Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว
•
ติดตาม
30 ส.ค. 2021 เวลา 01:30 • การเกษตร
เรื่องเล่าแม่โพสพจากบ้านพัทลุง(๑)
.
ครอบครัวทางพ่อของดิฉันเป็นชาวนาเมืองพัทลุง ทางแม่เป็นชาวสวนกรุงเทพ
ขอเล่าเรื่องทางแม่ก่อนนะ ก่อนไปเล่าเรื่องชาวนาพัทลุง
.
แต่ก่อนคุณยายดิฉัน ทำสวนผลไม้ มะกอก อยู่ตรงพื้นที่ใกล้วัดมะกอก ตรงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในปัจจุบัน ตอนแม่ดิฉันเด็กๆ แม่ทำสวน วิ่งเล่น หัดว่ายน้ำ จับกุ้งปลามาทำห่อหมกอยู่แถวนั้น และคุณยายกับป้าดิฉันจะเก็บผลไม้หลากหลายนานาไปขายกันที่ตลาดมหานาค
ยุคโควิดระบาด คนขับแท็กซี่ในกรุงเทพฯ อพยพกลับบ้านร้อยเอ็ดไปเริ่มชีวิตชาวนากันใหม่ ได้อยู่อบอุ่นกับพ่อแก่แม่เฒ่า วัว ควาย ในท้องทุ่ง ภาพนี้ได้มาจากคุณม่อน จันลา ชาวนาบ้านนาโพ อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด
.
ตอนหลังเขตสวนกว้างไพศาลที่คุณยายทำสวนปลูกผลไม้ไว้หลายขนัด ได้พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปสร้างเป็น รพ.ราชวิถี รพ.เด็ก และรพ.ประสาท ก่อนช่วงโควิด เวลาดิฉันเข้ากรุงเทพฯ ไปหาหมอรักษาตาที่รพ.ราชวิถี ดิฉันมักเดินเล่นอยู่ใน รพ.ราชวิถี นึกถึงเรื่องเล่าของครอบครัว ว่าตรงนี้ ย่านนี้ เคยเป็นสวนที่ทำมาหากินของคุณยายทองอยู่ โภคามาศ กับก๋งยู่ฮวด แซ่ฉั่ว นักเลงจีนขาบู๊ดุเดือด มาเมืองไทยตั้งแต่อายุ ๑๕ มาทำโป๊ะปลาทูเมืองสมุทรปราการ แล้วมารักกับคุณยายทองอยู่สาวชาวสวนบางยี่ขัน บุกเบิกสร้างครอบครัวกันมา มาทำร้านขายของชำ มีลิ้นจี่ดองเกลือจากเมืองจีนใส่ไหไว้ตักขายเป็นลูกๆ และมาทำสวนผลไม้อยู่ย่านวัดมะกอก
.
ก่อนสงครามญี่ปุ่นคุณยาย ก๋ง ลุง ป้า ของดิฉันทำร้านชำ ขายกาแฟด้วย และปลูกผัก ปลูกผลไม้ ทำมาหากินอยู่ในพื้นที่รพ.ราชวิถีในปัจจุบัน ที่ซึ่งคุณแม่ดิฉันในวัยแก่ก็ได้เคยมานอนเจ็บอยู่ที่นี่ หลายปีก่อนดิฉันก็เคยมานอนป่วยรักษาตัวอยู่ที่นี่ และน้องสาวคนเล็กก็มาคลอดลูกน้อย น้องต้นไทรที่นี่
.
เดินทางไปมา เดินไปเดินมา กรุงเทพฯ-เพชรบุรี...เราไม่ได้ห่างไกลจากบ้านเก่าสวนเก่าของคุณยาย เราวนเวียนกันอยู่ในที่ซึ่งเป็นตำนานของครอบครัวนี้เอง
.
สำหรับครอบครัวทางพ่อดิฉัน เราเป็นชาวนาภาคใต้ อยู่กันริมควนลูกเล็ก ที่อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ลุง ป้า อาดิฉันก็เป็นชาวนา สร้างชีวิตมาด้วยจอบ เสียม คันไถ วัวควาย เรามีเรื่องเล่าเก่าในครอบครัวอยู่หลากหลาย เมื่อครั้งดิฉันทำวิจัยเรื่องแม่โพสพ ดิฉันก็ได้สอบถามความรู้ในเรื่องพิธีกรรมชาวนาภาคใต้ จากน้องคนเล็กของพ่อ ที่เลี้ยงดูดิฉันมาแต่เด็ก คือครูลำใย เพ็งแก้ว
.
ครูลำใย เพ็งแก้ว เกิดเมื่อปีพ.ศ.๒๔๙๐ ครูลำใยเป็นทั้งชาวนาและครูที่โรงเรียนประชาบาลบ้านควนพลี อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ในวัยเด็กครูลำใยได้เห็นการทำนาและการไหว้แม่โพสพของคนเฒ่าในครอบครัวมาโดยตลอด ซึ่งครูลำใยเล่าถึงความทรงจำเกี่ยวกับแม่โพสพเอาไว้ ตั้งแต่เมื่อปีพ.ศ.๒๕๔๕ ดังนี้คือ
.
“ความเชื่อของคนในสมัยโบราณ ถือกันว่าข้าวเป็นตัวแทนของแม่โพสพ ข้าวให้ชีวิต และการทำนาต้องอาศัยน้ำฝน หากทำไม่ดีเทวดาจะแช่งให้ฝนไม่ตกตามฤดูกาล ดังนั้นชาวนาต้องทำทุกอย่างตามพิธีแต่โบราณ และต้องทำด้วยความเคารพนับถือ เริ่มตั้งแต่การหว่านไถ ต้องดูฤกษ์ยามที่ดีและต้องกับดวงชะตาของผู้ทำด้วย เช่น บางคนลงทำนาวันเสาร์จะเจ็บป่วย หรือถูกของมีคมจากเครื่องมือทำนา เช่น จอบ ไถ ฯลฯ ดังนั้นการเริ่มทำนาจึงต้องทำตามโบราณ และต้องไปดูกับหมอโบราณ
.
การแรกไถ ถือกันว่าถ้าทำนาดำ ต้องเริ่มไถนาวันพุธ เพราะวันพุธเป็นวันเน่าวันเปื่อย วัชพืชต่างๆ ในนาจะเน่าตายกลายเป็นปุ๋ยได้ง่าย
.
ถ้านาหว่านต้องแรกไถวันอาทิตย์ เพราะถือว่าวันอาทิตย์เป็นวันไฟ วัชพืชต่างๆ จะถูกไฟเผาไหม้ ให้เหลือแต่ต้นข้าวเจริญเติบโตเต็มที่
.
การหว่านข้าว (ตกกล้า) ต้องดูวันจากหมอโบราณเช่นกัน เพราะจะได้ปลอดพ้นจากพวกยาด (ศัตรูพืชจำพวกสัตว์) คนส่วนใหญ่จะลงมือทำนากันในวันธงชัย วันอธิบดีของแต่ละปี
.
ตอนแรกของการตกกล้า เริ่มจากเจ้าของนานำพันธุ์ข้าวที่จะหว่านไปที่นาซึ่งทำเทือกไว้เสร็จแล้ว เจ้าของนาต้องนุ่งผ้าโจงกระเบน ถือกันว่าข้าวจะถอนได้ง่าย ทำเป็นเนินขึ้นแล้วเอาพันธุ์ข้าวนั้นหว่านให้ทั่วเนิน (เนินประมาณเท่ากระด้ง) เสร็จแล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า “วันนี้วันดีแล้วให้ข้าวเจริญงอกงาม ปลอดยาดปลอดยอ......” แล้วแต่ละคนจะนึกอธิษฐานเอาเองตามใจชอบ
.
การเก็บเกี่ยว เริ่มจากเมื่อรวงข้าวเริ่มเป็นสีเหลืองทางปลายรวง ถือว่าถ้ามีวันดีเจ้าของจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ แม้ข้าวจะยังไม่สุกดีก็ตาม เมื่อถึงวันฤกษ์ที่เหมาะกับตัวเอง ให้ทำพิธีเริ่มเก็บเกี่ยวได้ก่อน และต้องไปทำในตอนบ่าย ไปถึงที่นาจะต้องลงมุมนา มุมใดมุมหนึ่งตามที่หมอโบราณบอก แล้วเก็บข้าวเพียงสามกอที่ใกล้เคียงกันเป็นรูปเครื่องหมายเพราะฉะนั้น(สามจุด) แล้วนำกอทั้งสามมามัดให้เป็นช่อโดยผูกให้ปลายต้นข้าวที่เกี่ยวแล้วให้ปลายลงล่าง ให้สูงจากพื้นดินประมาณ ๔๐-๕๐ เซนติเมตร แล้วเอาดินในนาระหว่างกลางกอข้าวทั้งสามวางไว้บนมัดช่อประมาณเท่าข้อมือเด็กเล็ก ขณะที่ช่อเรียกว่า “ช่อซัง” เจ้าของจะต้องว่าคาถากำกับด้วย (แต่พี่ชายครูลำใย คือลุงพร้อม เพ็งแก้วว่าไม่ได้แล้ว) เสร็จแล้วจึงเก็บเกี่ยวตามปกติ หรือรอให้ข้าวสุกดีก่อนแล้วค่อยเก็บเกี่ยวก็ได้ เพราะถือว่าได้ลงเก็บเกี่ยวในวันดีไว้แล้ว
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/957379
บันทึก
2
2
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย