Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
27 ส.ค. 2021 เวลา 12:57 • กีฬา
เรื่องราวคล้ายกัน เตเวซ กับ โรนัลโด้ สองผู้เล่นที่แฟนแมนฯ ยูไนเต็ดรัก แต่จะย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ วิเคราะห์บอลจริงจังเล่าดราม่าสำคัญของตลาดซื้อขายครั้งนี้ให้ฟัง
3
ในอดีต ต้องยอมรับตามตรงว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีอะไรสู้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้เลย
ผลงานในสนามทีมปีศาจแดงได้แชมป์แทบทุกปี ส่วนแมนฯ ซิตี้ได้แชมป์ลีกครั้งสุดท้ายคือปี 1968 จากนั้นก็หนีตายบ้าง ตกชั้นบ้าง ไม่ต้องไปหวังเรื่องการลุ้นแชมป์
1
ส่วนประวัติศาสตร์ของฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ดก็แข็งแรงกว่า มีสตอรี่ตั้งแต่ยุคของเซอร์แมตต์ บัสบี้ มีแชมป์ยุโรป เช่นเดียวกับเรื่องการตลาด แมนฯ ยูไนเต็ด ร่ำรวยระดับโลก ส่วนแมนฯ ซิตี้ เป็นทีมธรรมดา มีเงินใช้สอยอย่างจำกัด
ส่วนเรื่องแฟนบอล แมนฯ ซิตี้ จะชอบอ้างว่า ในเมืองแมนเชสเตอร์ จะมีแฟนบอลของซิตี้มากกว่าเยอะ ส่วนแฟนบอลยูไนเต็ดจะเป็นพวกนักท่องเที่ยวซะเยอะ แต่งานวิจัยหลายแห่งก็ระบุว่า ถ้านับกันจริงๆ แล้ว ในตัวเมืองแมนเชสเตอร์ แฟนแมนฯ ยูไนเต็ดก็ยังมีจำนวนมากกว่า
สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ช่องว่างของทั้งสองทีม จะดูห่างกันขนาดนี้ แต่ความเป็น Rivalry คู่รักคู่แค้น ก็ยังเข้มข้น แฟนแมนฯ ซิตี้ เกลียดแฟนแมนฯ ยูไนเต็ด และ แฟนแมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่ชอบหน้าแฟนแมนฯ ซิตี้ ในเพลง Chant ก็แต่งขึ้นมาด่ากันตลอด
แต่แล้วนับจากปี 2007 ที่มีการเทกโอเวอร์รอบแรกของทักษิณ ชินวัตร ตามด้วยเทกโอเวอร์รอบสองในปี 2008 ของกลุ่มทุนอาบูดาบี ช่องว่างของสองทีมก็เริ่มแคบลงเรื่อยๆ
ด้วยเงินทุนมหาศาลจากเจ้าของใหม่ ทำให้ฝั่งแมนฯ ซิตี้ ยกระดับทุกอย่างขึ้นมา ทั้งสนามซ้อมที่ดีขึ้น บุคลากรที่เก่งขึ้น รวมถึงมีเงินเยอะขึ้นในการซื้อนักเตะชื่อดังมาเสริมทัพหลายต่อหลายคน
แต่แม้จะเสริมทัพไปพอควรแล้ว อันดับในลีกกลับไม่ดีขึ้น
ในฤดูกาล 2007-08 จบอันดับ 9 ของลีก
1
ในฤดูกาล 2008-09 มีผลงานแย่ลง จบอันดับ 10 ของลีก
ปัญหาสำคัญที่แมนฯ ซิตี้ ค้นพบก็คือเกมรุกของพวกเขา ยังไม่เฉียบคมพอ กองหน้าที่มีอย่างเบนจานี่ เอ็มวารูวารี กับดาริอุส วาสเซลล์ ก็ธรรมดาเกินไป หรือตัวใหม่ๆ อย่างโรบินโญ่ (32.5 ล้านปอนด์) ก็ปรับตัวกับบอลอังกฤษไม่ได้ เช่นเดียวกับ โช (18 ล้านปอนด์) ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรถ้าเทียบกับราคา
1
นั่นทำให้ก่อนเริ่มฤดูกาล 2009-10 ผู้บริหารแมนฯ ซิตี้ ตัดสินใจว่า แทนที่จะใช้งานนักเตะชื่อชั้นธรรมดา สู้จ่ายเงินหนักๆ ซื้อกองหน้าที่พิสูจน์ตัวเองแล้วในพรีเมียร์ลีกมาเลยดีกว่า จ่ายแพงโป้งเดียว เจ็บแต่จบ
และเมื่อกวาดสายตาในตลาด กองหน้าที่มีดีกรี ดีที่สุด และมีความเป็นไปได้ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะซื้อมาครอบครองได้ ก็คือคาร์ลอส เตเวซ หัวหอกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ก่อนอื่นเราต้องอธิบาย "สิทธิ์ซื้อขาย" ในตัวของเตเวซก่อน
ในยุคปัจจุบัน การซื้อขายนักเตะสักคน ต้องเป็นการซื้อระหว่างสโมสร A ขายให้สโมสร B ตรงๆ เรียบง่าย และห้ามมีคนกลางมาเกี่ยวข้อง
แต่ในอดีตกฎการซื้อขายยังหลวมๆ ไม่ได้เป๊ะอย่างในยุคนี้ ดังนั้นจึงมีการซื้อตัวผู้เล่นผ่าน บริษัทคนกลาง (Third Party) อยู่ไม่น้อย
อธิบายคือ ในกรณีของคาร์ลอส เตเวซ สิทธิ์ในการซื้อขายตัวเขา อยู่กับบริษัทที่ชื่อ MSI
ตอนที่เวสต์แฮม เซ็นสัญญาดึงเตเวซมาร่วมทีมในปี 2006 จากสโมสรโครินเธียนส์ เวสต์แฮมไม่ได้จ่ายเงินให้โครินเธียนส์ แต่จ่ายเงิน "ค่ายืมตัว 1 ปี" ให้ MSI
2
จากนั้นในปี 2007 พอหมดสัญญากับเวสต์แฮม ก็เป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ไปเช่าเตเวซจาก MSI ด้วยสัญญา 2 ปี แต่มีอ็อปชั่นซื้อขาด ด้วยราคา 25.5 ล้านปอนด์
2
ปีแรกที่เตเวซอยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ด (2007-08) เป็นปีที่เขาเล่นได้ร้อนแรงมาก สามประสาน เตเวซ-รูนี่ย์-โรนัลโด้ ยิงประตูกระจาย ช่วยให้ทีมปีศาจแดงคว้าทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีก และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งด้วยผลงานที่ดีเยี่ยม ทำให้เตเวซกลายเป็นขวัญใจอีกหนึ่งคนของสโมสร
แต่ปัญหาของเตเวซ มาเกิดขึ้นในซีซั่นที่สอง (2008-09) นั่นเพราะแมนฯ ยูไนเต็ด ซื้อดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ มาจากสเปอร์ส และเฟอร์กี้ก็ชอบใช้เบอร์บาตอฟซะด้วย คนที่โดนหางเลขมากที่สุดคือเตเวซ จากที่ได้เล่นสม่ำเสมอในซีซั่นก่อน พอเบอร์บาตอฟย้ายมา เขาได้ลงตัวจริงแค่ 18 นัดเท่านั้นในพรีเมียร์ลีก
เตเวซกล่าวว่า "ผมไม่ได้โอกาสเล่นในเกมสำคัญ อย่างเกมปะทะกับเชลซี ผมก็ไม่ได้ลงเล่น เกมที่มีความหมายแบบนี้ ผมควรจะได้ลงไม่ใช่หรือ"
2
เวลาผ่านมาเรื่อยๆ จนใกล้จบฤดูกาล เตเวซก็เพิ่มความผิดหวังมากขึ้น เพราะแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ยอมเซ็นสัญญาเขาอย่างถาวรเสียที เขาบ่นอีกครั้งว่า "ผมรู้สึกไม่เป็นที่ต้องการของสโมสร ผมรู้สึกแย่กับสถานการณ์ตอนนี้ มันดูจะยากมากที่ผมจะเป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต่อไป บางทีอาจได้เวลาที่ผมต้องบอกลา"
1
แกรี่ เนวิลล์ เพื่อนร่วมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด อธิบายสถานการณ์ว่า "คาร์ลอสเป็นนักเตะประเภทที่ต้องการความรัก ความสนใจเป็นพิเศษ เขาไม่ใช่คนที่ได้เล่น 1 นัด จาก 3 เกมแล้วจะพอใจ แต่ต้องการลงเล่นอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ"
เตเวซรู้สึกน้อยอกน้อยใจ ทั้งกับเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ไม่ได้มองเขาเป็นตัวเลือกชอยส์แรกๆ ในแนวรุก และผิดหวังกับผู้บริหารทีม ที่ไม่เชื่อใจเขามากพอ ที่จะเซ็นสัญญาขาด ทั้งๆที่ราคา 25.5 ล้านปอนด์ ก็ไม่ได้แพงมากมายอะไรเลย
1
ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ณ เวลานั้น แฟนปีศาจแดงก็ไม่เข้าใจสโมสร ว่าจะดึงเช็งอะไรมากมาย เซ็นๆไปเถอะ มีนักเตะเก่งๆอยู่กับทีมอีกสักคนไม่ดีกว่าหรือ ทั่วสนามจะมี Chant ที่แฟนบอลร้องตะโกนทุกครั้งที่เตเวซยิงประตูว่า "Fergie,Sign him up!" (เฟอร์กี้ เซ็นเขาซะที!)
2
แน่นอน เฟอร์กี้ได้ยินเสียงที่แฟนบอลพยายามจะบอก แต่เขาก็ยอมรับว่าคิดหนักเหมือนกันที่จะเซ็นเตเวซถาวร เฟอร์กี้กล่าวว่า "ผมรู้สึกว่าเขาไม่เคยมีความรู้สึกร่วมกับสโมสรของเราจริงๆ มันเหมือนกับว่าเราเช่าเขาใช้งานเฉยๆ และถ้าได้ข้อเสนอที่ดีกว่าจากที่อื่น เขาก็พร้อมย้ายไปโดยไม่ลังเล"
เรื่องนี้ก็เลยคาราคาซังกันอยู่หลายเดือน เมื่อเฟอร์กี้ดูเฉยๆ เซ็นก็ได้ ไม่เซ็นก็ได้ ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดไม่มีทีท่าว่าจะเซ็นถาวรกับเตเวซเสียที
ประเด็นสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้พลิกอีกตลบ คือเรอัล มาดริด ยื่นข้อเสนอสถิติโลก 80 ล้านปอนด์ ขอซื้อคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และแมนฯ ยูไนเต็ดยอมขาย
นั่นทำให้ทีมปีศาจแดง จะเสียตัวรุกคุณภาพไป 1 ตำแหน่ง เรื่องนี้ส่งผลให้สโมสร เปลี่ยนจุดยืนเรื่องเตเวซ จากที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากได้เท่าไหร่ แต่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนท่าที ทำการยื่นข้อเสนอซื้อขาดจาก MSI ตามราคาอ็อปชั่น 25.5 ล้านปอนด์
1
คิดด้วยคอมม่อนเซนส์ ถ้าเสียโรนัลโด้ไป แต่มีเตเวซ-รูนี่ย์-เบอร์บาตอฟ แนวรุกก็ยังเฉียบขาดอยู่ น่าจะดีพอที่จะป้องกันแชมป์ลีกสูงสุดได้ เสริมด้วย ไมเคิล โอเว่น ที่เซ็นฟรี แนวรุกรวมๆ ก็ดูโอเคอยู่
อย่างไรก็ตาม หมากเกมนี้ ไม่ได้เป็นไปตามที่แมนฯ ยูไนเต็ดต้องการ เพราะมีตัวแปรสำคัญที่ชื่อ ชีค มันซูร์ เจ้าของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ชีค มันซูร์ทราบว่าสัญญายืมตัวของเตเวซกับแมนฯ ยูไนเต็ด หมดลงพอดี และยังไม่มีการซื้อขายถาวรกันเกิดขึ้น นั่นทำให้เขาเทกแอ็กชั่นอย่างรวดเร็ว ติดต่อไปที่เคีย ชูรับเชียน เจ้าของ MSI และถามความเป็นไปได้ ที่จะซื้อเตเวซมาร่วมทัพแบบถาวร
MSI รู้ดีว่าแมนฯ ซิตี้มีเงิน ดังนั้นจึงเรียกค่าตัวสูงถึง 47 ล้านปอนด์ ถ้าคุณอยากได้ตัวท็อป สโมสรของคุณก็ต้องยอมจ่ายแพงหน่อย
ฝั่งชีค มันซูร์ ต้องการกองหน้าเกรดเอเข้ามาอยู่แล้ว แต่นักเตะเกรดเอที่ไหน จะอยากมาเล่นกับสโมสรอันดับ 10 ของลีก
1
นั่นทำให้ เมื่อโอกาสได้ตัวเตเวซแบบนี้ เขาจึงไม่ปล่อยโอกาสทองนี้ให้หลุดมือไป ตอบตกลงขอซื้อที่ราคา 47 ล้านปอนด์จริงๆ แม้จะแพงมากก็ตาม แต่ก็ไม่หวั่น พร้อมทั้งให้ค่าเหนื่อยเตเวซ สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษอีกด้วย
2
