27 ส.ค. 2021 เวลา 17:20 • หุ้น & เศรษฐกิจ
wealthy – ปลอดหนี้จน: จะรีไฟแนนซ์หรือลดดอกเบี้ยดี? สำหรับหนี้คอนโดในยุคโควิด
สรุปจาก: "FINNOMENA Live Special: "รีไฟแนนซ์ หรือ ลดดอกเบี้ยคอนโดยุคโควิด เลือกอะไรดี?"" (https://youtu.be/t0y-B7WlfnY)
ที่มาภาพประกอบ: "freepik" (Sale photo created by xb100 - www.freepik.com)
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้นกระทบกับทั้งฝั่งผู้ซื้อและฝั่งผู้เช่าคอนโด เดิมที่พฤติกรรมของผู้บริโภคอยู่คอนโดเพื่อความสะดวกในการเดินทาง แต่สถานการณ์ในปัจจุบันทำให้คนกลับไปอยู่บ้านกันมากขึ้นเนื่องจากอยู่สบายกว่า โดยแต่ละกรณีเชื่อว่าจะได้รับผลกระทบดังนี้
ผู้ที่ซื้ออยู่เอง - เพื่อนบ้านลดลงเนื่องจากย้ายกลับไปอยู่บ้าน
ผู้ที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่า - ผู้เช่าลดลง, ไม่มีค่าเช่าเพื่อนำไปผ่อนธนาคารต่อ
ผู้ที่ซื้อเพื่อเก็งกำไร - ตลาดซบเซามาตั้งแต่ปีที่แล้ว
ผู้เช่า - ถ้าต้องการอยู่ต่อมีโอกาสได้ค่าเช่าที่ถูกลง, เจ้าของห้องอาจจำเป็นต้องผลักค่าส่วนกลางให้ผู้เช่าจ่ายแทน
สำหรับผู้ซื้อควรย้อนกลับไปทบทวนตั้งแต่จุดประสงค์ของเรา ณ วันที่ตัดสินใจว่าเราซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือซื้อเพื่อเป็นการลงทุน ตอนนี้อยู่ในระยะไหนของแผนการถือครองแล้ว ใกล้กับระยะเวลาปลดหนี้ที่วางแผนไว้หรือยัง และจำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระกับธนาคารในปัจจุบันเราสู้ไหวหรือไม่ เนื่องจากในวันนี้ค่าเช่าที่เราได้ลดลง ถ้าไม่ไหวทำอย่างไรจึงจะลดภาระหนี้ลงได้ ซึ่งก็จะนำไปสู่กลยุทธ์ที่เราจะเลือกใช้ต่อไปไม่ว่าจะเป็นรีไฟแนนซ์ ขอลดดอกเบี้ย หรือแม้แต่หาผู้เช่ามาเติมโดยอาจจะยอมลดค่าเช่าลงเพื่อให้มีคนช่วยผ่อน เป็นต้น
การรีไฟแนนซ์พูดให้สั้น ๆ ก็คือการขอย้ายธนาคาร อันดับแรกที่ต้องพิจารณาคือสัญญากู้ของเรามีอายุครบกำหนดที่สามารถรีไฟแนนซ์ได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมหรือยัง เช่น 3 ปีหรือ 5 ปี เป็นต้น หากครบแล้ว การที่เราขอย้ายหนี้กับธนาคารเดิมของเราไปเป็นลูกหนี้ใหม่กับอีกธนาคารก็จะทำให้เรากลับไปได้ดอกเบี้ยพิเศษเหมือนที่เคยได้กับธนาคารเดิมช่วง 3 ปีแรกใหม่อีกครั้ง และอัตราค่าผ่อนชำระต่อเดือนก็จะน้อยลงด้วยเพราะคำนวณใหม่จากยอดหนี้ที่ลดลงจากเดิม
ส่วนการขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมนั้นก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้เช่นกันสำหรับลูกหนี้ชั้นดี อัตราค่าผ่อนชำระต่อเดือนก็จะลดลงเพราะคำนวณใหม่จากยอดหนี้ที่ลดลงเช่นกัน ส่วนดอกเบี้ยใหม่ที่จะได้นั้นก็อาจจะไม่ต่ำเท่ากับการรีไฟแนนซ์ แต่สุดท้ายแล้วอัตราค่าผ่อนชำระต่อเดือนทั้งสองกรณีก็อาจจะไม่แตกต่างกัน ซึ่งทั้งสองวิธีนี้นี้จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายของเราไปได้เยอะในสถานการณ์โควิดเช่นนี้รวมถึงอีกอย่างน้อย 3 ปีต่อจากนี้ไป
ส่วนต่างของดอกเบี้ยเมื่อนำมาคำนวณกับยอดหนี้ที่เหลือก็จะทำให้ทราบว่าทั้งสองวิธีช่วยเราประหยัดได้ต่างกันเท่าไหร่ ตัวอย่างเช่น หากรีไฟแนนซ์จะได้ดอกเบี้ยพิเศษ 3 ปีแรกที่ 2.50% ส่วนการขอลดดอกเบี้ยจะได้ 3 ปีแรกที่ 5.00% หากเรามีหนี้เหลืออยู่ 2 ล้านบาท ส่วนต่างของสองวิธีนี้ก็คือ (5.00-2.50)/100 x 2,000,000 = 50,000 บาท เป็นต้น
แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและนโยบายของแต่ละธนาคารด้วย นอกจากนี้การรีไฟแนนซ์เองก็มีค่าใช้จ่ายทีเกี่ยวข้องซึ่งควรจะนำไปเปรียบเทียบกับส่วนต่างดอกเบี้ยด้วย เช่น
-อากรแสตมป์ (0.05% ของมูลค่าสัญญา)
-เบี้ยประกันอัคคีภัย (3 ปี)
-ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์
-ค่าธรรมเนียมจดจำนอง (1% ของมูลค่าสัญญา)
ดังนั้นทางที่ดีเราจึงควรจะพูดคุยกับทั้งธนาคารเดิมและธนาคารอื่น ๆ เพื่อสำรวจทางเลือกที่มีให้ได้มากที่สุดก่อนจะตัดสินใจนั่นเอง
นอกจากสองวิธีนี้ การที่เราผ่อนชำระมาสักระยะจนทำให้ยอดหนี้ลดลงแล้ว การทำสัญญากู้ใหม่อีกครั้งเราอาจไม่ได้กู้ตามยอดหนี้ที่คงเหลือก็ได้ แต่สามารถกู้กลับไปที่มูลค่าเต็มของคอนโดใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะทำให้เราได้รับเงินสดจากการกู้ครั้งนี้ด้วยจากส่วนต่างของมูลค่าของคอนโดที่เกินจากมูลค่ายอดหนี้ที่คงเหลือ ทำให้สามารถนำเงินสดไปใช้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ แต่ไม่ใช่วิธีที่แนะนำนักหากไม่ใช่กรณีฉุกเฉินเนื่องจากไม่ได้ช่วยลดภาระการผ่อนต่อเดือนและไม่ได้ทำให้เราปลดหนี้ได้เร็วขึ้น
สำหรับการซื้อคอนโดเพื่อลงทุนในช่วงเวลานี้มองว่ามีทำเลดี ๆ ที่สามารถซื้อได้ในราคาเกือบจะเท่ากับต้นทุนของผู้ขายอยู่ หากเรามองหาดี ๆ สำหรับคอนโดใหม่ ซึ่งในช่วงก่อนสถานการณ์การระบาด 2-3 ปีเป็นช่วงที่ราคาคอนโดราคาขึ้นสูงจนหลายคนไม่กล้าซื้อ ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เราสามารถเลือกของได้ แต่แนะนำให้เลือกไปเรื่อย ๆ ก่อนอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ นอกจากนี้คอนโดมือสองก็มีราคาที่ลดลงมาจนน่าสนใจด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดีควรวางแผนด้วยว่าเราจะซื้อเพื่อเก็งกำไร ซื้อเพื่อปล่อยเช่า หรือซื้อเก็บไว้เป็นทรัพย์สินในพอร์ตระยะยาว ซึ่งการเก็งกำไรอาจจะไม่เหมาะนักสำหรับช่วงเวลานี้
สนใจสร้างพอร์ต #กองทุนรวม ผ่าน #FINNOMENA เลือกกองทุนได้จาก 22 บลจ.(กองภาษี 5 บลจ.) ไม่มีค่าบริการเพิ่ม โดยมีผม ทศพล สุวรรณสุต ใบอนุญาตจากกลต.เลขที่ 115000 เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว เพียงยืนยันตัวตนด้วย NDID และทำแบบประเมิน KYC ออนไลน์ อนุมัติใน 1 สัปดาห์ (กรุณากรอก Referral code: 115000) >>> https://link.finnomena.com/ifa?refcode=115000
ติดตามผ่านโซเชียลมีเดีย: https://linktr.ee/2fi_finance_fitness
"2Fi-รายวัน" ประจำวันที่ 2021.08.28 ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบ ขอให้ทุกท่านมีการเงินดี มีสุขภาพดี และมีชีวิตที่ดี แล้วพบกันใหม่ครับ 😊
#การเงินส่วนบุคคล #ลงทุน #เศรษฐกิจ #กองทุนรวม #FINNOMENA #ฟินโนมีนา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา