Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อมร ทองสุก
•
ติดตาม
27 ส.ค. 2021 เวลา 15:12 • สุขภาพ
เลือดลม
๑.คำๆนี้ได้ยินมากและบ่อย แต่น้อยคนจะรู้ว่าคืออะไร จนคนรุ่นหลังมองศัพท์คำนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีความสำคัญ และไม่สนใจ
๒.เป็นเรื่องที่แปลกมาก ที่ศัพท์คำนี้ใช้อย่างกว้างขวางทั้งการแพทย์แผนจีนและแผนไทย และการแพทย์ทั้งสองแผนต่างก็อธิบายและให้ความสำคัญในระดับเดียวกัน
๓.ในทางการแพทย์แผนจีนใช้คำว่า ชี่เสี่ย (氣血) ชี่ (氣) แปลว่าลม ส่วน เสี่ย (血) แปลว่าเลือด
ตรงกับแพทย์แผนไทยพอดิบพอดีคือ คำว่า "เลือดลม"
๔.ความสำคัญของเลือดลม ในทางการแพทย์ทั้งแผนจีนและแผนไทยคือ เลือดลมเป็นพลังพื้นฐานของร่างกายมนุษย์ ยามที่ร่างกายโดยรวมมีเลือดลมที่น้อยลง สารพัดโรคจะบังเกิด หากอวัยวะใดอวัยวะหนึ่งขาดเลือดลม อวัยวะนั้นก็จะเกิดปัญหา เช่นดวงตา เมื่อดวงตาขาดเลือดลมหรือเลือดลมไปไม่ถึง ก็จะทำให้ตาฝ้าตามัว หัวใจขาดเลือดลม จะทำให้เกิดโรคหัวใจ เส้นเอ็นขาดเลือดลมหล่อเลี้ยง เส้นเอ็นก็จะแข็งและไม่ยืดหยุ่น เป็นต้น
๕.เลือดลมคืออะไร? ตามรูปศัพท์ เลือดลมก็คือเลือดที่มีลม ลมในที่นี้ก็คือออกซิเจน เมื่อเลือดมีการนำพาออกซิเจนไปสู่อวัยวะต่างๆ ร่างกายก็จะแข็งแรง
๖.ศัพท์อีกคำหนึ่งที่เราคุ้นเคย และมีความหมายตรงกับคำว่าเลือดลมก็คือ "กำลังภายใน" หรือ "ลมปราณ" ในหนังจีนแนวกําลังภายในนั่นเอง หมายความว่า ความจริงเราทุกคนก็สามารถฝึกกำลังภายในได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีตำราวิชากังฟูแต่อย่างใด
๗. วิธีการสร้างเลือดลม เราทุกคนล้วนสามารถที่จะสร้างเลือดลมขึ้นมาได้ ซึ่งแน่นอนจะช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น
๘. จะอธิบายเป็นขั้นตอนดังนี้ 1. เลือดดำ (หมายถึงเลือดที่มีคาร์บอนไดออกไซด์) ถูกส่งมาจากทุกสารทิศ และเลือดดำเหล่านี้ สุดท้ายก็จะหมุนเวียนกลับมาที่ห้องหัวใจ โดยเลือดดำเหล่านี้ ได้นำพาของเสีย (คาร์บอนไดออกไซด์) ซึ่งเกิดจากการเผาผลาญของเซลล์ทั้งหมดของร่างกาย พาขึ้นไปสู่หัวใจ 2. หัวใจจะบีบเลือดดำขึ้นไปที่ปอด 3. เมื่อเราหายใจเข้า ปอดก็จะขยายออก ในตอนนั้น เลือดดำจะทำการถ่ายเทคาร์บอนไดออกไซด์ออก และจะเก็บออกซิเจนไว้แทน เมื่อเม็ดเลือดบรรทุกออกซิเจนแล้ว ก็จะกลายเป็นเลือดแดงในทันที 4. เมื่อเราหายใจออก ปอดก็จะแฟบ ในตอนนั้น ปอดจะทำการบีบคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย 5. ในขณะที่ปอดทำการแลกเปลี่ยนอากาศดีและอากาศเสีย หัวใจจะทำการบีบเลือดส่งขึ้นปอดไปเรื่อยๆ ซึ่งแรงบีบของหัวใจจะช่วยส่งให้เลือดที่บรรทุกออกซิเจนแล้ว กลับไปที่หัวใจ และหัวใจก็จะทำการบีบส่งกระจายไปสู่ทุกส่วนของร่างกายอีกที
1
๙. เลือดที่มีลมสะอาด จึงจะทำให้มีแรง สังเกตได้จากการที่เราจะยกของหนัก ก่อนยกของหนัก เราจะต้องสูดลมหายใจให้เต็มปอดก่อนทุกครั้งจึงจะมีพลังระเบิดออกมา
๑๐. จากตัวอย่างของการยกของหนักต้องสูดลมหายใจให้เต็มปอดจึงมีพลังระเบิดออกมา เรื่องนี้ให้ข้อคิดกับเราว่า หากปอดสามารถสูดออกซิเจนให้เต็มพื้นที่ปอด ก็จะทำให้เกิดพลังไหลเวียนสู่ร่างกายมหาศาล
๑๑. ดังนั้น หากเราไม่สูดลมจนเต็มพื้นที่ปอด หรือก็คือหายใจถี่และตื้น ก็จะทำให้เม็ดเลือดถ่ายเทคาร์บอนไดออกไซด์ออกไม่หมด ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถบรรทุกออกซิเจนไว้บนเม็ดเลือดได้ ในขณะที่ของเสียยังถ่ายไม่หมด แต่หัวใจก็บีบคั้นเร่งเร้าให้รีบเดินทางไปสู่ทุกส่วนของร่างกายต่อ หมายความว่า เลือดที่ไหลเวียนไปสู่ร่างกายยังคงเป็นเลือดที่ไม่มีพลังงาน ซึ่งแน่นอน ก็จะทำให้เลือดเป็นกรด เซลล์ในแต่ละส่วนของร่างกายไม่ได้รับพลังงานที่ส่งทอดลงมา สุดท้ายก็จะทำให้เรารู้สึกอ่อนเพลียไม่มีชีวิตชีวา
๑๒. สรุป เลือดลมเป็นพื้นฐานของร่างกาย หากร่างกายขาดเลือดลมก็จะเจ็บป่วย และวิธีที่จะทำให้มีเลือดลมหมุนเวียนไปสู่ทุกส่วนของร่างกายก็คือการหายใจ และการหายใจที่มีประสิทธิภาพ และสามารถช่วยเพิ่มเลือดลมเข้าไปสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่นั้น ก็คือต้องฝึกหายใจให้ลึกนั่นเอง หรือก็คือ ต้อง หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ และผ่อนลมหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ การหายใจที่ดีต้องขยายปอดและหน้าอกอย่างเต็มที่ เช่นนี้ก็จะทำให้ร่างกายสามารถสร้างเลือดลมและส่งไปสู่ส่วนต่างๆของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1
๑๓. สำหรับท่านที่มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง หัวใจเต้นรัวเร็ว เหนื่อยหอบง่าย ขอเพียงปฏิบัติตามนี้ ไม่ถึง 1 นาที หัวใจของท่านก็จะเต้นช้าลง และมีแรงขึ้น ท่านจะมีความรู้สึกสดชื่น สมองแจ่มใสได้ในทันที
1 บันทึก
5
7
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เบ็ดเตล็ด
1
5
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย