30 ส.ค. 2021 เวลา 00:44 • ปรัชญา
"เคล็ดลับการสร้างตัวฉบับเล่าปี่"
1
ผมเชื่อว่าใครหลายคนในที่นี้ต้องเคยบ่นกับตัวเองหรือเคยได้ยินมาว่า ก็เราไม่มีต้นทุนเหมือน
กับคนอื่นเขา...
ต้นทุนของชีวิตคนเราไม่เท่ากันบ้าง...
เราจะไปประสบความสําเร็จ​ได้อย่างไร?
วันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับชายคนหนึ่งที่สร้างตัวเองมาตั้งแต่ไม่มีอะไรเลย สถานะทางบ้านก็จน พ่อก็ตายตั้งแต่ตัวเขายังเป็นเด็ก ได้แต่อาศัยอยู่กับแม่ พอถึงช่วงวัยรุ่นก็ทอเสื่อขายเลี้ยงชีพไปวันๆ
แต่เมื่อโตขึ้นตัวเขาเริ่มมีเป้าหมาย มีอุดมการณ์​ที่ยิ่งใหญ่ เริ่มสร้างเนื้อสร้างตัว หาโอกาสให้ตัวเองจนประสบความสําเร็จ​กลายเป็นหนึ่งในยอดผู้นำของยุคสามก๊กได้ ถึงตรงนี้ทุกคนพอรู้กันแล้วใช่ไหมครับว่าเขาคือใคร?
ใช่แล้วล่ะครับคนๆนั้นคือ "เล่าปี่" นั่นเอง
ในสามก๊กเล่าปี่ถือว่าเป็นผู้นำที่มาไกลกว่าโจโฉและซุนกวนเสียอีกเพราะเล่าปี่เริ่มตั้งแต่ตัวเองยังไม่มีอะไรเลย ส่วนโจโฉนั้นก็เกิดในครอบครัวขุนนางที่มีฐานะปานกลางไม่รวยและไม่จนเกินไป ส่วนทางซุนกวนนั้นเปรียบเสมือนเป็นลูกอาเสี่ย ครอบครัวมีให้เพรียบพร้อมแทบทุกอย่าง
ดังนั้นแล้วถ้าเปรียบเทียบกัน ทุกคนก็จะเห็นเหมือนกันว่าเล่าปี่นั้นมาไกลกว่าโจโฉและซุนกวนเสียอีก
จากคนทอเสื่อขายกลายมาเป็นจักพรรดิ​เล่าปี่ที่ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นเสฉวน
แล้วเล่าปี่เขาเริ่มแบบไหน เขาทำอย่างไร
จนสามารถ​ผลักดันตัวเองให้ประสบ​ความ​สำเร็จ
ได้กันล่ะ?
วันนี้ผมมี 5 วิธี ที่เล่าปี่ใช้ในการเนื้อสร้างตัวจนประสบ​ความ​สำเร็จมาให้ทุกคนได้นำไปปรับใช้กันครับ
- วิธีที่ 1 เล่าปี่มีเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่แรกเริ่ม
เมื่อเล่าปี่มีเป้าหมายชัดเจน มีจุดยืนที่ชัดเจนถึงแม้จะไม่มีทุนแต่ก็สามารถ​โน้มน้าวให้คนเก่งที่มีฝีมืออย่าง กวนอู เตียวหุย ที่ตอนนั้นดูดีมีสถานะกว่าตนเองเสียอีก มาร่วมสาบานเป็นพี่น้องกันสร้างอุดมการณ์​ไปพร้อมๆกันได้
จากนั้นก็ค่อยๆเริ่มสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ของตัวเองอยู่เสมอจนทำให้ใครหลายคนอยากที่จะเข้าร่วมกับเล่าปี่
คนเราเวลาจะเริ่มทำตามเป้าหมายอย่ามองที่ต้นทุนเป็นหลัก อย่าตัดพ้อว่าตัวเองนั้นไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง เลิกหาข้ออ้างให้กับตัวเอง
"ต้นทุนชีวิตที่แท้จริงคือตัวเราเอง" เรามีสมอง
เรามีสองมือ เรามีความคิด เรามีความฝัน อย่ายอมให้คำว่า ไม่มีต้นทุนมาหยุดเป้าหมายในชีวิตของเรา
- วิธีที่ 2 เล่าปี่รู้จักสร้างโอกาส
เมื่อครั้งที่ตั๋งโต๊ะมีอำนาจควบคุมบ้านเมืองจึงทำให้เกิดผู้กล้าออกมารวมตัวกันตั้งเป็นกองทัพสิบแปดหัวเมืองออกมาต่อต้านตั๋งโต๊ะ
เล่าปี่เห็นว่านี่เป็นโอกาสสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์​ของตัวเองจึงสมัครขอเข้าร่วมกับเหล่ากองทัพและหลังจากนั้นมาก็สามารถ​สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองจนโด่งดังไปทั่วหล้าได้สำเร​็​จ
เราเห็นตรงนี้กันไหมครับว่าเล่าปี่นั้นไม่ได้นั่งรอคอยโอกาสเพียงอย่างเดียวเขามองเห็นโอกาสและลงมือตัดสินใจทำทันที จากสามพี่น้องเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ ไปสมัครเข้าร่วมกองทัพที่ฝ่ายตัวเองมีแค่สามคนจนสร้างชื่อให้กับตัวเองจนโด่งดังได้สำเร็จ
ดังนั้นแล้วโอกาสไม่จำเป็นต้องรอจากคนอื่น
เพราะเราสามารถ​สร้างมันขึ้นมาเองได้
เพราะแสวงหา... มิใช่เพราะรอคอย
เพราะเชี่ยวชาญ... มิใช่เพราะโอกาส
เพราะสามารถ... มิใช่เพราะโชคช่วย
ดังนั้นแล้วลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน
- วิธีที่ 3 เล่าปี่ใช้ความจริงใจเข้าแลก
เมื่อครั้งที่เล่าปี่ได้ยินชื่อเสียงของขงเบ้งว่าเป็นคนมีสติปัญญามากก็เกิดอยากจะไปเชื้อเชิญมาเป็นที่ปรึกษา แต่ต้องไปถึงสามครั้งสามคราจนกว่าจะได้พบและได้ตัวขงเบ้งมาเป็นที่ปรึกษา
หลังจากนั้นเล่าปี่ก็เปรียบเสมือนปลาที่ได้แหล่งน้ำ เหมือนมังกรติดปีกสามารถ​ตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่ได้สำเร็จ
1
เราเห็นกันไหมครับบางครั้งการใช้ความจริงใจ
ใช้ความอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าหาคนที่เก่งกว่าเรา
มีหรือเขาจะไม่ยอมใจอ่อน ใช้ใจแลกใจแลกกันตรงๆไปเลยย่อมดีกว่าการทำตัวเสแสร้งเข้าหากันแน่นอนครับ
- วิธีที่ 4 เล่าปี่รู้จักยืดหยุ่นอยู่เสมอ
ในบรรดาผู้นำสามก๊กเล่าปี่คือคนที่รู้จักใช้ความยืดหยุ่นให้เป็นประโยชน์มากที่สุดเพราะความยืดหยุ่นคือสิ่งสำคัญที่ทำให้เล่าปี่รอดตัวจากภัยอันตรายมาได้เสมอ
1
ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์​ที่ขัดกับโจโฉแล้วรับลิโป้เข้ามาอยู่ด้วย แต่ทว่าลิโป้กลับทดแทนบุญคุณ​ด้วยการยึดเมืองเล่าปี่ แต่เล่าปี่ก็ยอม "บากหน้า" มาขอพึ่งลิโป้เพื่อรอคอยโอกาส
หลังจากนั้นเล่าปี่กับลิโป้เกิดทะเลาะกัน เล่าปี่ก็ไปขอพึ่งใบบุญ​กับโจโฉ ซึ่งเป็นโจทย์​กันอยู่แท้ๆ
1
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเล่าปี่ แต่ทำให้เราเห็นถึงความยืดหยุ่นที่เล่าปี่ใช้ถึงแม้จะเคยเป็นศัตรู​กันก็ตามแต่ก็สามารถปรับตัวอยู่ร่วมกันได้ ดังนั้นคนเก่งคือคนที่รู้จักปรับตัว รู้จักยืดหยุ่นต่อสถานการณ์
ฉะนั้นแล้วจงทำตัวเปรียบดั่งสายน้ำที่ลื่นไหล ยืดหยุ่น พลิกแพลงได้อยู่ตลอดเวลา
