Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
จอดรถบัส - Park the Bus
•
ติดตาม
26 ส.ค. 2021 เวลา 15:57 • กีฬา
จอดรถบัสคอลัมน์: ยังไหวไหม? ปืนใหญ่อาร์เซน่อล
หากจะพูดถึงทีมปืนใหญ่อาร์เซนอล ทีมนี้เป็นทีมที่มีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดทีมหนึ่งในเกาะอังกฤษ เคียงข้างลิเวอร์พูลกับแมนเชสเตอร์
ยูไนเต็ด ก่อนที่จะถึงยุคของเชลซีกับแมนซิตี้
โดยเฉพาะช่วงการคุมทีมของอาร์เซน เวนเกอร์ อาร์เซนอลสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบไร้พ่ายเป็นทีมเดียวในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก
รวมไปถึงการเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกฤดูกาล 2005/2006 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่เข้าใกล้แชมป์ยุโรปที่สุดแต่สุดท้ายไปพลาดท่าแพ้บาร์เซโลน่าภายใต้การนำของโรนัลดินโญ่ในยุคนั้น จากใบแดงของเยนส์ เลห์มันน์ที่ทำให้อาร์เซน่อลเหลือ 10 คนตั้งแต่ต้นเกม
แม้ว่าในช่วงท้ายๆของการคุมทีมของอาร์เซน เวนเกอร์พวกเขาจะแทบไม่ได้ลุ้นแชมป์ลีกเลย แต่ยังสามารถคว้าโควตาไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้เกือบทุกปี จนถูกล้ออยู่บ่อยๆว่าเป็นทีมที่ชอบอันดับที่ 4 ยิ่งกว่าอะไร นอกจากนั้นยังคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นว่าเล่น จนทำสถิติเป็นทีมที่คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มากที่สุด
แต่หลังจากหมดยุคของอาร์แซนเวนเกอร์แล้วบรรยากาศในเอมิเรตส์ สเตเดียม ก็เปลี่ยนไป ผ่านยุคของอูไน เอเมรี่ จนมาถึงมิเกล อาร์เตต้า จนมาถึงวันนี้ที่อาร์เซนอลแทบไม่มีเค้าโครงของทีมที่มีความยิ่งใหญ่อันดับต้นๆของเกาะอังกฤษเหลืออยู่เลย
สาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่ เราจะมาลองวิเคราะห์กัน
1.แท็คติกของมิเกล อาร์เตต้า
มิเกล อาร์เตต้า เป็นกุนซือหนุ่มไฟแรงที่เคยร่วมงานในฐานะมือขวาของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้และเป็นอดีตนักเตะของอาร์เซน่อลเอง หลังจากที่รับงานคุมทีมปืนใหญ่แล้ว ในฤดูกาลแรกอาร์เตต้าสามารถพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ และคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ในปีถัดไปได้ทันที ทำให้แฟนปืนใหญ่คาดหวังว่าเขานี่แหล่ะจะพาอาร์เซนอลกลับไปยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งหนึ่ง
แต่ทว่าหลังจากได้คุมทีมแบบเต็มๆ แล้วกลับพบว่าผลงานของอาต้าไม่ได้เป็นที่น่าพอใจสักเท่าไหร่แม้ว่าจะมีองค์ประกอบหลายๆส่วน แต่แทคติกของเขาเองก็เป็นส่วนสำคัญ
ในช่วงแรกอาร์เตต้ามีแทคติกที่ค่อนข้างน่าสนใจ โดยเขาใช้วิธีการขึ้นบอลด้วยการให้ผู้เล่นกองหลังเคาะบอลไปมาเพื่อดึงให้คู่ต่อสู้ขึ้นมาเพรสซิ่งสูง แล้วหาจังหวะแกะเพรสซิ่งแล้วสวนกลับ โดยใช้ความเร็วของปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยองในการเข้าโจมตีทำให้ช่วงแรกอาร์เซนอลโชว์ฟอร์มได้ค่อนข้างดีและโอบาเมยองยิงประตูได้ค่อนข้างเยอะ
แต่จุดเปลี่ยนคือ หลังจากการต่อสัญญาฉบับใหม่ของโอบาเมยอง ฟอร์มของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย รวมไปถึงนักเตะคนอื่นๆก็พากันฟอร์มตกพร้อมๆ กันทำให้แท็คติกนี้ของอาร์เตต้าใช้งานไม่ได้เหมือนเดิม และบอลของอาร์เซน่อล ภายใต้การคุมทีมของอาร์เตต้าก็แทบไม่เป็นทรงอีกเลย
ปัจจุบันอาร์เซน่อลมีวิธีการเล่นแบบเคาะตรงกลาง ออกด้านข้าง และครอสเข้าไปให้กองหน้าเข้าทำ แต่กองหน้าแต่ละคนของอาร์เซน่อลในปัจจุบัน ไม่มีใครเลยที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดี ซึ่งแตกต่างจากวิธีการเล่นสมัยที่อาร์เซน เวนเกอร์คุมทีม อาร์เซนอลเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลได้สวยงามเน้นจ่ายบอลตามช่องและมีเกมรุกที่วูบวาบและสวยงามที่สุดทีมนึงในยุโรป
ส่วนตัวคิดว่ามิเกลอาร์เตต้าเป็นกุนซือที่มีฝีมือและคิดว่าเขาจะต้องพยายามหาวิธีการแก้ไขแทคติกของเขาให้ได้ ก่อนที่เขาจะตกงานเสียก่อน
2 คุณภาพของนักเตะ
หากดูแค่จำนวนนักเตะที่อาร์เซนอลมีในแต่ละตำแหน่งถือว่ามีจำนวนที่ค่อนข้างครบถ้วนแต่สิ่งหนึ่งที่น่าเป็นห่วงคือคุณภาพของนักเตะ
หากเปรียบเทียบผู้เล่นกองหลังของอาร์เซนอลกับทีมอื่นๆ ในกลุ่มบิ๊ก 6 ลิเวอร์พูลมี เวอร์จิล ฟาน ไดค์, โจเอล มาติป, โจ โกเมส และโกนาเต้ ส่วนแมนซิตี้มี รูเบน ดิอาส, จอห์น สโตนส์, อายเมอริค ลาปอร์ก แมนยูมี แฮร์รี่ แม็คไกวร์, ราฟาเอล วารา, ลุค ชอว์และวาน บิสซาก้า
ส่วนอาร์เซนอลเมื่อมองไปแล้วคนที่มีฝีเท้าพอจะสู้กับนักเตะของทีมเหล่านี้ได้อาจจะมีแค่ คีแรน เทียร์นีย์เท่านั้นส่วนคนอื่นๆอย่างปาโปล มารี, ร็อบ โฮลดิ้ง, คาลัมน์ แชมเบอร์ หรือเบน ไวท์ ยังดูห่างจากทีมเหล่านี้อยู่พอสมควร
นอกจากผู้เล่น 11 ตัวจริงแล้ว เหล่าผู้เล่นตัวสำรองของอาร์เซนอลก็ยิ่งมีคุณภาพน้อยลงไปอีกเมื่อเทียบกับทีมบิ๊ก 6 อื่นๆ
ในจุดนี้ อาร์เซน่อลอาจจะต้องใช้เวลาในการปั้นเหล่านักเตะดาวรุ่งที่มีศักยภาพอย่าง บูกาโย ซาก้า, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่และเอมิล สมิธ โรว์ ในการขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมและจะต้องใช้เวลาในตลาดซื้อขายอีกหลายต่อหลายตลาดในการซื้อตัวที่ถูกต้องถึงจะพัฒนาขุมกำลังของทีมได้
3 ความผิดพลาดในตลาดซื้อขายนักเตะ
ในตลาดซื้อขายนักเตะฤดูกาล 2021/2022 อาร์เซนอลใช้เงินซื้อขายนักเตะไปแล้วกว่า 143 ล้านปอนด์ เป็นการซื้อตัว เบน ไวท์, มาร์ติน โอเดการ์ด,แอรอน แรมสเดล, แซทบี้ โลกองก้า และนูโน่ ตาบาเรส
หากดูจากรายชื่อแล้วส่วนใหญ่จะเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยทั้งนั้น และในกรณีของเบน ไวท์ เข้าใจได้ว่า ที่ต้องมีราคาถึง 50 ล้านปอนด์เป็นเพราะเรื่องของโควต้าโฮมโกรว์น แต่หากมองดูอาร์เซนอลในตลาดซื้อขายนักเตะก่อนหน้านี้ก็มีหลายๆครั้งที่ใช้เงินจำนวนมากแต่ซื้อนักเตะมาแล้วไม่ปัง เช่น นิโกลัส เ ปเป้ หรือแม้กระทั่งวิลเลี่ยน ที่ได้ตัวมาฟรีแต่มีค่าที่เหนื่อยมหาศาล
นอกจากการซื้อตัวจะไม่ปังแล้ว การปล่อยผู้เล่นที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมออกไปไม่ได้ก็เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดปัญหาหนึ่งของอาร์เซนอล เราจะเห็นผู้เล่นที่ไม่สามารถใช้งานได้แล้วอย่างอินสลีย์ เมทแลนด์ ไนล์, วิลเลี่ยน, โมฮาเหม็ด เอลเนนี, เซยัด โคลาซินัส หรือแม้กระทั่งเฮคเตอร์ เบเยริน ซึ่งการที่อาร์เซนอลไม่สามารถขายผู้เล่นเหล่านี้ออกไป ก็มีผลที่ทำให้ทีมไม่มีเงินเพื่อนำเงินมาเสริมทีมได้
