27 ส.ค. 2021 เวลา 16:58 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

มาตราฐานระดับน้ำหอม กับ การตลาดไทย

ทำน้ำหอม จะอิงการใช้งาน หรือ ความต้องการตลาด
ใส่น้ำหอมน้อยกว่าทำไมหอมทน
หลากหลายข้อถกเถียงเกี่ยวกับน้ำหอมในตลาดบ้านเรา
เรื่องการใช้% การติดทน ต้องใส่หัวน้ำหอมเยอะแข่งกันเพื่อรอบรับตลาด และ การสร้างข้อมูลที่ถูกต้องในการใช้หัวน้ำหอมที่ควรจะเป็นยังมีการถกเถียงกันต่อเนื่อง
เพราะผู้ผลิตหลายเจ้าในฝั่ง cosmetic ยังตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อแบบไม่โต้แย้งให้เสียรายได้
และมีผู้เปิดคลาสหลายเจ้ายังเข้าใจผิดเรื่อง % น้ำหอมที่ควรใช้อยู่มาก
ป้อจะขอเล่าในมุมที่ต่างออกไปให้ลองพิจารณาดูค่ะ
เบื้องต้น ระดับความเข้มข้น ที่ทราบกันดีคือ
เริ่มจาก น้อยไปมาก ประมาณนี้ คร่าวๆ
mist spray นิยม 3-5%
eau de cologne 8-10%
eau de toilet 10-15%
eau de perfume 15-20%
Intense มากกว่า 30%
แต่เมื่อมาลองซื้อกลิ่นนั้นนี้มาลองทำเอง
บางคนใส่หัวน้ำหอมเข้มมาก ถึงอยู่นาน
เทียบกับน้ำหอมมืออาชีพ ระดับ mass ที่ใส่%
น้อยกว่า หลับติดทนและกลิ่นมีลูกเล่น
2
** บางตัวมีความเข้มข้นเพียง EDT แต่หอมนานกว่า EDP
ด้วยหลายปัจจัย
คำตอบอยู่ข้างล่างค่ะ
1. เป็นสารหอม absolute เข้มข้น ไม่ผ่านการเจือจางซ้ำซ้อน คือ สารสกัดที่ได้มา มีการเจือจางเพื่อใช้งานและไม่ผสมตัวเจือจาง เพื่อมาทำซ้ำ เช่น
- ซื้อ vanilla absolute 1% มาใช้กับส่วนโครงสร้างกลิ่น
และทำในสูตรทันที จะกลิ่นละมุนและเติมเต็มกลิ่นนั้นดีกว่า เอาตัว vanilla absolute 1% มาผสมน้ำหอมและเจือจางในอัตราส่วน หัวน้ำหอม 40% สารเจือจาง 60% และนำไปเป็นหัวน้ำหอมที่ขายทั่วไป สัดส่วน 1% จะถูกลดทอนจนไม่เหลือ ความชัดเจน
2. บางกลิ่นก็ไม่ควรใช้เข้มมากเพราะจะทำให้สูญเสียความสมดุล
เช่น กลิ่นโทนสดชื่น Aquatic, citrus , Chypre , light
ควรให้ความเข้มข้น ไม่เกิน 20% เพื่อรักษาความสวยงามของกลิ่นไว้ หากใส่มาก กลิ่นจะทึบ และหลังใช้งานมีความต่างกันมาก อาจจะฉุนไปเลย หรือ มึนหัว
ข้อนี้.. มือใหม่หัดปรุง ต้องคำนึงด้วยนะคะ จะเอาแต่ edp อย่างเดียว บ้านเราก็ไม่เหมาะ
3. แอลกอฮอล์ชนิดที่ใช้ มีทั้งกลิ่นอ้อยแบบเหล้าขาว
