28 ส.ค. 2021 เวลา 03:50 • สุขภาพ
ประเทศจีนรับมือกับสถานการณ์โควิดอย่างไร? - ประสบการณ์คนไทย (ที่ไม่ได้ติดแหง็กแต่อาศัยอยู่) ในประเทศจีน 2020-2021
สถานการณ์โควิดที่ผ่านมาทำให้เรารู้ว่าประเทศต่างๆ รับมือกับผโควิดเช่นไร เชื่อว่าหลายๆคนคงจะรู้ว่าประเทศจีนใช้มาตรการที่เคร่งคัดรัดกุม มีการตรวจเชิงลึกทุกพื้นที่ แต่อีกหลายคนก็ยังสงสัยว่าแล้วคนจีนอยู่ที่นี่มีอิสระภาพมากน้อยแค่ไหน? ใช้ชีวิตเป็นปกติรึเปล่านะ? จะไม่มีความเป็นส่วนตัวเลยเหรอ?
วันนี้เจ้าของกระทู้จะนำประสบการณ์ที่เห็นด้วยตามาเล่าสู่กันฟังค่ะ หวังว่าประสบการณ์นี้จะนำมาซึ่งประโยชน์ให้กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย
แอดใช้ชีวิตในประเทศจีน มณฑลกวางตุ้ง เมืองกว่างโจว มาตั้งแต่ช่วงที่เกิดโควิดใหม่ๆ ซึ่งช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่จีนมีมาตรการรัดกุมมากที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมา ไม่ว่าจะเป็นการสั่งอาหารที่ลำบากขึ้น (ไม่สามารถออกไปนั่งกินข้าวได้เลย) รวมถึงหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ที่ขาดแคลนและขายในราคาสูงในตลาด จนกระทั่งสถานการณ์ในอู่ฮั่นคลี่คลายลง เมืองอื่นๆ ที่มีเคสน้อยลงแล้วก็เปิดให้เดินทางนอกบ้านมากขึ้น ตลอดเวลานั้นแอดก็มีการไปเที่ยวนอกเมืองบ้างนานๆ ครั้ง ก็มีการนั่งเครื่องบินระยะสั้น ไปในที่ที่ๆ เสี่ยงต่ำ มีไกด์คอยอำนวยความสะดวกเพราะคนต่างชาติมักจะเดินทางได้ลำบากกว่าคนจีน (อาจต้องเตรียมเอกสารมากกว่า)
สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือโทรศัพท์มือถือ พร้อมแพคเกจดาต้าและแอพพลิเคชันของประเทศจีนเช่นวีแชท แต่ก่อนวีแชทมีไว้ใช้ในการสื่อสาร แต่ปัจจุบันมีฟังก์ชันเพิ่มเพื่อใช้ในการจับจ่ายใช้สอย (เรียกว่าวีแชทเพย์) นี่ยังไม่รวมถึงแอพคู่แข่งอื่นๆ ที่มีฟังก์ชันคล้ายคลึงกันนะ! (เยอะจนเขียนคู่มือได้เลยอ่า) ยิ่งช่วงโควิดทำให้แอพวีแชทเป็นแอพที่ขาดแคลนไม่ได้เลยคูณสิบ ถ้าไม่มีแอดก็เข้าตึกเข้าห้างเข้าตลาดเข้าที่ไหนไม่ได้เลยแม้แต่บ้านตัวเอง (ที่เป็นอพาร์ตเมนต์) ยามในตึกทุกที่จะต้องคอยตรวจอุณหภูมิและให้ใช้แอพสแกนโค้ดเพื่อบันทึกการเดินทางของคนในเมือง (ในรูป)
วีแชทมีช่องเสิร์จให้เราฟอลโลว์ติดตามเพจ (และแอพที่เรียกว่า Mini program) ต่างๆ ไม่ว่าจะเอาไว้ใช้สำหรับติดตามแฟชั่นที่ชอบอย่างยูนิโคล่ในจีน หรือใช้จองนัดหมอในโรงพยาบาล (เดี๋ยวนี้เขานัดหมอล่วงหน้าออนไลน์กันหมดแล้ว ลำบากคนแก่มาก) ข้อมูลมหาวิทยาลัย (ค่าข้าว ค่าน้ำ ค่าไฟ รวมเบ็ดเสร็จ แล้วแต่ว่าคนสร้างแอพใส่ฟังก์ชันอะไรลงไป)
