอยู่ในระดับที่ 6
ในส่วนของผลการดำเนินการย้อนหลัง ก็จะเปรียบเทียบกับ Benchmark หรือเกณฑ์มาตรฐาน กองนี้เป็นกอง active เพราะฉะนั้นก็ควรมีผลการดำเนินการดีกว่าค่า Benchmark แต่ถ้าเป็นในกรณีติดลบ ติดลบน้อยกว่าแปลว่าทำผลงานได้ดีกว่าน้าอย่าสับสนนน
ผลขาดทุนสูงสุดในช่วงเวลา 5 ปี ดูไว้เช็คใจตัวเองกันเลยว่าเรารับได้มั๊ย ติดลบ 36.57% รับกันได้ไหมเอ่ย และยังมีคำเตือนแดงๆด้านบนอีกว่า ผลการดำเนินการในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินการงานในอนาคต ก็หมายความว่า อาจจะขาดทุนได้มากกว่านี้อีก และก็อาจจะสามารถทำกำไรได้มากกว่าด้วยเช่นกัน
ความผันผวนของผลการดำเนินงาน หรือค่อ SD ค่ายิ่งเยอะก็ยิ่งผันผวนมาก
ค่าธรรมเนียม
ในส่วนของค่าธรรมเนียมจะมีการกำหนดค่าเพดานสูงสุดที่สามารถเรียกเก็บได้และที่เรียกเก็บจริง ณ ปัจจุบันไว้ โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ
1. ส่วนที่เรียกเก็บจากกองทุน คือค่าใช้จ่ายในการดำเนินการนั่นเอง เช่น ค่าการจัดการ ตามตัวอย่างคิดเต็มเพดานที่ 1.605% ค่าผู้ดูแลผลประโยชน์ คิด 0.0321% จากเพดาน 0.0428% ค่านายทะเบียน เต็มเพดาน 0.1284% โดยจะคิดค่าใช้จ่ายเป็นเปอร์เซ็นต่อปีของ NAV แล้วนำมาเฉลี่ยนหักเป็นรายวัน
2. ส่วนที่เรียกเก็บจากผู้ลงทุน
- ค่าธรรมเนียมการขาย ไม่เรียกเก็บ หมายถึงตอนที่เราไปซื้อนั้นไม่มีค่าธรรมเนียม
- ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน ไม่เกิน 1% (ขั้นต่ำ 50) บาท หมายถึงตอนที่เราไปขาย สมมุติเราขายไป 1000 บาท 1%คือ 10 บาท แต่ว่าค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาท เพราะฉนั้นเราเสียค่าธรรมเนียม 50 บาท
- ค่าธรรมเนียมสับเปลี่ยน กองทุนต้นทาง ก็หมายถึงเราบอกลากองทุนนี้ไม่หากองทุนอื่น มีค่าธรรมเนี่ยม ไม่เกิน 1% (ขั้นต่ำ 50)
กองทุนปลายทางหมายถึง เราย้ายจากที่อื่นมาซบอกบัวหลวง กรณีนี้ ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจ้า
ข้อมูลอื่นๆ
ข้อมูลอื่นๆที่สำคุญไม่แพ้กัน
1. นโยบายการจ่ายปันผล ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนเลย หลายๆคนอยากได้ passive income ก็จะเลือกกองทุนที่จ่ายปันผล แต่ถ้าใครชอบการเติมโตก็เลือกแบบไม่ปันผลเพื่อให้ผู้จัดการกองทุนนำดอกผลของกองทุนไปลงทุนต่อ
2. มูลค่าขั้นต่ำในการซื้อ บางกองทุนอาจกำหนดมูลค่าขั้นต่ำในการซื้อครั้งแรกไว้สูงกว่า เช่นซื้อครั้งแรกขั้นต่ำ 2000 บาท ครั้งต่อไปไม่ต่ำกว่า 100 บาท ก็ได้ แต่กองนี้กำหนดไว้ที่เท่ากันคือไม่ว่าจะซื้อครั้งแรกหรือครั้งไหนก็มีขั้นต่ำคือ 500 บาท
3. มูลค่าขั้นต่ำของการขายคืน ก็คือบางกองทุนอาจจะกำหนดว่ารับซื้อคืนขั้นต่ำครั้งละ 100 บาท ตอนขายเราก็ต้องขายให้มากกว่า 100 บาท ซึ่งก็ต้องดูประกอบกับยอดคงเหลือขั้นต่ำด้วย เช่น กำหนดไว้ที่ 1000 บาท ถ้าเงินลงทุนเราเหลือ 1200 บาท เราจะขาย 300 บาทไม่ได้ เพราะว่าจะทำให้มูลค่าคงเหลือขั้นต่ำนั้นน้อยกว่าที่กำหนดไว้ หากเราจะขายก็ต้องขายทั้ง 1000 บาทเลย
4. การขายกองทุน เราจะไม่ได้รับเงินโดยทันที เพราะเราต้องรอการคำนวน NAV ก่อน โดยแต่ละกองทุนจะแจ้งไว้ชัดเจนว่าจะได้รับเงินภายในกี่วัน อย่างกองนี้ภายใน 4วันทำการ โดยเริ่มนับวันถัดไปจากที่ทำรายการ
เช่น เราขายวันนี้ 26-8-2564 ก็จะเริ่มนับ1 ในวันที่ 27-8-2564 ติดเสาร์อาทิตย์ นับ2วันที่ 30-8-2564 แล้วครบ4วัน ในวันที่ 1-9-2564
บางคนอาจจะเคยเห็น T+4 ก็คือความหมายเดียวกันจ้า
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