สิ่งนี้อาจจะไม่ใช่ความผิดของผู้จัดการทีมแต่เป็นเรื่องของบอร์ดบริหารโดยตรงซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนอาร์เซนอลไม่พอใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้วกับสแตน โครเอนเก้ เจ้าของทีม
4 Mentality ของนักเตะ
Mentality คำนี้ที่แปลตรงๆ แปลว่าความคิด ความสามารถทางจิตใจ หรือในวงการฟุตบอล จะเป็นการมองว่าทีมนี้มีความเป็นนักสู้ขนาดไหน
เนื่องจากอาร์เซนอลเป็นทีมนักที่มีนักเตะอายุน้อยหลายคนที่เป็นแกนหลักของทีม จึงทำให้บางครั้งเมื่อเจอสถานการณ์ที่กดดันหรือจำเป็นต้องใช้ความเก๋าในการแข่งขัน อาจจะทำให้ไม่สามารถคงความต่อเนื่องของฟอร์มการเล่นได้ อย่างไรก็ตามผู้เล่นซีเนียร์ของอาร์เซนอลเองอย่าง โอบาเมยอง, ชาก้า, ลากาแซตต์ หรือวิลเลี่ยนเอง ก็ไม่สามารถแบกทีมและช่วยเป็นผู้นำทีมที่ดีได้
หากเรายกตัวอย่างเทียบกับลิเวอร์พูล พวกเขาเป็นทีมที่มีนักเตะที่มีความเป็นผู้นำสูงหลายคน โดยหลายคนเป็นกัปตันหรือรองกัปตันทีมชาติ ทั้ง เวอร์จิล ฟาน ไดค์, จอร์แดน เฮนเดอสัน, เจมส์ มิลเนอร์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน หรือแม้กระทั่งโม ซาลาห์หรือซาดิโอ มาเน่ หรือที่แมนยูมี แฮร์รี่ แมคไกวร์, บรูโน่ เฟอร์นันเดส หรือเอดินสัน ควานี่
นั่นเป็นสิ่งที่อาร์เซนอลทีมนี้ยังขาดนักเตะที่มีคาแรกเตอร์เหล่านี้ และการซื้อตัวจำเป็นจะต้องนำเข้าเหล่านักเตะที่มีความเป็นผู้นำเหล่านี้เข้ามาเพื่อสร้าง Mentality ให้ทีมกลับคืนมาอีกครั้ง
ส่วนตัวชื่อว่าอาร์เซนอลทีมนี้เป็นทีมที่มีอนาคตเนื่องจากนักเตะแกนหลักอายุน้อยหลายๆคนมีฝีเท้าที่ดีมากและมีศักยภาพในการขึ้นไปเป็นนักเตะระดับโลกได้ แต่อย่างไรก็ตามฟุตบอลสมัยนี้ต้องการความสำเร็จภายในเวลาระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่มิเกล อาร์เตต้าและนักเตะอาร์เซนอลรวมไปถึงบอร์ดบริหารจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันในการเรียกโมเมนตัมของทีมกลับมาให้ได้ก่อนที่จะตกต่ำไปมากกว่านี้
ชัยชนะเหนือเวสต์บรอมวิช อัลเบียน 6-0 เมื่อคืน ก็น่าจะทำให้ทีมเรียกความมั่นใจกลับมาได้บ้าง แต่พรีเมียร์ลีกนัดถัดไปที่เจอกับแมนเชสเตอร์ซิตี้จะเป็นงานที่หนักมากถึงมากที่สุด หากพวกเขาเอาชนะแมนซิตี้ได้ บรรยากาศภายในทีมคงดีขึ้นได้มาก
แต่หากมองว่าถ้าเกมกับแมนซิตี้ยังแพ้อีก มิเกล อาร์เตต้า คงจะมีโอกาสแค่ตัวในอีกแค่ 3 นัดถัดไปในลีก ที่จะพบกับนอริช, เบิร์นลีย์และท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส หากอาร์เตต้าไม่สามารถพาอาร์เซน่อลทำได้อย่างน้อย 7 คะแนน ส่วนตัวคิดว่าเขาอาจะตกเก้าอี้ภายในเดือนกันยายนเลยก็ได้ใครจะไปรู้
ขอให้อาร์เซน่อลผ่านสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้และกลับมายิ่งใหญ่ให้ได้อีกครั้ง
- - -
ติดตามในช่องทางอื่นได้ที่
Facebook: จอดรถบัส - Park the Bus
Blockdit:
blockdit.com/parkthebus
Blogspot:
parkthebusth.blogspot.com
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย