29 ส.ค. 2021 เวลา 05:28 • ไลฟ์สไตล์
ตอนที่ 4: ‘ดอยอินทนนท์’ ความฝันสูงสุดของนักดูนกตัวน้อย ที่ได้กลายเป็นความทรงจำสุดล้ำค่า อันเปี่ยมล้นไปด้วยสัมผัสอันบริสุทธิ์….และพลังแห่งธรรมชาติ
สัปดาห์นี้ดิฉันขอเปลี่ยนบรรยากาศพาทุกคนเข้าสู่โหมด ‘เย็น ๆ’ ประหนึ่งว่าได้นั่งอยู่บนยอดภูเขาเพื่อสูดรับไอหมอกยามเช้าที่แสนสดชื่น พร้อมกับแสงพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ สาดส่องมากระทบบนผิวกายอย่างอ่อนโยน มองไปรอบ ๆ ก็มีแต่เพียงต้นไม้สีเขียวอยู่รอบตัวไร้ซึ่งผู้คนเดินขวักไขว่ และเสียงของสิ่งมีชีวิตที่เรียกร้องหากันเพื่อออกหากินในยามเช้า…..
อ้าาา (เสียงหายใจออกลากยาว ๆ ) สัมผัสอันบริสุทธิ์จากธรรมชาตินี่มันช่างสวยงามและเปี่ยมล้นไปด้วยพลังจริง ๆ เลยว่ามั้ยคะ นี่เป็นขุมทรัพย์ชั้นดีของดิฉันเลย มันเป็นเหมือนแหล่งพลังงานที่คอยขับเคลื่อนดิฉันให้สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างลุล่วงอยู่ภายใน แม้ว่าดิฉันจะไม่สามารถสัมผัสได้ซะทีเดียวว่ามันกำลังถูกใช้อยู่ในชีวิตประจำวันอยู่หรือเปล่า แต่ดิฉันเชื่อค่ะว่าประสบการณ์การเข้าไปสัมผัสธรรมชาติในวัยเด็กของดิฉันนั้นเหล่านั้น ล้วนแทรกซึมไปอยู่ในทุก ๆ การ กระทำ และทำให้ดิฉันเป็นดิฉัน ที่ทั้งอ่อนโยนและแข็งแกร่งมาจนถึงทุกวันนี้
โดยเฉพาะประสบการณ์การได้ไปสถานที่ที่ได้กล่าวไว้บนหัวข้อเรื่องนี่แหละค่ะ ที่ดิฉันถือว่ามันเป็นการสัมผัสธรรมชาติที่ได้มอบ ‘พลังชีวิต’ ให้กับดิฉันมากจริง ๆ
ดิฉัน แฝด และคุณแม่ ณ ดอยอินทนนท์
ดิฉันรักนกค่ะ มันเป็นสัตว์ที่สวยงาม มีความหลากหลาย และเต็มไปด้วยอิสระเนื่องจากพวกมันมีปีกที่สามารถพาตัวเองไปที่ใดก็ได้ตามใจอยาก ดิฉันเริ่มสนใจเจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ตั้งแต่สมัยประถม 3 หลังจากที่ได้เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในชมรมดูนกของโรงเรียนอย่างไม่ทราบสาเหตุ (ดิฉันแค่รู้สึกว่ามันน่าสนใจดีในตอนนั้น)
ดิฉันได้รู้จักนกหลากหลายชนิด และก็ต้องประหลาดใจเป็นอย่างมากที่พวกมันไม่ได้มีแต่เพียงสีน้ำตาล! มีนกหลายชนิดมากที่มีสีสันสวยงามและพวกเราสามารถเจอได้ในโรงเรียน ซึ่งสำหรับดิฉันในวัยนั้นมันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มาก คุณครูจะแจกคู่มือดูนกให้พวกเราคอยระบุชื่อนกที่พวกเราได้เห็นจากกล้องส่องทางไกล และจดมันไว้ในสมุดบันทึก ทั้งชื่อภาษาไทย ชื่อภาษาอังกฤษ เพศ (หากมี) ลักษณะการอยู่อาศัย (ว่าเป็นนกประจำถิ่น นกอพยพ นกอพยพผ่าน หรือนกอพยพมาทำรังวางไข่) รวมถึงให้บรรยายสถานที่และบรรยากาศที่เราพบเจอนกชนิดนั้นเข้าไปด้วย ซึ่งบอกเลยว่าดิฉันสนุกมาก เพราะมันทำให้ดิฉันได้เห็นถึงความน่ารักของน้องนก ซึ่งก็น่ารักแตกต่างกันออกไปตามแต่ละสายพันธุ์ ตามแต่ละ character ของนาง ดิฉันรู้สึกหลงไหลไปกับการได้ทำกิจกรรมนี้เป็นอย่างมาก ดิฉันก็เลยเริ่มมีความอยากที่จะตระเวนหานกชนิดอื่น ๆ นอกเหนือจากที่เราสามารถเจอได้ในโรงเรียน
ดิฉันก็เลยเริ่มชวนครอบครัวเข้าสู่วงการดูนก ดิฉันเริ่มเอ่ยปากชวนพวกเขาให้ไปร่วมดูนกกับชมรมอยู่หลายครั้ง ตั้งแต่ไปดูตามสวนสาธารณะในกรุงเทพฯ จนไปถึงไปดูนกตามอุทยานแห่งชาติในต่างจังหวัด ซึ่งพวกเขาก็ดันชอบเหมือนกัน พวกเราก็เลยตัดสินใจออกทริปดูนกกันเองเกือบทุก ๆ ปิดเทอม ตระเวนไปตามอุทยานแห่งชาติต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ตามพละกำลังที่เจ้าคุณพ่อและเจ้าคุณแม่ของเราจะสามารถขับรถไปถึงได้
จนกระทั่งพวกเราได้ตัดสินใจออกทริปไปดูนกที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่…..
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์นี่ถือว่าเป็นสถานที่ที่ดิฉันใฝ่ฝันว่าจะต้องไปให้ได้สักครั้งในฐานะนักดูนก เนื่องจากว่ามันเป็นป่าที่อยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย มันจึงเต็มไปด้วยเหล่านกพันธุ์หายากมากมาย รวมถึงนก ‘ศิวะหางสีตาล’ หรือ Chestnut-tailed Minla นกพันธุ์โปรดของดิฉัน เพราะว่ามันเป็นนกตัวเล็กสีน้ำตาลตัวกลมฟูน่ารัก แถมมีลายปีกและลายหางที่มีสีสวยเรียบโก้ดูเป็นผู้ดีมาก เป็นนกที่ดิฉันสะดุดตาตั้งแต่เปิดคู่มือดูนกครั้งแรก แต่พอดิฉันได้อ่านรายละเอียดก็รู้เลยว่ามันเป็นนกที่หายาก เพราะน้องอาศัยอยู่ในป่าบนภูเขาสูงมาก ๆ ถ้าไม่สูงจริงน้องก็จะไม่ไปอยู่ที่นั่น
การได้ไปดอยอินทนนท์นี้จึงเป็นโอกาสที่ดิฉันอาจทำให้ดิฉันเจอกับน้องศิวะหางสีตาล แม้ว่าเราก็ไม่อาจรู้อนาคตว่าเราจะได้เจอน้องหรือไม่ ฝนจะตกหรือเปล่า หรือน้องจะออกมาให้เราเห็นมั้ย แต่อย่างน้อย การที่เราเอาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่ดูจะเป็นถิ่นที่อยู่ของน้อง ก็เป็นการเพิ่มโอกาสให้เราได้เจอน้องมากขึ้น
นกศิวะหางสีตาล ที่มา:https://www.flickr.com/photos/84930071@N04/14338629368
การเดินทางไปดอยอินทนนท์นั้นค่อนข้างยากลำบากพอสมควรเลยค่ะ เพราะว่าทางขึ้นไปสู่ดอยนั้นช่างหฤโหด เจ้าคุณพ่อและเจ้าคุณแม่ของเราไม่สามารถขับขึ้นไปได้ เราต้องจ้างให้ผู้ชำนาญทางขับรถขึ้นไป
