28 ส.ค. 2021 เวลา 07:47 • ข่าว
ไทยฉีดวัคซีนวันเดียวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 9.15 แสนโดส ยอดสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านโดส
4
จากสถานการณ์ โควิด-19 ที่มีการระบาดกว้างขวางทั่วโลก และมีผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการเป็นจำนวนมาก
บางรายงานสรุปว่า ผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการมีมากถึง 80% หรือคิดเป็นสี่เท่าของผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการ
3
นอกจากนั้นผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการถ้าติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้า จะเริ่มแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นได้ก่อนที่จะแสดงอาการนานถึง 2 วัน
3
ทำให้การควบคุมการระบาดของโรค โควิด-19 ทำได้ยากลำบากมากขึ้น
1
จากเหตุปัจจัยดังกล่าว จึงมีการระบาดระลอกใหม่ทั่วโลก ในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยมีต้นเหตุมาจากไวรัสสายพันธุ์เดลต้า
4
หนึ่งมาตรการสำคัญ ที่ประเทศต่างๆ ใช้ในการควบคุมการระบาดคือ การเร่งฉีดวัคซีนโควิดให้ครอบคลุมประชากรให้มากที่สุด จนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และในเวลาสั้นที่สุด
1
แม้จะมีรายงานบางส่วนว่า พบประเทศที่ฉีดวัคซีนครบสองเข็มจนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว ก็ยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นระลอกใหม่ได้
1
แต่ผลของวัคซีนดังกล่าว ก็ยังคุมจำนวนผู้ป่วยอาการหนัก และลดการเสียชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ
ประเทศต่างๆจึงเร่งมาตรการฉีดวัคซีนกันเป็นขนานใหญ่ ซึ่งต้องประกอบด้วย 2 ปัจจัยสำคัญ คือ
1) ต้องเร่งจัดหาวัคซีนมาสำรองให้มีปริมาณมากเพียงพอ ที่จะฉีดให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในประชากร
1
2) ต้องเร่งปรับหรือสร้างศักยภาพความสามารถ ในการฉีดวัคซีนต่อวันให้มากที่สุด เร็วที่สุด
ผู้เขียนได้เคยวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เมื่อหลายเดือนก่อนว่า ปัญหาการฉีดวัคซีนจนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ของไทย ไม่น่าจะเป็นเรื่องศักยภาพความสามารถในการฉีด หากแต่จะเป็นเรื่องปริมาณของวัคซีนมากกว่า
5
เพราะศักยภาพโรงพยาบาลของรัฐซึ่งมีประมาณ 1000 โรง เราสามารถฉีดร่วมกันได้วันละ 500,000 โดสเป็นเรื่องปกติ และในอดีตก็เคยทำสถิติที่สูงถึงกว่า 600,000 โดสมาแล้ว
2
เมื่อวานนี้ (27 สค 2564)
ประเทศไทยได้แสดงศักยภาพความสามารถในการฉีดวัคซีนต่อวัน เป็นสถิติสูงสุดคือ ฉีดวัคซีนได้รวมถึง 915,738 โดส แยกเป็น
เข็มที่หนึ่ง 547,128 โดส
เข็มที่สอง 361,284 โดส
เข็มที่สาม 7326 โดส
ทำให้ยอดสะสมการฉีดวัคซีนของไทยเพิ่มขึ้นเป็น 30,420,507 โดสแยกเป็น
เข็มที่หนึ่ง 22.61 ล้านโดส
เข็มที่สอง 7.22 ล้านโดส
เข็มที่สาม 0.58 ล้านโดส
ตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ว่า ควรจะฉีดวัคซีนให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่คือฉีดครอบคลุมประชากร 50 ล้านคนจากประชากร 70 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 70 นั้น เราต้องฉีดให้ถึง 100 ล้านโดสภายใน 31 ธค 2564
ขณะนี้เหลือเวลาก่อนถึงสิ้นปีอีก 126 วัน มีวัคซีนที่จะต้องฉีดให้ได้อีก 70 ล้านโดส นั่นหมายความว่าจะต้องฉีดเฉลี่ยขั้นต่ำวันละ 5.55 แสนโดส
ซึ่งศักยภาพที่ฉีดได้ของเมื่อวาน กว่า 9 แสนโดส ก็ทำให้เกิดความมั่นใจของสาธารณะว่า ถ้ามีวัคซีนมาเพียงพอแล้ว ศักยภาพของบุคลากรและระบบโรงพยาบาล จะสามารถฉีดวัคซีนได้ทันอย่างแน่นอน
Reference
ศบค.
โฆษณา