และไร้กลิ่น มีคุณสมบัติต่างกันสิ้นเชิง แม้จะเป็นแอลกอฮอล์เหมือนกัน ฉะนั้น ระยะเวลานานที่หมักแอลกอฮอล์อ้อนจะหวานกว่า แต่จะยอมรอกันมั้ย คืออีกเรื่อง
ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างค่ะ ที่ทำให้คนเข้าใจผิดและทำออกมาได้ยังไม่ดีพอหรือไปกดทับฝีมือ
และทำให้ความสวยงามที่วาดฝันไว้..ไปไม่สุด
ปัญหาหลักเลยคือ..กลิ่นจม กลิ่นกลม กลิ่นไม่สามารถรักษาระยะความยาวนานออร่าบนผิวได้ดีเท่าที่ควร
1. ผสมเบสผิด
เช่นเอา DEB mix มาใช้
musk ในแอลกอฮอล์ไม่ควรใส่ค่ะ
ควรจบกลิ่นที่หัวน้ำหอมค่ะ
และการใส่ musk ชนิดเดียวซ้ำซ้อน
ที่คนอาจจะเข้าใจว่ามีแค่ galaxolide , white musk
 
2. ใส่ PG ที่ใช้สำหรับทำ alcohol spray and gel
ผิดสรรพคุณ เพราะ pg ผสมอาหารหรือบำรุงผิว
เพื่อลดความระคายเคือง มากกว่านำมาเจือจาง
แทน DPG หรือ Oil base อื่นๆ
จึงทำให้กลิ่นไม่ตราตรึง ไม่เข้ากันในสูตร
1
3. การใช้หัวน้ำหอมที่ไม่มีที่มา เพราะไม่สามารถบอก
ส่วนประกอบโครงสร้างกลิ่นได้ หรือ การที่มีเอกสาร
msds แต่ไม่ได้ตรวจดูว่า ตัวเจือจางมีกี่%
ทำให้ใส่สารซ้ำซ้อน นี่คือปัญหาหลักของคนที่พยายาม ปรุงกลิ่นแต่ยังไปไม่สุดทาง หรือ.. การ
4. การดมและดึงโน้ตกลิ่นจากประสบการณ์
5 ใช้หัวน้ำหอมที่เจือจางมาแล้วและใส่มัสเยอะจนกลิ่นจม
❤️ การทำน้ำหอมที่ดี ต้องคำนึงถึง % ของ top middle base และ ใจความสำคัญของกลิ่น คือ core scent
มือสมัครเล่น.. อาจจะมอง top middle base เป็นหลัก
แต่ในความเป็นจริง .. top middle base คือสัดส่วนที่เรามาคำนึงถึงการใช้งานในภายหลัง
ภาพปิรามิดน้ำหอม
คราวนี้ ปัญหาต่อมาคือ การเลือกกลิ่น ไม่รู้จะเอากลิ่นไหนรวมกัน
คำตอบ : ต้องมีเรื่องราวเหมือนภาพวาดค่ะ ว่าเราอยากได้ภาพแบบไหนกลิ่นแบบไหน เราก็สามารถเลือกตามโทนสีในปิรามิดได้ หรือการจัดกมดหมู่สีตาม mood and tone จะทำให้การคิดกลิ่นไม่หลงทาง
และจะง่ายมากสำหรับคนที่เรียนเบสิกมา ซึ่งมาหลายที่สอน
top : กลิ่นเปิดโทนผลไม้
middle : กลิ่นที่เราชอบ เช่นโทนดอกไม้
base : กลิ่นยาวติดผิว พวกหวานๆไม้ๆ
** หรือดูโน้ตจาก เวปน้ำหอมเพื่อทดลองเล่นได้
สารหอมเจือจาง
📍ปัญหาต่อมาที่มือสมัครเล่นต้องเจอ
เมื่อเรามีสารหอม ถ้าใส่ อัตราส่วนเยอะเท่ากับใส่หัวน้ำหอมสำเร็จ รับรอง ราคาสูงค่ะ และเหนียวมัน
บางคนก็ฉุนไปเลย ติดดีนะคะ แต่ฉุนจมูกมาก
ซึ่ง.. นิยมคนบ้านเราเวลาซื้อมักจะขอกลิ่นนานๆ
ไม่คำนึงถึง ฉุนมั้ย มารู้อีกทีตอนซื้อมาแล้ว
📍และคนขายหรือคนทำก็..เลือกที่จะโฟกัสความต้องการด้านนี้มากไป จนเป็นมาตราฐานที่ผิด
( ผิดในแง่ของการตามใจลูกค้า เช่น รับคำติแต่อธิบายไม่ได้อธิบายว่าที่จะตามมาผลเสีย.. คืออะไร )
เช่น ต้องการติดทน และไม่รอเวลาหลังทำเสร็จ
ทำให้ระยะเวลาผ่านไป กลิ่นเข้มจนเวียนหัว เสียสภาพ
👉 ผลที่เกิด: ทำให้ด้านงบ และจินตนาการ ถูกขีดเส้น
( ในมุมของคนเริ่มทำ )
top middle base
วิธีที่ถูกต้อง :
👉เลือกโน้ต และเทศเทศลงกระดาษ ดมกลิ่นก่อน
👉ผสมสารหอมตามโน้ตที่ใช่ในใจเราแล้ว
บ่มกลิ่นรอเซตตัวก่อนนะคะ ใจเย็นๆ 2-3 วัน และค่อยกลับมาดม👉แล้วใส่ตัวเจือจางหรือแอลกอฮอล์
👉ต้องทำความเข้าใจว่า กลิ่นแต่ละตัวต่างกัน
ระยะความนานไม่เท่ากัน และคนแต่ละคนใช้ชีวิตต่างกัน
👉 ศึกษาเพิ่มเติมก่อนลงมือทำอีกครั้ง
💜ถ้าทำเล่นในแง่เอาไว้ใช้เองดูโทนกลิ่น ซื้อหัวน้ำหอมจากร้านทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงการใช้ pg , DEB musk
💜แต่ควรใช้หัวน้ำหอมไม่เกิน30% และผสมแอลกอฮอล์95% เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า ตู้ไม้ ที่ไม่โดนควาร้อนสัก1เดือนอย่างต่ำ
📍 น้ำหอมที่ปรุงโดย perfumer น้อยแต่มากยากจะเลียนแบบ เพราะ การสร้างสรรค์กลิ่น มีสารหอมทางเคมีที่ได้จาก ธรรมชาติ ที่สามารถบิดได้มากกว่า 3ชนิดต่อโทน
💜และความต่างอยู่ตรงนี้ค่ะ 💜
ในขณะที่คุณพยายามใช้หัวน้ำหอมมากกว่า30%
ในการทำให้กลิ่นเข้ม
แต่คนที่ทำเป็น ใช้สารเป็น จะใช้เพียงแค่10-15%
ไม่ว่าจะด้วย เทคนิกการเอาหัวน้ำหอมมาเหมือนกัน
หรือการทำกลิ่นโปร่งให้ลากยาวกว่าเดิม
โดยใช้โครงสร้างทางเคมีมาเสริม เติม แต่ง ช่วย
ตัวอย่างโครงสร้างทางเคมี ในแต่ละหมวดหมู่
จะเห็นว่า กลิ่นโทนเขียวก็ไม่ได้มีแค่พืชชนิดเดียว
❤️การใช้สารหอมบางตัวที่แทบไม่มีกลิ่นเลย
กลับเป็นตัวที่เสริมให้กลิ่นเบสบางตัวติดนาน
💜แบบที่กลิ่นไม่ฉุนเลยอ่อนเบาใช้เดี่ยวๆไม่ค่อยได้กลิ่น เช่น bacdanol
เป็นกลิ่นโครงสร้างของไม้จันทน์ใช้ร่วมหรือใช้แทน sandalwood ไม้จันทน์ที่เป็นเบสโน้ตหนักและมีกลิ่นไม้แรงกว่าได้ค่ะ และใช้สารหอมอื่นๆดึงขึ้น เป็นเทคนิคของ ผู้ปรุงที่ผ่านประสบการณ์
Bacdanol toco( iff )
แม้กระทั่งการเอากลิ่นเผาควันฉุนๆมาเติมมิติให้กลิ่นหวาน และกลิ่นไม้ ออกมาได้ดี ออกไปทางนัวๆด้วยซ้ำ
🍋หรือการเพิ่มความเปรี้ยว ไม่ใช่มีแค่มะนาว🍋
เช่น ดี ลิโมนีน & Dihydro myrcenol
D-limonen มีความเปรี้ยวที่ละมุนกว่า
Dihydro myrcenol มีความเปรี้ยวที่แหลมกว่ามรดลิ่นของโลหะ และถ้าต้องการความสดยังคงต้องที Hedione มาสมทบ
D-limonen
dihydromyrcenol
ถ้ามองภาพไม่ออก เราจะเล่าให้ฟังง่ายๆว่า
ทำไมการผสมเองธรรมดา กับการเรียนเพิ่มเติมถึงได้ต่างกัน ค่ะ
ตัวอย่างน้ำหอมแบรนด์
ที่มีความเป็นเบสโน้ต&herbค่อนข้างมาก ในโทนไม้
พบกับ Top& middle ในโทนสมุนไพร มันก็จะกลิ่นไม่สดชื่นเท่าไหร่ในการเปิดกลิ่นครั้งแรก
เราอยากให้เด่นเลย เราก็เพิ่ม Dihydromyrcenol ลงไป อย่างน้ำหอมแบรนด์ที่เราเอามาเป็นตัวอย่าง
paco rabanne ที่เสริมสดชื่นด้วย dihydromyrcenol
แต่แน่นอนว่า เค้าไม่บอกในโน้ตน้ำหอมทั่วไป
📍 แม้ว่าคุณจะซื้อโน้ตน้ำหอมมาผสมเล่น ก็ไม่เหมือน
หากไม่ได้ลองดมและรู้เกี่ยวกับสารเหล่านี้
.. ชุดข้อมูลแบบนี้ เพียงเรียนและขนขวาย ก็ไม่ยากเกินความสามารถค่ะ แค่เราต้องพยายามมากกว่าคนที่เรียนสายตรงมาค่ะ
Paco Rebanne
ตัวต่อมา
Creed green irish
ในโน้ตเปิดของ creed ตัวนี้ก็ใช้การเพิ่ม Dihydromyrcenol เข้าไปเสริม lemon verbina เหมือนกัน
ตัวอย่างที่นำเสนอด้านบน เป็นเพียงเทคนิคที่ช่วยให้กลิ่นสมบูรณ์ แต่...
หลักๆแล้ว การขึ้นกลิ่น หรือการผสมน้ำหอม
ย่อมต้องใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมเพื่อปิดจบความงามของกลิ่นที่คุณอยากได้ หรือทำให้กลิ่นสมบูรณ์
🤎ทั้งหมดที่เล่ามา เราเพียงอยากบอกว่า
คุณสามารถเลือกได้
เรียนเพื่อทำในสิ่งที่ถูก เพื่อต่อยอด
หรือทดลองผสมแล้วใช้เองเพื่อใช้ไปก่อนเพื่อความเป็นอรรถรสของชีวิต
😊ไม่มีถูกหรือผิด ในการทำใช้เอง
เพียงแค่...มีในเรื่องของ อันตรายที่ใช้กลิ่นเข้มไป
ทำให้จมูกไม่ค่อยได้รับกลิ่น หรือการสะสมในระยะยาว รวมถึง การต่อยอดทำสินค้าขาย ถ้าไม่ทำส่วนประกอบอย่างถูกต้อง ย่อมเป็นอันตรายต่อขื่อเสียงและผู้บริโภค ทำให้น้ำหอมคุณ ไม่ต่างจากไปหยิบตามร้านทั่วไปที่ใครๆก็ทำเองได้
🙏 ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
และขอให้ทุกท่านที่สนใจในการต่อยอด หรือแค่รักในการใช้และเรียนรู้ในงาน DIY
ไปลองติดต่อเรียนดูนะคะ
เรียนออนไลน์
เรียนออฟไลน์
100drops แถวธุรกิจบัณฑิต
โฆษณา