ดิฉันจำได้ว่าเจ้าคุณแม่ได้จองบ้านพักของโครงการหลวงเอาไว้เป็นที่พักของพวกเรา ซึ่งอยู่ด้านล่างของยอดดอยแต่ยังอยู่ในเขตของอุทยาน ดิฉันจำได้ว่าบ้านพักของเขานั้นเจ๋งมาก! มันเป็นบ้านไม้หลังใหญ่ พอปีนขึ้นไปด้านบนมีห้องใต้หลังคาเป็นที่นอนด้วย ซึ่งดิฉันกับแฝดก็คือตื่นเต้นสุด พวกเราก็เลยขอจองนอนตรงห้องใต้หลังคานั้น เจ้าคุณพ่อกับเจ้าคุณแม่ของเราก็เลยต้องนอนชั้นล่างแทนอย่างเลี่ยงไม่ได้ (แต่ก็ดีแล้วแหละค่ะ เพราะว่ามันต้องปีนไต่บันไดขึ้นไป ซึ่งถ้าจะให้พวกเขามาปีนก็คงจะหนักหนาเอาการอยู่ 5555)
บ้านพักโครงการหลวง ดอยอินทนนท์
และจำได้ว่าอาหารก็อร่อยเหมือนกันค่ะ มีมื้อนึงพวกเราได้กินปลาเทร้าท์ทอดกระเทียมซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของทางร้าน อร่อยมากกกกกกจริง ๆ
ในคืนก่อนที่พวกเราจะขึ้นไปบนยอดดอยตอนเช้า บอกเลยว่านักดูนกตัวน้อยอย่างดินฉันนั้นรู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะอากาศดีไหม และจะมีนกที่เราอยากเจอออกมาให้เราเห็นหรือเปล่า ดิฉันก็พร่ำเพ้อไปหมด แต่ก็ต้องบอกตัวเองว่ารีบนอนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้ามาก ๆ เดี๋ยวตื่นไปดูนกไม่ทัน 5555
พวกเรารีบตื่นกันตอนเช้ามืดเพื่อขึ้นรถกระบะไปบนยอดดอยอินทนนท์ ดิฉันจำได้ว่าอากาศตอนนั้นเย็นมากเหลือเกิน แต่ถึงอย่างไรมันเป็นอากาศที่เย็นบริสุทธิ์มาก เหมือนเป็นอากาศที่ผสมไอน้ำเย็น ๆ จากหยาดน้ำค้างและหมอกบนภูเขา มันเป็นความรู้สึกที่สดชื่นมากอย่างบอกไม่ถูก และพอไปถึงบนยอดดอย….แม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยเต้นท์และผู้คนที่มายืนเฝ้ามองดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่จู่ ๆ ดิฉันก็เหลือบไปเห็นดงนกสีน้ำตาลกว่า 10 ตัวกำลัวร้องเสียงเจี๊ยวจ๊าวอยู่บนดงพุ่มไม้ใหญ่พุ่มหนึ่งข้าง ๆ ห้องน้ำ บริเวณถนนทางเข้าไปสู่จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น
‘นกอะไรวะ ร้องเสียงดังเชียว’ ดิฉันคิดอยู่ในใจด้วยความสงสัย และรีบลุกออกมาจากรถกระบะและส่องกล้องส่องทางไกลสองตาทันที
มันจะเป็นภาพที่ดิฉันจะไม่ลืมเลย….ฝูงนกศิวะหางสีตาลกว่า 10 ตัว กำลังร้องออกหากินอยู่ตรงพุ่มไม้นั้นอย่างสนุกสนานอย่างไม่สนใจเหล่ามนุษย์ที่ส่งเสียงดังกันให้ว่อนเพื่อรอดูพระอาทิตย์ ดิฉันเดาว่าน้องคงจะชินแล้วกระมังเลยส่งเสียงดังกว่าไปเลย!