1
- วิธีที่ 5 เล่าปี่คอยปลูกต้นไม้ในใจผู้คนอยู่เสมอ
"ฟ้ามอบโอกาสให้กับโจโฉ มอบชัยภูมิ​ที่ดีให้กับ
ซุนกวน มอบหัวใจประชาชน​ให้กับเล่าปี่"
นี่คำกล่าวของขงเบ้งที่เสนอแผนยุทธศาสตร์​หลงจงให้แก่เล่าปี่
ส่วนหนึ่งที่ทำให่เล่าปี่ประสบความสำเร็จคือ การปลูกต้นไม้ในใจคนอยู่เสมอ ขอยกตัวอย่างในเหตุการณ์ที่ จูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊า ให้ฟังกันนะครับ
ตอนที่เล่าปี่หนีกองทัพโจโฉ เล่าปี่ต้องพาทหารและชาวเมืองซินเอี๋ยอพยพหนีออกจากเมืองเพราะการรุกหนักของกองทัพโจโฉ ด้วยความชุลมุนวุ่นวายจึงเกิดพลัดหลงกับ 2 ฮูหยิน นั่นคือ บิฮูหยิน กับ กำฮูหยิน และยังมีอาเต๊าซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของเล่าปี่
1
เมื่อจูล่งทราบข่าวก็รีบออกตามหานางบิฮูหยิน และกำฮูหยินภรรยาคนแรกของเล่าปี่ต้องลงจากรถหนีไปปะปนกับฝูงชน โดยบิฮูหยินได้อุ้มทารกอาเต๊าพาหนีไปด้วย ต่อมาจูล่งได้พบกับกำฮูหยินและพานางกลับไปหาเล่าปี่
ส่วนบิฮูหยินถูกอาวุธของข้าศึกได้รับบาดเจ็บหนีไปหลบที่ข้างบ่อน้ำ จูล่งตามมาจนพบจึงได้เชิญนางขึ้นม้าเพื่อจะพาไปหาเล่าปี่ แต่บิฮูหยินเห็นว่านางบาดเจ็บจะเป็นตัวถ่วงให้จูล่ง จึงฝากอาเต๊าให้จูล่ง และกระโดดลงบ่อน้ำฆ่าตัวตาย จูล่งเห็นดังนั้นก็ร้องไห้อาลัยบิฮูหยินและกลบปากบ่อน้ำไม่ให้ทหารโจโฉพบศพ แล้วพาอาเต๊าฝ่าทัพโจโฉไปหาเล่าปี่
เมื่อเล่าปี่เห็นจูล่งพาอาเต๊ามาให้ เล่าปี่ก็โยน
อาเต๊า ทิ้งไปทางจูล่งพร้อมยังกล่าวอีกว่า
1
"เพราะไอ้ลูกจัญไรทำให้เราต้องเกือบสูญเสียจูล่ง"
เมื่อเห็นเล่าปี่ทำดังนั้นจูล่งถึงกับน้อมกายลงและกล่าวว่าเพื่อนายท่านถึงตายข้าก็ไม่เสียดายชีวิต
เราเห็นกันไหมครับนี่เป็นการปลูกต้นไม้ในใจคน
ของเล่าปี่ที่ทำให้จูล่งยิ่งรักเล่าปี่มากขึ้นไปอีก
1
การปลูกต้นไม้ในใจคน​ เราไม่จำเป็นต้องเริ่มให้ในสิ่งที่ใหญ่อาจจะเป็นการเริ่มช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆก็ได้​ การจะปลูกต้นไม้ต้นหนึ่งต้องใช้เวลานาน​ ไหนจะต้องหมั่นดูแลรดน้ำบำรุงรักษา การเข้าไปนั่งในใจผู้คนได้นั้นต้องค่อยๆไปทีละขั้น​ แต่ต้องสม่ำเสมอถึงจะได้ใจคนนั่นเอง
และ 5 วิธีนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่เล่าปี่ใช้เท่านั้น บุคคลนี้ยังมีหลายเทคนิคยังมี
อีกหลายวิธีที่น่าทำการศึกษาในตัวของเขา
[หากคุณชอบบทความที่มีแต่สาระดีๆเพื่อนำไปปรับใช้ได้ในชีวิต]​
.
ก็สามารถติดตามได้ทางเพจ
[บทความของนายติงลี่]​ ได้เลยครับ
1
.
ขอบขอบคุณสำหรับทุกคำติชม
และอย่าลืมรักษาสุขภาพ​กันด้วยครับ ❤️
สำหรับวันนี้ลากันไปก่อนครับ...
เล่าปี่สามก๊ก 1994
โฆษณา