26 ส.ค. 2021 เวลา 09:47 • ครอบครัว & เด็ก
ไม่ว่ายุดใดสมัยใด ความรักของแม่ก็ยังคงอยู่❤️
นกยังคงอ่านหนังสือพิมพ์เป็นฉบับ ๆ อยู่ มีใครยังอ่านอยู่มั้ยคะ (หาเพื่อน) หรืออ่านออนไลน์กันหมดแล้ว วันนี้ก็มีเรื่องจากหนังสือพิมพ์มาเล่าอีกแหละค่ะ
Cr : pixabay app
เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่ญี่ปุ่น คนเขียนให้ชื่อเรื่องว่า "ขนมทอดห่อหุ้มด้วยดวงใจของแม่"
ในสมัยนั้นเป็นที่รู้ ๆ กันว่าสภาพเศรษฐกิจหลังสงครามโลกย่ำแย่กันขนาดหนัก ยิ่งญี่ปุ่นเป็นประเทศที่แพ้สงครามด้วยแล้วย่อมอยู่ในสภาพที่ตกต่ำอย่างที่สุด เกือบทุกครัวเรือนต้องอยู่ในสภาพขัดสน มีอาหารพอประทังชีวิตในแต่ละวันก็ถือเป็นความโชคดีแล้ว ถ้าไม่ใช่วันสำคัญหรือโอกาสพิเศษจริงๆจะไม่ได้เห็นเนื้อหมู เนื้อปลาขึ้นโต๊ะเป็นอันขาด
Cr : pixabay app
เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องของเด็กชายวัย 11 ขวบกับคุณแม่ของเขาซึ่งประสบการณ์ครั้งนั้นมีผลต่อการดำเนินชีวิตในภายภาคหน้าของเขาเป็นอย่างมาก
ในวันนั้นเขาตามแม่ไปจ่ายตลาด ระหว่างทางกลับบ้าน ได้เดินผ่านร้านขายขนมทอด เสียงทอดขนมในกระทะพร้อมกลิ่นหอมๆเย้ายวนใจให้เด็กน้อยต้องหยุดชะงัก เขาเคยได้ยินเพื่อน ๆในโรงเรียนพูดถึงความอร่อยของขนมชนิดนี้ และมีเพื่อนหลายคนได้ชิมมาแล้ว แต่เขายังไม่เคยมีโอกาสเลยสักครั้ง อาหารที่บ้านมีแต่ผัดผักกับผักดอง ทำให้เด็กน้อยรู้สึกละเหี่ยใจ
เด็กน้อยหันมาบอกกับแม่ว่า "ขอกินขนมทอดไส้เนื้อสักชิ้นได้มั้ยครับ"
แม่ตอบเขาด้วยเสียงนุ่มนวลว่า "บ้านเราไม่มีเงินพอที่จะซื้ออาหารแบบนี้ ถ้าดึงดันจะให้แม่ซื้อ คุณพ่อต้องโกรธพวกเราแน่"
แต่เขาก็ยังอ้อนวอนรบเร้าแม่ไม่ยอมเลิก พร้อมกับบอกแม่ว่า "เพื่อน ๆ ต่างก็เคยกินแล้วทั้งนั้น แต่ผมยังไม่เคยมีโอกาสได้ลิ้มรสเลย แม่ช่วยซื้อให้สักชิ้นเถอะนะครับ"
Cr : pixabay app
พูดถึงขนมทอดชนิดนี้ เป็นขนมที่ทำจากแป้งและถั่ว มีไส้เนื้อสับห่ออยู่ข้างใน ทอดให้ได้สีเหลืองทองหอมกรุ่น ในปัจจุบันหาได้ทั่วไปในญี่ปุ่น แต่หลังสงครามโลกมันเป็นอาหารประเภทฟุ่มเฟือย ครอบครัวทั่ว ๆ ไปไม่อยู่ในฐานะที่จะซื้อมาทานกันได้ง่ายๆค่ะ
คนเป็นแม่ยืนมองหน้าลูกชายแล้วครุ่นคิด ก่อนที่จะพูดออกมาว่า "ลูกอยากกินจริง ๆ เหรอ" แล้วแม่ก็เดินเข้าไปในร้าน สั่งขนมทอดไส้เนื้อจำนวน 6 ชิ้น เย็นนั้นหลังจากพ่อกลับถึงบ้าน และที่แม่คาดการณ์ไว้ก็เกิดขึ้นจริง ๆ
พอพ่อแม่และลูก ๆ นั่งล้อมวงอยู่ที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะนอกจากผัดผักและผักดองแล้ว พ่อเห็นมีขนมทอดเพิ่มมาอีกจานหนึ่ง เสียงพ่อเอะอะเอ็ดตะโรขึ้นมาทันที "ใครให้ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอย่างนี้ ไม่รู้หรือว่าบ้านเราเหลือเงินอยู่มากน้อยแค่ไหน..."
