30 ส.ค. 2021 เวลา 01:11 • ดนตรี เพลง
Rhinestone เป็นหินแร่อัญมณีราคาถูก มักนำมาทำเป็นเครื่องประดับ ปักเป็นเลื่อมบนเสื้อผ้าสำหรับการแสดง เพื่อเกิดประกายวูบวาบ สะท้อนแสงไฟ ส่วนคำว่า Rhinestone Cowboy หมายถึง คนที่มีอาชีพแสดงการขี่ม้าโลดโผนเลียนแบบคาวบอยในยุคบุกเบิก เสื้อผ้าชุดคาวบอยที่สะอาดเอี่ยม ปักเลื่อมแพรวพราว เพื่อดึงดูดสายตาผู้ชม
Larry Weiss ผู้ประพันธ์เพลงนี้ เป็นนักแต่งเพลง นักเขียนบทละครเวที ทำมาหากินอยู่ย่านบรอดเวย์ นิวยอร์ค​ ซิตี้ ยังไม่เป็นที่รู้จักของผู้คน คือยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เขียนเพลงนี้ เหมือนกับระบายความน้อยเนื้อต่ำใจ ที่ตัวเองเป็นเพียงแค่คาวบอยในงานโชว์ ไม่ใช่คาวบอยตัวจริง ทั้งๆที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมานาน เดินย่ำต๊อกทะลุปรุโปร่ง รู้จักทุกหลุมบ่อและรอยปริแตกของฟุตบาธในย่านบรอดเวย์ ( I know every crack in these dirty sidewalk of Broadway ) แต่ก็เป็นได้แค่เพียงคาวบอยขี่ม้าพยศขว้างบ่วงบาศโชว์ในงานโรดีโอ ( Riding out on a horse in a star-spangled rodeo ) แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีความหวัง สักวันหนึ่งคงจะได้แปรเปลี่ยนเป็นดารามือถือไมค์ ไฟส่องหน้ากับเขาบ้าง ( But I’m gonna be where the lights are shinin on me )
Larry Weiss บันทึกเสียงและปล่อยเพลงนี้สู่ตลาดในปี คศ. 1974 ไปเข้าหูนักร้องคันทรี่หนุ่ม Glen Campbell ขณะเดินสายอยู่ที่ออสเตรเลีย ไม่รอช้า เกลน คว้าบทเพลงนี้นำเสนอ บริษัท แคปปิตอล ต้นสังกัด บอกว่าเป็นเพลงคันทรี่ที่ดีที่สุดที่เคยได้ฟังมา ในปี 1975 Rhinestone Cowboy ฉบับของ Glen Campbell ก็โด่งดังไปทั่วโลก และอีกหลายๆ version จากนักร้องอีกหลายๆท่านก็ตามมาอีกเป็นพรวน นั่นคงทำให้ ลาร์รี ไวส์ หายน้อยเนื้อต่ำใจไปได้บ้าง แม้จะยังไม่ใช่คาวบอยตัวจริง แต่ตัวเลขในบัญชีธนาคารที่เพิ่มขึ้นในฐานะผู้ประพันธ์เพลง คงไม่ต้องเดินนับรอยแตกบนฟุตบาธย่านบอร์ดเวย์อีกต่อไป
++++++++++
คาวบอย ( Cowboy ) เป็นอาชีพหนึ่งของอเมริกันยุคบุกเบิก พื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลของภาคตะวันตก ที่คนอเมริกันหลั่งไหลเข้าไปจับจองทำกิน ส่วนหนึ่งก็ทำปศุสัตว์ เลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหารเลี้ยงคนทั้งประเทศ อาชีพรับจ้างต้อนวัว , ดูแลฝูงสัตว์ ก็เริ่มมีขึ้นในยุคนั้น และมีชื่อเรียกขานกันว่า คาวบอย นอกเหนือจากการตีตรา , ต้อนวัวไปหากินในทุ่งหญ้า หรือต้อนฝูงวัวไปสู่ตลาดรับซื้อ คาวบอยก็ต้องมีหน้าที่ดูแล , ปกป้องฝูงวัวจากการปล้นสะดมของโจรผู้ร้าย ดังนั้น นอกจากจะเชี่ยวชาญในการบังคับม้าและใช้บ่วงบาศแล้ว คาวบอยก็ต้องมีทักษะในการใช้อาวุธปืนเป็นอย่างดี เพราะหากเพลี่ยงพล้ำ หมายถึงต้องชดใช้ด้วยชีวิต
โดยสภาพภูมิประเทศ , อากาศที่แปรปรวนและความยากลำบากในการทำงาน หล่อหลอมให้คาวบอยทั้งแกร่ง , ทรหดอดทน เสื้อผ้าสกปรกเต็มไปด้วยคราบไคลจากฝุ่นและเหงื่อ ไม่ได้ดูเท่ หล่อเหลาเหมือนพระเอกในหนังที่เราดูกัน และหนังคาวบอยแทบทุกเรื่องมักมีฉากต่อยตีกันในร้านเหล้าจนโต๊ะเก้าอี้พังพินาศสันตะโร แต่ในชีวิตจริงคาวบอยจะหลีกเลี่ยงการวิวาทชกต่อย เพราะคาวบอยถือว่า มือเป็นอวัยวะส่วนสำคัญที่ต้องดูแลรักษาปกป้องอย่างดีที่สุดไม่ให้มีการบาดเจ็บหรือพิการ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นเท่ากับว่าชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เพราะคาวบอยต้องใช้มือในการบังคับม้า , ขว้างบ่วงบาศหรือชักปืนต่อสู้กับเหล่าร้าย อาชีพนี้จึงเป็นอาชีพของลูกผู้ชายโดยแท้ ไม่แกร่ง ไม่ทรหดจริง อยู่ไม่ได้ในโลกของคาวบอย
ส่วน Rhinestone Cowboy หรือคาวบอยโรยกากเพชร ที่โชว์การขี่ม้าพยศขว้างบ่วงบาศในงานแสดงที่เรียกว่า โรดีโอ ( Rodeo ) นั้น ทักษะการบังคับม้าก็อยู่ในระดับเชี่ยวชาญ เพียงแต่เขาใช้มันเพื่อการแสดง ไม่ได้ใช้ในชีวิตจริง เหมือนคาวบอยในไร่ปศุสัตว์
ในเนื้อเพลง Rhinestone Cowboy มีประโยคที่พูดถึง star-spangle นั้นหมายถึง เพลงชาติอเมริกา มีชื่อเต็มว่า Star-spangle banner ในการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ ก่อนเริ่มการแข่งขัน จะมีการร้องเพลงชาติ และเป็นการร้องปากเปล่า ไม่มีดนตรีประกอบ หากเป็นรายการอภิมหาคู่ลืมโลก อย่าง ซุปเปอร์โบวล์ ก็จะมีนักร้องดังระดับแถวหน้าเป็นผู้ร้อง ส่วนคำว่า Stars and Stripes ( ดาวและแถบ ) หมายถึง ธงชาติอเมริกา ( เหมือนเราเรียกธงชาติว่า “ ธงไตรรงค์ “ ) ทั้งธงชาติและเพลงชาติเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของการแสดง โรดีโอ หากขาดสองอย่างนี้ ถือว่า งานกร่อย เหมือเวทีรำวงที่ไม่มีสายรุ้ง อย่างนั้นเลย
โฆษณา