มันเป็นนกที่ถ้าเราไม่สังเกตดี ๆ มันก็จะเป็นแค่นกสีน้ำตาลธรรมดา ๆ ที่ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้านจริง ๆ แต่พอเราได้จับมือถือกล้องส่องทางไกลแล้วมองไปให้ชัด มันสวยงามมากจริง ๆ ค่ะ เพราะรายละเอียดบนปีกของน้องมัน delicate สลับซับซ้อนไปด้วยสีและลวดลายต่าง ๆ ที่สวยงามมากจริง ๆ แล้วมันไม่ได้มีแค่หนึ่ง แต่มีเป็นสิบตัวให้ดิฉันได้จ้องมองอยู่ตรงนั้นแบบไม่มีหันหลบเข้าไปในพุ่มไม้ให้ส่องยากเลย น้องร่าเริงและสนุกสนานมาก ฟิลเหมือนนัดเพื่อนฝูงที่ไม่ได้เจอกันนานมานั่งโต๊ะกินข้าวเม้ามอยเสียงดังอยู่ในร้านอาหารยามเช้า เพียงแต่ร้านอาหารของพวกน้องนั้นเป็นพุ่มไม้ใหญ่สีเขียวที่สามารถนั่งตรงไหนก็ได้เท่านั้นเอง 5555
มัน fulfill ความฝันของคนรักน้องอย่างดิฉันมากจริง ๆ……. ซึ่งแค่นี้ก็สุดจะ made my day มาก ๆ แล้ว
น้องศิวะหางสีตาลแช๊ะโดยเจ้าคุณพ่อค่ะ น้องตะลุ้มปุ๊กมั๊ก!
เท่านั้นยังไม่พอ! สักพักดิฉันก็ได้ยลโฉมนกเจ้าถิ่นที่ ‘พบเจอได้แค่ที่ดอยอินทนนท์เท่านั้น’ อย่างน้อง ‘นกกินปลีหางยาวเขียว’ ซึ่งน้องก็สวยสะดุดตามากอีกเหมือนกัน แถมอยู่ดูดน้ำหวานจากดอกไม้ให้เจ้าคุณพ่อของเราแชะรูปสักสองสามช็อตก่อนจะบินจากลาเราไปอีกด้วย ช่างรู้งานยิ่งนัก
นกกินปลีหางยาวเขียว (ใช่ค่ะ น้องสีสดแบบนี้เลย!)
พอเริ่มมีแดดสักหน่อยอากาศก็เริ่มอุ่นขึ้นมาหน่อย อากาศตอนช่วงนั้นน่าจะประมาณ 10 กว่าองศา ซึ่งเป็นอากาศที่กำลังดีมาก พวกเราตัดสินใจเดินลงไปที่ กม. 31 เพื่อดูนกเพิ่มเติม เพราะคุณครูแอบชี้พิกัดมา บอกว่าตรงนี้นกเยอะมาก ซึ่งก็จริงอย่างที่คุณครูของดิฉันบอกเลยค่ะ! เสียงจ้าละหวั่นมากมาแต่ไกล แต่เนื่องจากบริเวณตรงนั้นเป็นป่าริมถนนขึ้นไปบนดอย มันก็อาจดูยากนิดหน่อยเพราะเป็นดงพุ่มไม้เสียมาก และอาจต้องระวังที่ขับผ่านไปมา
ถ้าทุกคนจินตนาการไม่ออกว่ามันเยอะขนาดไหน…. ให้ลองจินตนาการถึงฉากพุ่มไม้ต้นไม้ข้างทาง ที่หันไปทางซ้ายก็เจอกลุ่มนกเสียงเจี๊ยวจ๊าวขนิดหนึ่ง ไปทางขวาก็เจออีกกลุ่มนึง ลองส่องผ่านพุ่มไม้เข้าไปในป่าลึกก็เจออีกชนิดนึง หรือรอไปสักพักก็จะมีนกใหม่บินเข้ามาตลอด ก็คือเป็นครั้งแรกที่ดิฉันดูนกแทบไม่ทัน คือในใจอยากเก็บให้ได้ทุกชนิดตรงนั้น แต่ด้วยความที่มันเยอะมาก และเป็นนกใหม่ที่เราไม่เคยเจอมาก่อนด้วย มันเลยต้องใช้เวลา identify ประมาณนึง แล้วตอนช่วง identify ก็มีนกใหม่เข้ามาอีก แถมเจ้าพวกนกตัวเก่าก็ออกไปจากฉากอยู่เรื่อย ๆ ก็ดูยากประมาณนึงเลยล่ะค่ะ แต้ดิฉันก็รู้สึกสนุกและตื่นเต้นมาก
ที่พีคหน่อยก็คือดิฉันได้เจอกับน้องนกปีกลายตาขาว ซึ่งเป็นนกที่ rare มากอีกเหมือนกัน ซึ่งดิฉันส่องทันคนเดียวด้วยค่ะ น้องคือบินชึ๊บเข้ามาในสโคปกล้องที่ดิฉันกำลังพยายาม identify นกอีกชนิดนึงอยู่พอดี แถมบังน้องคนนั้นมิดแล้วดูดน้ำหวานโชว์อีก! โอโห คือ fulfill นักดูนกตัวจิ๋วอย่างฉันมากจริง ๆ
นกปีกลายตาขาว (ที่ดิฉันเห็นทันคนเดียว!) ที่มา:http://oknation.nationtv.tv/mblog/entry.php?id=928817
แล้วบรรยากาศรอบข้างก็สุดจะสดชื่นเหลือเกิน แดดอุ่น ๆ อากาศกำลังเย็นสบาย เดินต้อย ๆ ดูนกอยู่ริมถนนที่รายล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียวบริสุทธิ์…..หึ้มมม มันดีมากจริง ๆ! เหมือนชีวิตได้กลับมาดื่มด่ำกับความเรียบง่ายอีกครั้ง จากที่ใช้ชีวิตมาอย่างวุ่นวายอลหม่านตอนที่อยู่ในเมือง
ยิ่งตอนเดินไปตรงจุดชมวิว ‘กิ่วแม่ปาน’ นะ โอโห นอกจากวิวของผืนป่าและท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลสุดลุกหูลุกตาแล้วนั้น สองข้างทางเดินก็สวยไม่แพ้กัน ทางเดินช่วงแรกมันจะป่า ๆ หน่อย เป็นการเดินที่ห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียวทึบตลอดทาง คล้าย ๆ เหมือนอยู่ใน hunger games เลย 5555 ซึ่งดิฉันชอบมาก เพราะมันสดชื่นและธรรมชาติมาก แล้วพอหลุดพ้นจากป่าตรงนั้น มาเจอกับวิวที่สวยงามจากที่กล่าวไป มันก็ยิ่งรู้สึกดีขึ้นไปอีก ดิฉันจำสัมผัสลมอ่อน ๆ ตอนเก้าโมงเช้าที่พัดโชยมาบนหน้าของดิฉันได้ดี….เฮ้อ มันสุดยอดมากจริง ๆ ถึงแม้ทางเดินหลังจากนั้นจะเริ่มร้อนแล้วก็ตามเพราะไม่ค่อยมีต้นไม้เยอะคอยบดบังแสงแดด แต่มันก็ทำให้เราได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามไปจนเกือบตลอดทางลงเขา
ดิฉัน แฝด และคุณแม่ ณ ดอยอินทนนท์
สัมผัสจากธรรมชาติมันช่างมหัศจรรย์จริง ๆ เลยนะคะ ไม่รู้ว่าทำไมดิฉันยังคงสามารถจดจำความรู้สึกของมันได้อยู่ แต่ต้องบอกเลยว่าทุก ๆ ครั้งที่ดิฉันย้อนระลึกกลับไปสู่เหตุการณ์บนดอยอินทนนท์ในวันนั้น ประสบการณ์ของประสาทสัมผัสทั้ง 5 มันกลับมาจริง ๆ แล้วพอได้ซึมซับกับบรรยากาศจากจินตนาการนั้นอยู่สักครู่ มันทำให้ดิฉันเย็นลง เบาลง และมีหลายครั้งค่ะที่พอจินตนาการเสร็จแล้วก็นึกอยากจะวิ่งเข้าไปกอดต้นไม้ อยากจะเดินทางออกเข้าไปในป่าเพื่อสัมผัสบรรยากาศเหล่านั้นอีกครั้ง มันช่างอ่อนโยน สวยงาม แต่ก็หนักแน่นและทรงพลังมากพอที่ขับเคลื่อนสิ่งมีชีวิตน้อย ๆ อย่างดิฉันให้เติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้อย่างมีความสุข
หวังว่าหากสถานการณ์โควิดดีขึ้นแล้ว ดิฉันจะได้มีโอกาสกลับไปเติมพลังแห่งธรรมชาติที่สะอาดและบริสุทธิ์นี้อีกสักครั้ง ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่สถานการณ์จะปลอดภัย 100% นะคะ
เฮ้อ เขียนเรื่องนี้เสร็จก็อยากวิ่งไปกอดต้นไม้ใหญ่ใกล้ ๆ สักต้นตอนนี้เลยค่ะ 55555
โฆษณา