ฝั่ง แมนฯ ซิตี้ รู้ดีว่าดีลนี้ เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นกตัวแรกคือได้นักเตะเกรดเอเสริมทัพ และนกตัวที่สอง คือได้ตบหน้าคู่ปรับร่วมเมือง ว่านักเตะที่เคยเป็นฮีโร่ของแกมาก่อน สุดท้ายก็แพ้อำนาจเงิน แล้วกลายมาเป็นคนของเรา
2
เตเวซตอนนี้จึงมีสองทางเลือก ทางเลือกแรก อยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ดต่อ ได้รับเงินน้อยกว่าเล็กน้อย แต่เขาสามารถเป็นฮีโร่ของทีมได้ไปเรื่อยๆ ยิ่งไม่มีคริสเตียโน่ โรนัลโด้แล้ว คราวนี้ถึงเวลาที่เขาจะเฉิดฉายมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน อีกอย่างแมนฯ ยูไนเต็ด คือทีมระดับแชมป์ และได้ลุ้นแชมป์ยุโรปทุกปี ถ้าคิดถึงเรื่องมาตรฐานฟุตบอล การอยู่แมนฯ ยูไนเต็ดต่อ ก็สมเหตุสมผล
2
กับทางที่สองคือหักดิบย้ายไปแมนฯ ซิตี้เลย ข้อดีคือได้เงินเยอะกว่า และได้เป็นฮีโร่คนใหม่ แต่ข้อเสียคือ แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมระดับกลางๆ บอลยุโรปก็ไม่ได้ไปเล่น มันเป็นการลดคุณภาพฟุตบอลของตัวเอง นอกจากนั้นยังเป็นการทำร้ายความรู้สึกของแฟนๆ แมนฯ ยูไนเต็ดด้วย ที่ย้ายไปอยู่กับคู่แข่งร่วมเมืองแบบนั้น
และสุดท้าย เตเวซ เลือกเงินมาก่อน เขาย้ายไปอยู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ง่ายๆอย่างนั้น ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ สร้างความโกรธแค้นให้แฟนๆ ปีศาจแดงอย่างมหาศาล
จาก Sign him up เตเวซถูกเรียกว่า "ไอ้ลูกกะหรี่หน้าเงิน" จากฮีโร่ กลายเป็นซีโร่ในพริบตา คุณงามความดีใดๆ ที่เคยมีมาร่วมกัน ก็ยุติลงแค่ตรงนั้น แม้แต่โมเมนต์เกียรติยศอย่างแชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงปี 2008 ที่เตเวซ เป็นคนซัดจุดโทษลูกแรกให้แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะเชลซี ถ้าสังเกตดู แฟนๆ ปีศาจแดงก็พยายามจะหลีกเลี่ยงไม่พูดถึง
1
ณ ขณะนั้น ไม่ใช่ว่าแมนฯ ยูไนเต็ด จะหวั่นกลัวแมนฯ ซิตี้หรืออะไร ต่อให้ได้เตเวซไป ก็คงไม่ได้เก่งพอที่จะโค่นแมนฯ ยูไนเต็ดเป็นแชมป์ได้อยู่ดี แต่ทีมปีศาจแดงมองว่า นักเตะเลือกทำแบบนี้ เป็นการไม่ให้เกียรติกันเลยสักนิดเดียว รู้อยู่แล้วว่า ทั้ง 2 ทีมเป็น Rivalry กัน คุณย้ายข้ามฟากแบบนี้ มันไม่ได้หรอก
การได้เตเวซไปครอบครองของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ว่ากันตรงๆ คือจุดพลิกผันสำคัญของสโมสร นั่นเพราะเป็นการแสดงให้โลกได้เห็นว่า แมนฯ ซิตี้ มีแรงดึงดูดมากพอ ที่จะคว้านักเตะเกรดเอ ระดับนี้มาร่วมทีม
ไฮไลท์การซื้อตัวของเตเวซอีกหนึ่งอย่าง คือทันทีที่การเซ็นสัญญาลุล่วงเรียบร้อย มีการเปิดตัวป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ ที่ถนนมันคูเนียนเวย์ เป็นรูปเตเวซ ใส่เสื้อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ สีฟ้า กางแขนท่าดีใจที่เป็นโลโก้ประจำตัวของเขา แล้วมีตัวอักษรกำกับว่า Welcome to Manchester
1
นี่เป็นการจิกกัดที่แสบมาก เพราะแฟนแมนฯ ซิตี้ จะอ้างเป็นประจำว่า สโมสรที่คนท้องถิ่นเชียร์มากกว่าคือซิตี้ ไม่ใช่ยูไนเต็ด (ซึ่งอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้) ดังนั้นช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่เตเวซอยู่กับยูไนเต็ด ก็เหมือนว่าไม่ได้มาแมนเชสเตอร์หรอก แต่ตอนนี้มาอยู่กับแมนฯ ซิตี้ คราวนี้ล่ะ โอเค ถึงเมืองแมนเชสเตอร์ จริงๆ ซะที
ไอเดียป้ายโฆษณา Welcome to Manchester มีไอเดียมาจาก เดวิด พูลแลน และ แกรี่ คุ้ก สองผู้บริหารของแมนฯ ซิตี้ยุคนั้น ที่มองว่า อุตส่าห์ได้เตเวซมาใช้งานแล้ว น่าจะถือโอกาสนี้ แซวแมนฯ ยูไนเต็ดหนักๆ ให้เจ็บใจไปเลย
ตอนแรก ชีค มันซูร์ ไม่เห็นด้วย เพราะกลัวสังคมมองว่า แมนฯ ซิตี้เป็นตัวร้าย แต่ผู้บริหารทั้งสองคน ยืนยันว่า นี่ไม่ใช่การไม่ให้เกียรติแมนฯ ยูไนเต็ด แต่เป็นการแซวขำๆ แบบบริติชโจ๊ก สุดท้าย ชีค มันซูร์ก็เลยยอม และผลลัพธ์ของมัน คือเป็นป้ายโฆษณาคลาสสิคที่ถูกนำมาพูดถึงอยู่ตลอดเป็นสิบปี
6
ภาพ Welcome to Manchester ได้รับความสนใจมากๆ ไม่ใช่แค่ในโลกฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงวงการโฆษณาอีกด้วย โดยแมนฯ ซิตี้ ได้รับรางวัลไอเดียการตลาดยอดเยี่ยมจากหลายสำนัก ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีคนเห็นโฆษณาตัวนี้ ก็มีคนพูดถึงสโมสรมากขึ้น เรียกได้ว่า จ่ายเงินทำป้ายโฆษณาแค่ 3 หมื่นปอนด์ แต่ได้ผลตอบรับที่ดีมากๆ อย่างที่คาดไม่ถึงเลย
2
ในเวลาต่อมา ถ้ามีข่าวลือนักเตะ จากแมนฯ ซิตี้ จะย้ายมาแมนฯ ยูไนเต็ด หรือจากแมนฯ ยูไนเต็ด จะย้ายมาแมนฯ ซิตี้ มุก Welcome to Manchester ก็จะถูกหยิบเอามาเล่นแทบทุกครั้ง
จากอดีตกลับมาสู่ปัจจุบัน เมื่อเราเห็นดีลของคาร์ลอส เตเวซ ในอดีต เราจึงพอเห็นภาพ ว่าถ้าคริสเตียโน่ โรนัลโด้ย้ายมาเล่นให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้จริงๆ มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
1
สิ่งที่เกิดแน่ๆ อย่างแรกคือ ความรักและความสัมพันธ์ที่เคยมีร่วมกันมากับแฟนแมนฯ ยูไนเต็ด จะถูกด้อยค่าลงแน่นอน
