เหตุการณ์สังหารหมู่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519
จากเมื่อบทความที่เเล้วเราได้เล่าเหตุการณ์ 14 ตุลา พ.ศ.2516 ที่เป็นเหตุการณ์สำคัญของประเทศไทยที่ได้เกิดการเรียกร้องรัฐธรรมนูญ เเละวันนี้ เราจะเล่าเหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ.2519 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ต่อจาก 14ตุลา
https://www.bbc.com/thai/thailand-49902201
หลังจากเหตุการณ์ 14ตุลา จบลงจอมพลถนอม กิตติขจร และพกพวกได้เดินทางออกนอกประเทศ
17 สิงหาคม พ.ศ.2519
จอมพลประภาส จารุเสถียร ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย
ในวันนั้นนักศึกษาได้ออกมาเรียกร้องให้ลงโทษจอมพลประภาส แต่มีกลุ่มอาชีวะขว้างระเบิดใส่นักศึกษาที่มาชุมนุม ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 38 คน เสียชีวิต 2 คน
จึงทำให้จอมพลประภาสเดินทางออกนอกประเทศ ในวันนที่ 22สิงหาคม ก่อนกลับได้เข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัว
จากนั้น นายสมัคร สุนทรเวช ได้เดินทางไปพบจอมพลถนอม เพื่อบอกว่า ทางพระราชวังอนุญาติให้เขากลับประเทศไทยได้
19 กันยายน พ.ศ.2519
จอมพลถนอมได้เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย โดยได้อุปสมบทเป็นภิกษุ ที่วัดบวรนิเวศวิหาร
พิธีการถูกปิด เพื่อหลีกเลี่ยงการคัดค้านการบวช ในการบิณฑบาตของพระถนอม มีขบวนทหารตำรวจคุ้มกันอย่างหนาแน่น
ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และสภาเเรงงานแห่งประเทศไทย คัดค้านการเป็นภิกษุของพระถนอม และให้เนรเทศพระถนอมออกจากประเทศ
ต่อมามีการชุมนุมขนาดใหญ่เกิดขึ้น
หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ไม่สามารถจัดการอะไรได้จึงขอลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 23กันยายน
ขณะนั้นนักศึกษามีการติดโปสเตอร์ต่อต้านพระถนอมกันทั่วประเทศ ถึงจะมีการเเถลงการของนายสมัคร สุนทรเวช ว่าด้วยในหลวงทรงเสด็จวัดบวรฯนั้น ก็เเสดงว่าในหลวงทรงอยากให้พระถนอมอยู่ที่นี่
https://www.khaosod.co.th/politics/news_5057292
24 กันยายน พ.ศ.2519
นายชุมพร ทุมไมย และนายวิเชียร เกษศรีพงศา พนักงานไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.นครปฐม ที่ได้ออกมาติดโปสเตอร์ด้วยเช่นกัน ได้กลายเป็นศพเเละถูกแขวนคอไว้ที่ประตูหน้าที่ดินจัดสรร หรือที่เราเรียกกันว่าประตูแดง จากการชันสูตรพบว่าถูกทำร้ายเเละฆาตกรรม สันนิษฐานว่าตำรวจเป็นผู้กระทำ
1 ตุลาคม พ.ศ.2519
ได้มีการเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อให้นำเนินการขับไล่พระถนอมออกนอกประเทศไป
ในวันนั้น กลุ่มฝ่ายขวา13กลุ่ม ได้ออกแถลงว่า กลุ่มนิสิตนักศึกษา สภาเเรงงาน และนักการเมืองฝ่ายซ้ายได้เอาพระถนอมมาเป็นเงื่อนไขสร้างความไม่สงบภายในประเทศ ถึงขั้นก่อวินาศกรรมทำลายวัดบวรฯ และล้มล้างรัฐบาล โดยกลุ่มดังกล่าวลงมติว่าจะร่วมกันปกป้องวัดบวรฯ ทุกวิถีทางตามพระราชเสาวนีย์
4 ตุลาคม พ.ศ.2519
มีการชุมนุมใหญ่ของเหล่าผู้เรียกร้อง โดยในการชุมนุมนั้นมีการเเสดงล้อเลียนการถูกฆาตกรรมและแขวนคอของเจ้าหน้าที่พนักงานไฟฟ้า แต่ว่า หน้าของนักแสดงที่แสดงการแขวนคอนั้น ดันหน้าคล้ายคลึงกับพระบรมโอรสาธิราชฯในขณะนั้น
ช่วงเย็นวันที่ 5ตุลา มีหนังสือพิมพ์สองฉบับลงภาพการล้อเลียนการแขวนคอ จึงทำให้ผู้ประท้วงถูกกล่าวหาว่าได้ทำแบบจำลองพระบรมวงศานุวงศ์
การลงข่าวหนังสือพิมพ์ในช่วงคำ่ของวันที่ 5ตุลาคม
และสถานีวิทยุยานเกราะของกองทัพบกก็ยักกล่าวหาว่า นักศึกษาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และประกาศให้ฆ่ามัน ดังนั้นทำให้สื่อมวลชนฝ่ายขวาเขียนโจมตีกลุ่มนีกศึกษาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ จึงสร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากให้กับประชาชนฝ่ายอนุรักษนิยม เช่นกลุ่มกระทิงแดง ลูกเสือชาวบ้าน
ทำให้ประชาชนฝ่ายอนุรักษนิยมดังกล่าวรวมตัวกันชุมนุม ในบริเวณสนามหลวง ในช่วงดึกของวันที่5ตุลา และมียั่วยุประชาชนเพื่อให้เกิดความเกลียดชังนักศึกษามากขึ้น
6 ตุลาคม พ.ศ.2519
ในช่วงเช้ามืด ตํารวจตระเวนชายแดนได้ยกกำลังเข้าล้อมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เวลาประมาณ 05:30น. มีการยิงระเบิด M79 ลูกแรก ตกลงมาในบริเวณสนามฟุตบอลที่มีผู้ชุมนุมอยู่ มีผู้เสียชีวิตทันที 4ราย
จากนั้นตำรวจมีการใช้อาวุธสงครามอย่างต่อเนื่อง จากทางหน้ามหาวิทยาลัย และฝั่งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
การล้อมรอบมหาวิทยาลัย และระดมยิง
เวลา 7:00น. มีผู้ชุมนุมพยายามวิ่งหนีออกจากมหาวิทยาลัย ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่าผู้ที่หนีออกมาได้ก็จะถูกประชาชนรุมประชาทัณฑ์ และถูกด่าด้วยคำรุนแรงมากมาย แต่หลังจากนั้นก็มีการปิดประตู แม้จะมีคำขอให้ผู้หญิงเเละเด็กออกไปก่อน แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอมและระดมยิงไม่หยุด
เหตุการณ์เต็มไปด้วยความโหดร้าย ฝูงชนที่อยู่ด้านหน้ามหาวิทลัยพยายามบุกเข้าไปในมหาวิทลัย โดยมีการใช้รถบัสสองคันขับพุ่งชนประตู
07:30น. พลตำรวจเอก ชุมพล โลหะชาละ รองอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น ได้อนุญาติให้ตำรวจยิงอย่างเสรี ตำรวจได้นำกำลังเข้ายึดมหาวิทลัยธรรมศาสตร์ ประชาชนก็ได้เข้าไปทำร้ายเเละฆ่านักศึกษาด้วยเช่นกัน
เวลาประมาณ 10:30น. หลังจากเข้ายึดมหาลัยได้แล้ว ได้มีการสั่งให้ผู้ชุมนุมถอดเสื้อทั้งชายเเละหญิง หญิงให้เหลือไว้เเต่เสื้อชั้นใน เอามือกุมหัวนอนคลานไปตามพื้นและขึ้นรถ เพื่อนำไปกักขังไว้ที่สถานีตำรวจ ระหว่างขึ้นรถก็ถูกทำร้ายมากมายจากตำรวจและประชาชน
ช่วงเย็นวันนั้น พลเรือเอก สงัด ชลออยู่ ได้ประกาศยึดอำนาจ จากรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เเละประกาศว่าเหตุการณ์ความรุนเเรงได้จบเเล้วให้พี่น้องประชาชนกลับบ้าน
โดยเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 45ราย ในจำนวนนี้ไม่สามารถระบุตัวตน 7ราย และนักศึกษาประชาชนผู้ชุมนุมถูกจับ 3,064ราย และผู้ถูกตกเป็นจำเลย 18ราย
โดยวันที่ 11ตุลาคม พ.ศ.2519 ได้มีประชาชนประชุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยมีการเรียกร้องให้ดำเนินต่อผู้หมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างเด็ดขาด
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจนจบครับ สำหรับบทความนี้ไม่ได้ใช้ภาพประกอบมากมาย เพราะส่วนใหญ่ภาพในเหตุการณ์นี้รุนแรงมาก ทั้งการเอานักศึกษาเเขวนคอและใช้เก้าอี้หรือไม้ฟาด และการนำศพมาเผาทั้งเป็น ทุบตีจนตาย
หากมีผิดพลาดประการใดขออภัยครับ
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