Mini Program
แต่ละเมืองก็ยังใช้ Mini program ตรวจคนเข้าเมืองคนละแอพกันอีก และต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวอีกรอบ ยิ่งถ้าจะต้องตรวจโควิดก็ต้องคิดไปยาวว่าก่อนเดินทางนอกเมือง เราจะต้องไปตรวจโควิดที่โรงพยาบาลไหน แล้วขากลับเราจะนัดตรวจอย่างไร ต้องตรวจหรือไม่ สนามบินมีให้ตรวจฟรีหรือเปล่า ที่น่าลำไยก็คือเวลากรอกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์บางครั้งมันยืนยันตัวตนคนต่างชาติไม่ได้ เพราะข้อมูลประจำตัวไม่ตรงบางล่ะ ชื่อยาวไปบางล่ะ (ขึ้นอยู่กับการดีไซน์เพจของคนทำล้วนๆ) เวลาจะสมัครอะไรก็ใช้กระบวนการนานกว่าคนจีน
แต่ความสะดวกในความลำบากนี้คือทุกอย่างสามารถเสิร์ชในวีแชทได้เลย เช่นถ้าจะหาโรงพยาบาลในกรุงปักกิ่ง จะมี Mini program ที่ให้เสิร์ชชื่อโรงพยาบาลใกล้ที่พักของเราแล้วสามารถกดเชื่อมไปยัง Miniprogram หลักของโรงพยาบาลที่จะไปโดยตรง ซึ่งกระบวนการใช้ก็เปรียบเสมือนการเปิดกูเกิ้ล เว็ปแรกหารายชื่อโรงพยาบาลใกล้บ้าน เว็ปที่สองคือหาข้อมูลการติดต่อของโรงพยาบาล แต่ใช้วีแชทในประเทศจีนสะดวกกว่าเยอะค่ะ หากเรารู้จักใช้โปรแกรมและรู้ภาษาจีนก็ไม่ต้องกลัวว่าเราจะทำอะไรไม่ได้
รายชื่อโรงพยาบาลใกล้ที่พักอาศัย
นอกเรื่องกันมาเยอะ ในส่วนของการตรวจคนเข้าเมืองจะมีการให้กรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับโควิด กรอกข้อมูลการฉีดวัคซีน ต้องตรวจโควิดภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ต้องอ่านนโยบายการเข้าเมืองนั้นๆ เช่นการติดตามเพจหลักของกรุงปักกิ่งเพื่อรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัย
ในฐานะที่เป็นนักเรียนประจำมหาวิทยาลัย ทางมหาวิทยาลัยจะมีการจัดกลุ่มในวีแชทที่มีครูประจำชั้นคอยดูแล หากนักเรียนจะเดินทางออกจากมหาวิทยาลัยหรือตัวเมือง จะต้องรายงานครูประจำชั้นทุกครั้งและมีการกรอกแบบฟอร์มเข้าออกมหาวิทยาลัย (อารมณ์คล้ายๆ ตอนเรียนประถมมัธยม ที่ต้องไปกรอกใบลาเรียนแล้วโชว์ให้พี่ยามดูอ่ะ) ซึ่งลำบากกว่าการเข้าเมืองเพื่อท่องเที่ยวอีก (อาจจะแล้วแต่สถานการณ์ด้วยกระมัง)
นี่แหละค่ะ ชีวิตการเดินทางสั้นๆ ภายในหนึ่งปีครึ่งในประเทศจีน ทำได้แต่ยุ่งยาก อิสระก็มีถ้าเรายอมเสียเวลาและเงิน
โฆษณา