#คนฉลาดทุกคนเลือกทางเดินเลือกเส้นทางความสวยงามทั้งนั้น
แต่คงไม่ใช่กลุ่มพวกเกิดมาเพื่อ "ใช้ชีวิต"
และแน่นอนไมใช่กลุ่มเกิดมาคิดแค่เพื่อชดใช้กรรม
เพราะชีวิตของตนเองที่ตนปรารถนา
เพราะขีวิตเป็นของเราเอง
แม้มนุษย์เท่าเทียมกันในการกำหนดชะตาชีวิต
แต่ละคนก็กำหนดชะตาชีวิตต่างกัน
แน่นอนคนมีสติปัญญา ที่มีเส้นทาง ไปในกลุ่มโลกิยสุข
เป้าหมายมักเป็น "ความมั่งคั่งของโภคทรัพย์ และอริยทรัพย์"
เพรากลุ่มนี้เกิดมาเพื่อสร้างบารมี
ที่ยึดการ "แบ่งปัน" หรือ "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
คือเมื่อรวยและมีการพอกพูนสุขแล้ว
ยิ่งต้องแบ่งปัน ตั้งแต่ยังไม่รวยด้วยซ้ำ
เพราะ เสมือน "ไม่ออกกำลังกาย ก็ไม่ได้กำลัง "
"ไม่จ่ายเงินลงทุน(กุศลกรรม) แล้วจะได้ "ความมั่งคั่ง" ของกุศลกรรม จากการลงทุนตอบแทนเป็นกำไรได้ยังไง
ทั้งอริยทรัพย์จะได้มา(แม้ไม่หวังผลลัพธุ์ =ทำให้ดีที่สุด) ด้วยการแบ่งปัน เอื้อเฟื้อเอื้ออาทร("การทำบุญ" ทุกอย่าง คนให้ก็มีความสุข "การทำทาน"ทุกอย่าง คนรับก็มีความสุข
กุศลกรรม จาก "กระแสความสุข" มาเจอกัน พลังก็ทวีคูณในการเป็น "สาเหตุ/เหตุปัจจัย" ที่ทำให้เกิดเป็นกุศลกรรม "สนองคืนมาตามกฎแห่งกรรม(ตามเวลาที่จัดสรรอย่างเหมาะสมตามคอมพิวเตอร์สวรรค์ไง)
กลุ่มนี้จึงยังแค่ ละลด(ไม่ไม่เลิก) กิเลศ ตัณหา จิตก็ไม่จำเป็นต้องว่าง(ก็เกิดแล้วก็ดับตลอดวัน) คือยังคงเป็นคนธรรมดาแต่มีศีลธรรม และคนทั่วไป "รัก"
แต่ในเส้นทางสู่เป้าหมาย
ที่มีปณิธานที่บางคนก็เลือกทางนี้ ตามรอย "ความคิดพระโพธิสัตว์ที่เน้นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยความปรารถนาแรงกล้า(passion) ที่ยังไม่หมดกิเลศหากแค่ "ละลดกิเลศ ที่พร้อมจะไปเส้นทางโลกุตตาระ"
บางคนมุ่งโลกุตตาระสุข คือ เป้าหมาย(ไม่รู้อีกกี่สิบกี่ร้อยชาติ) ที่จะบรรลุ "ไม่เกิด ไม่ดับ
ดังนั้นชาวพุทธทุกคนไม่จำเป็นที่คนจะต้องเดินทางในสายสู่เป้าหมายอรหันตร์ที่เน้น "ไม่เกิด ไม่ดับ" ที่แม้ยังมี "จิตวิญญาน"ที่สิ้น ก.กิเลศ(โลภโกรธหลง) ข.ไม่มีตัณหา (ความทะยานอยาก) 3.จิตว่าง
มีปณิธานเหลืออยู่แล้ว
แม้เรารับรู้ว่า ฝ่ายพลังที่ยิ่งใหญ่ คือ "อรหันตร์" ที่ถือเป็นพลังบริสุทธ์ของโลก (คงจะเป็นกลุ่มพลัง) คงจะรวมตัวกันเป็นพลังเสมือน "คอมพิวเตอร์สวรรค์มีแอพพลิเคชั่น" กำหนดกฎแห่งกรรม ตามกลักของเหตุและผล (causality)
แต่ไม่มีใครรู้ เพราะ "อจินไตย=ไม่จำเป็นต้องรู้เพราะไม่เกี่ยวกับการเพิ่มปัญญา ที่เกิดจากความสามารถของการฝึกฝนจิตวิญญาน(mind) ให้เติบโต
ในการบงการ "ใจ"ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าและอารมณ์ ให้ดึงแต่พลังบวก เข้ามาสะสมให้มีมิติในการมองโลกและสังคมตามเส้นทางหนทางในการบรรลุ "สติปัญญา ( inteligence) รวมทั้ง ปัญญาญาน(wisdom) ตามจำเป็นในความจริง(truth) ที่ไม่ใช่แค่เพียง "ความเป็นจริง(reality)
คือมีสติปัญญา ในการใช้ชีวิตด้วยการกำหนดชะตาชีวิตตนเอง แต่รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ที่เกิดมาแล้วก็ดับไป พบความสุขจากการแก้ปัญกา/ทุกข ด้วยเหตุปัจจัย/สาเหตุหลักที่ทำลายปัญหา
ทั้งไม่ติดยึดความเป็นตัวตนด้วยการปล่อยวางเป็น
เพราะแค่จิตมนุษย์ที่มีพลังแค่คนเดียว ยังเสมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ธรรมดาหลายเครื่อง คอมพิวเตอร์ของจีน ทั้งของยูทูปที่มนุษย์สร้างขึ้นใหม่ยังมีพลังย่อโลกมากขึ้น
***โดย ศ.ดร.ดิเรก ฤกษ์หร่าย , 27สค.2564 www.blockdit/direkrerkrai
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