Cr : pixabay app
เด็กน้อยเริ่มรู้แล้วว่าเหตุการณ์ต้องรุนแรงกว่าที่คาดไว้เยอะ ถ้าแม่เปิดเผยความจริงตนต้องถูกพ่อลงโทษอย่างแน่นอน แต่ผิดคาด เรื่องที่เขากังวลไม่ได้เกิดขึ้น แม่ได้แต่นั่งนิ่งฟังเสียงคำรามของพ่ออย่างเงียบ ๆ ไม่ตอบโต้หรือแก้ตัวใด ๆ สักประโยค หน้าตาแม่ก็ไม่ได้บ่งบอกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจ ได้แต่นั่งก้มหน้าฟังพ่อโวยวายอย่างสงบเสงี่ยมที่สุด
1
แน่นอนการที่แม่ตัดสินใจซื้อขนมก็คงรู้แล้วว่าเหตุการณ์แบบนี้ต้องเกิดขึ้นแน่นอน เพราะเป็นการตัดสินใจโดยไม่ได้ปรึกษาสามีก่อน แม่คงตัดสินใจที่จะรับผิดชอบด้วยตัวท่านเอง ไม่โทษคนอื่น ขณะเดียวกันการไม่โต้เถียงสามีก็เป็นการให้เกียรติคนที่เป็นผู้นำครอบครัว และเพื่อลูก ๆ แม่ก้มหน้ายอมรับผิดชอบกับเรื่องที่ได้กระทำไปแล้ว
1
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนประทับใจอย่างยิ่ง คือ... ฉากถัดมาค่ะที่แสดงถึงความรักยอมเสียสละของคนเป็นแม่ และมันสามารถระงับอารมณ์โกรธของพ่อลงได้อย่างกระทันหัน
1
ในระหว่างที่พ่อกำลังส่งเสียงเอ็ดตะโรอยู่ ก็พอดีเหลือบไปเห็นขนมทอดในจานที่มีอยู่แค่ 6 ชิ้น ในบ้านมีลูกๆอยู่ 5 คน รวมพ่อแม่ด้วยแล้วเป็น 7 คน นั่นย่อมแสดงว่าแม่ไม่ได้ซื้อขนมเผื่อตัวเอง แต่มีขนมให้พ่อและลูก ๆ ทุกคน เสียงดุด่าของพ่อเงียบลงทันที พ่อค่อย ๆ ใช้ตะเกียบแบ่งชิ้นขนมของตนออกเป็น 2 ส่วน แล้วคีบใส่ชามคุณแม่ไปครึ่งชิ้น แล้วคุณพ่อก็คีบขนมที่เหลือใส่ปากตัวเอง
Cr : pixabay app
นั่นย่อมแสดงว่า... พ่อหายโกรธแล้ว (ในยุคนั้น คนเป็นพ่อต้องลงมือเริ่มทานข้าวก่อนเป็นคนแรก แล้วสมาชิกที่เหลือจึงจะลงมือทานได้) พอเห็นพ่อคีบขนมชิ้นนั้นใส่ปาก ย่อมเป็นที่เข้าใจแล้วว่า... เหตุการณ์ร้ายได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทุกคนเริ่มทานข้าวมื้อนั้นด้วยความสบายใจ และแน่นอนมันเป็นอาหารมื้อที่อร่อยที่สุดสำหรับพวกเขาทุกคน หลังอาหาร แม่สบตาเด็กน้อย ใบหน้านั้นแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น แล้วบอกกับเด็กน้อยว่า "อร่อยมากใช่มั้ย" ไม่มีทีท่าว่าจะติเตียนเด็กน้อยเลยสักนิด
จบแล้วสรุปสั้น ๆ ค่ะ ความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่และไม่มีวันหมดอายุ รักแม่นะคะ❤️
2
ยาวววหน่อยนะคะ😊😁
จากนกเอง🐦อดีตดีไซเนอร์มือเก๋า (กึ๊ก) บ๊ายบายค่ะ แล้วพบกันใหม่นะคะ ขอบคุณค่ะ🙏🏻❤️ ขอให้ทุกคนมีสุขภาพดีแข็งแรงค่ะ
เนื้อเรื่องต้นฉบับจาก ฮอตจากไลน์ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ไม่ได้ระบุชื่อผู้เขียนไว้ค่ะ🙏🏻
โฆษณา