โรนัลโด้คือไอคอนของสโมสร เป็นผู้เล่นที่แฟนๆ ปีศาจแดงรัก ไม่ว่าจะย้ายไปไหน ก็ตามไปให้กำลังใจเสมอ ถ้าหากโรนัลโด้เลือกย้ายมาแมนฯ ซิตี้แบบนี้ ก็แปลว่าไม่ได้ให้คุณค่ากับความรู้สึกที่มีร่วมกันในอดีตเลย
1
โรนัลโด้สามารถย้ายมาแมนฯ ซิตี้ได้ ถ้าเขาต้องการ แต่มันจะคุ้มหรือ ถ้าสิ่งดีๆ ที่มีร่วมกัน ต้องพังทลายลงไปอย่างง่ายๆ แบบนั้น
1
อย่างที่สองคือ นี่เป็นการเอาชนะทางการตลาดของแมนฯ ซิตี้ ที่สามารถดึงซูเปอร์สตาร์ที่เคยเป็นไอคอนของคู่แข่งมาอยู่กับทีมตัวเองได้ โรนัลโด้จะยิงเยอะหรือน้อยไม่สำคัญ แต่ที่แน่ๆ แฟนเรือใบสะใจแน่นอน
ความรู้สึกเหมือนตอนแมนฯ ยูไนเต็ด คว้าตัวไมเคิล โอเว่น อดีตฮีโร่ของลิเวอร์พูลมาครองนั่นแหละ เฟอร์กี้เองก็รู้ว่าโอเว่นไม่ได้เก่งเหมือนก่อนแล้ว แต่ก็ยังเซ็นมาอยู่ดี เพราะการได้เซ็นฮีโร่ของคู่ปรับสำคัญ มันมีความหมายยิ่งกว่าผลแพ้ชนะอีก
แล้วในมุมของโรนัลโด้ล่ะ คำถามที่น่าสนใจคือ เขาจะได้อะไร ถ้าย้ายมาแมนฯ ซิตี้จริงๆ
1- ได้เงิน ที่แน่นอนว่าคงได้มากกว่ายูเวนตุสแน่ๆ ในช่วงท้ายอาชีพโกยเงินไว้ให้ได้เยอะที่สุด ก็น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูก (แต่แค่นี้โรนัลโด้ยังรวยไม่พออีกหรือ?)
1
2- ได้ประกาศศักดาอีกครั้ง ว่าในวัยขนาดนี้ เขายังสามารถเล่นในลีกความนิยมสูงสุดอย่างพรีเมียร์ลีกได้สบายๆ
3- การอยู่แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสที่จะไปถึงบัลลงดอร์ได้ดีที่สุด ถ้าหากโรนัลโด้ช่วยแมนฯ ซิตี้ได้ดับเบิ้ลแชมป์ พรีเมียร์ลีก-แชมเปี้ยนส์ลีก (ซึ่งก็มีโอกาสเป็นไปได้) การคว้าบัลลงดอร์ สมัยที่ 6 เทียบเท่าลีโอเนล เมสซี่ ก่อนเขาเลิกเล่น ก็อาจเป็นไปได้
2
แน่นอน ข้อดีต่างๆ พิจารณาจริงๆ ก็มีนั่นแหละ แต่แค่ไม่รู้ว่ามันจะคุ้มหรือเปล่า ถ้าต้องแลกกับศรัทธาที่สูญหายไปของแฟนๆ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เคยรักเขาขนาดนั้น
2
Welcome to Manchester ขนาดถูกเอามาใช้กับคาร์ลอส เตเวซ ที่อยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ดแค่ 2 ปี ยังทำให้แฟนบอลแค้นใจขนาดนั้น
ลองคิดดูว่า ถ้าป้ายโฆษณายักษ์กลางเมือง มี Welcome to Manchester เป็นรูปคริสเตียโน่ โรนัลโด้ จริงๆล่ะก็
ไม่อยากนึกเลย ว่ามันจะทำให้แฟนปีศาจแดงโกรธแค้น และใจสลายแค่ไหน
#HEARTBREAK
10 บันทึก
46
5
10
10
46
5
10
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย