2 ก.ย. 2021 เวลา 03:14 • หนังสือ
#69 เล่ม 3 บทที่ 16 หน้า 348 ~ 353
N : ผมรู้สึกอึ้ง ทึ่ง และเคารพนับถือเมื่อได้อ่านถ้อยคำเหล่านั้น ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันในลักษณะนี้ ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างพวกเราทุกคน
G : ด้วยความยินดี ขอบคุณที่อยู่ตรงนี้กับฉันเช่นกัน
N : ผมมีคำถามเหลืออีกไม่มาก บางเรื่องจะเกี่ยวกับ “สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูง” จากนั้นผมก็จะจบการพูดคุยนี้
G : ที่รักของฉัน เธอ ‘ไม่มีทาง’ จบการพูดคุยนี้ได้ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องจบด้วย การสนทนากับพระเจ้าจะดำเนินต่อไปชั่วนิรันดร์ และตอนนี้เธอมีส่วนร่วมกับมันอย่างแข็งขัน ซึ่งในไม่ช้าการสนทนาก็จะกลายเป็นมิตรภาพ บทสนทนาดีๆทั้งหลายสุดท้ายแล้วก็จะนำไปสู่มิตรภาพ และไม่นานการสนทนากับพระเจ้าก็จะกลายเป็น ‘มิตรภาพกับพระเจ้า’
N : ผมก็รู้สึกอย่างนั้นนะครับ ผมรู้สึกว่าเราได้กลายเป็น ‘เพื่อน’ กันจริงๆ
G : และเช่นที่เกิดขึ้นกับทุกความสัมพันธ์ นั่นก็คือ หากมิตรภาพนั้นได้รับการหล่อเลี้ยง จุดประกาย และยอมให้เติบโต ในท้ายที่สุดแล้วก็จะเกิดการหลอมรวมเป็นหนึ่ง เธอจะรู้สึกและมีประสบการณ์ว่าตนเองกำลังอยู่ในภาวะ “เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า”
นี่คือ ✨ภาวะอันศักดิ์สิทธิ์✨
เมื่อถึงเวลานั้นเราจะพูดเป็นหนึ่งเดียว★
★พูดออกมาจากความเข้าใจเดียวกัน พูดออกมาจากภาวะเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้า เรากับพระเจ้าจะพูดเรื่องเดียวกัน หรือไม่ต่างกันแล้วทีนี้ (เพราะเข้าใจตรงกันแล้ว) — แอดมิน
N : ถ้าอย่างนั้นการพูดคุยนี้จะดำเนินต่อไป❓
G : ใช่...ดำเนินต่อไปเสมอ
N : ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวคำอำลาตอนจบของเล่มนี้❓
G : เธอไม่จำเป็นต้องกล่าวคำอำลา แค่ต้องกล่าวคำทักทาย
N : พระองค์รู้มั้ยว่าพระองค์เยี่ยมมาก เยี่ยมจริงๆ
G : เธอก็เหมือนกัน...ลูกเอ๋ย เธอก็เหมือนกัน
ลูกๆของฉันทั้งหมดในทุกแห่งหนก็เหมือนกัน
N : มีลูกๆของพระองค์อยู่ใน “ทุกแห่งหน”❓
G : แน่อยู่แล้ว
N : ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมหมายความตามตัวอักษรเลยคือ ‘ทุกแห่งหน’ จริงๆ มันมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวเคราะห์ดวงอื่นด้วยใช่มั้ยครับ❓
มีลูกๆของพระองค์อยู่ในส่วนอื่นของจักรวาลด้วยใช่หรือเปล่า❓
G : อีกครั้งนะ 🔸แน่อยู่แล้ว🔸
N : อารยธรรมเหล่านั้นล้ำหน้ากว่าพวกเราใช่มั้ยครับ❓
G : บางอารยธรรม ใช่
N : ในด้านไหนครับ❓
G : ในทุกๆด้าน ทั้งด้านเทคโนโลยี การเมือง สังคม จิตวิญญาณ ร่างกายและจิตใจ
ยกตัวอย่างเช่น ความยึดติด (หมกมุ่นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นอย่างมาก) การยืนกรานว่าต้องเป็นอย่างนั้นเท่านั้น การชอบเปรียบเทียบ และความแน่วแน่ในการแบ่งประเภทของสิ่งต่างๆให้เป็น “ดีกว่า” หรือ “แย่กว่า” , “สูงกว่า” หรือ “ต่ำกว่า” , “ดี” หรือ “เลว” ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเธอตกลงไปในความเป็นคู่ (ทวิภาวะ) ลึกแค่ไหน 🔸ว่าพวกเธอจมอยู่กับวิธีคิดแบบแบ่งแยกมากเพียงใด🔸
N : คุณลักษณะต่างๆที่พระองค์กล่าวมานี้ไม่มีอยู่ในอารยธรรมที่ล้ำหน้ากว่าพวกเราเลยหรือครับ❓ พระองค์สังเกตไม่เห็นเลยหรือ❓ แล้วคำว่าความเป็นคู่หรือทวิภาวะนี่หมายความว่ายังไงครับ❓
G : 🔸ระดับความก้าวหน้าของสังคมย่อมเห็นได้จากระดับความมากน้อยของการคิดแบบทวิภาวะ🔸
🟠 วิวัฒนาการทางสังคมจะแสดงออกผ่านการมุ่งสู่ความเป็นเอกภาพ
🛑 ไม่ใช่คตินิยมแบบแบ่งแยก
N : ทำไมละครับ❓ ทำไมถึงใช้ความเป็นเอกภาพเป็นตัววัด❓
G : 💥 เพราะความเป็นหนึ่งเดียวคือความจริง — คตินิยมแบบแบ่งแยกคือภาพลวงตา
💥 ตราบใดที่สังคมยังเห็นตัวเองว่าเป็นสิ่งที่แยกขาดจากกัน (เป็นชุดหรือการรวมตัวกันของหน่วยย่อยที่แยกขาดจากกัน) แสดงว่าสังคมนั้นยังใช้ชีวิตอยู่กับภาพลวงตา
💥 สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนดาวเคราะห์ดวงนี้ถูกสร้างขึ้นบนฐานของคตินิยมแบบแบ่งแยก ซึ่งมีรากฐานมาจากความเป็นทวิภาวะหรือความเป็นคู่
▶️ เธอจินตนาการว่าตัวเองเป็นครอบครัวหรือชนเผ่าที่แยกขาดจากกัน มารวมตัวกันอยู่ในชุมชนหรือรัฐที่แยกขาดจากกัน มารวมตัวกันเป็นชนชาติหรือประเทศที่แยกขาดจากกัน ประกอบกันขึ้นเป็นโลกหรือดาวเคราะห์ที่แยกขาดจากดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ
▶️ เธอจินตนาการว่าดาวเคราะห์ดวงนี้ของเธอเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวในจักรวาลที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่
▶️ เธอจินตนาการว่าประเทศของเธอเป็นประเทศที่เลิศล้ำที่สุดบนโลก
▶️ เธอจินตนาการว่ารัฐของเธอเป็นรัฐที่ดีที่สุดในประเทศ แล้วครอบครัวของเธอก็ยอดเยี่ยมที่สุดในรัฐ
🛑 สุดท้าย เธอก็จินตนาการว่าตัวเธอเองดีกว่าใครทั้งหมดในครอบครัว
🛑 โอ้ เธอบอกว่าเธอไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น แต่พฤติกรรมของเธอสะท้อนว่าเธอคิดแบบนั้น
🛑 “ความคิดที่แท้จริงของเธอ” จะสะท้อนออกมาในชีวิตประจำวันผ่านการตัดสินใจทางสังคม ความเห็นทางการเมือง การตีความทางศาสนา การเลือกทางเศรษฐกิจ และการเลือกส่วนตัวของเธอที่มีต่อทุกเรื่อง ตั้งแต่เพื่อนฝูง ระบบความเชื่อ ไปจนถึงความสัมพันธ์กับพระเจ้า ซึ่งก็คือ ฉัน
🛑 เธอรู้สึกตัดขาดจากฉันมากเสียจนจินตนาการถึงขั้นว่าฉันจะไม่มีวันพูดกับเธอ ด้วยเหตุนั้นเธอจึงถูกบังคับให้ต้องปฏิเสธความจริงที่เกิดจากประสบการณ์ของตน
🛑 เธอ ‘มีประสบการณ์’ ว่าเธอและฉันคือหนึ่งเดียวกัน แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะเชื่อประสบการณ์นั้น พวกเธอจึงไม่แค่ตัดขาดจากกันและกันเท่านั้น แต่ยังตัดขาดจากความจริงของตัวเองอีกด้วย
N : คนเราจะตัดขาดจากความจริงของตัวเองได้ยังไงครับ❓
G : ⏺️ ด้วยการเพิกเฉย
⏺️ ด้วยการมองเห็นแต่ปฏิเสธมัน
⏺️ หรือด้วยการเปลี่ยนมัน บิดมัน ปรับแต่งมันให้เข้ากับแนวคิดที่ตัวเองมีอยู่แล้วว่าสิ่งต่างๆต้องเป็นอย่างไร
ลองดูคำถามที่เธอเกริ่นไว้ก็ได้ เธอถามว่า มีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวเคราะห์ดวงอื่นหรือเปล่า❓ แล้วฉันก็ตอบว่า “แน่อยู่แล้ว” ฉันตอบว่า “แน่อยู่แล้ว” เพราะหลักฐานนั้นชัดเจน มันชัดเจนมากเสียจนฉันประหลาดใจที่เธอยังต้องถามคำถามนี้
เพราะแบบนี้ไงที่คนเราสามารถ “ตัดขาดจากความจริงของตัวเอง” ได้ด้วยการมองเห็นความจริงชัดๆอยู่ตรงหน้าแบบเต็มๆสองตา แต่กระนั้นก็ยังปฏิเสธสิ่งที่มองเห็นอยู่ชัดๆ
นี่คือ 🔸กลไกของการปฏิเสธ🔸
💢แล้วก็ไม่มีการปฏิเสธใดที่จะแนบเนียนไปกว่าการปฏิเสธตัวเอง
💢เธอใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับการปฏิเสธสิ่งที่เธอเป็น — ปฏิเสธตัวตนที่แท้จริงของตัวเธอ
มันน่าเศร้าพออยู่แล้วหากเธอจะจำกัดการปฏิเสธไว้เฉพาะเรื่องที่ไม่ค่อยเป็นส่วนตัวนัก เช่น ชั้นโอโซนที่กำลังหมดไป การทำลายป่าใหญ่ดึกดำบรรพ์ การปฏิบัติต่อผู้เยาว์อย่างย่ำแย่ และเธอก็ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจกับการปฏิเสธสิ่งที่เห็นอยู่รอบตัว และเธอก็จะไม่หยุดจนกว่าเธอจะปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเห็น ‘ภายใน’ ตัวของเธอเอง
เธอเห็นความดีงามและความเมตตากรุณาในตัวเธอ แต่เธอก็ปฏิเสธมัน เธอเห็นปัญญาในตัวเธอ แต่เธอก็ปฏิเสธมัน เธอเห็นความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุดในตัวเธอ แต่เธอก็ปฏิเสธมัน เธอเห็นและมีประสบการณ์ถึงพระเจ้าในตัวเธอ แต่เธอก็ยังคงปฏิเสธมัน
🛑 เธอปฏิเสธเรื่องที่ฉันดำรงอยู่ในตัวเธอ (ว่าฉันคือเธอ) นี่เท่ากับเธอปฏิเสธที่ทางอันชอบธรรมและชัดแจ้งของฉัน
N : ผมไม่ได้ปฏิเสธพระองค์นะครับ และจะไม่ปฏิเสธพระองค์ด้วย
G : เธอยอมรับไหมว่าเธอคือพระเจ้า❓
N : คือ...ผมจะไม่พูดแบบนั้นหรอก...
G : นี่ไง ที่ฉันบอกเธอว่า : “ก่อนไก่ขัน เธอจะปฏิเสธฉันสามครั้ง”
🛑 เธอจะปฏิเสธฉันด้วยความคิด
🛑 เธอจะปฏิเสธฉันด้วยคำพูด
🛑 เธอจะปฏิเสธฉันด้วยการกระทำ
เธอรู้อยู่ลึกๆในใจว่าฉันนั้นอยู่กับเธอ อยู่ในตัวเธอ รู้ว่าเรานั้นคือหนึ่งเดียวกัน แต่ทว่า 🔸เธอก็ปฏิเสธฉัน🔸
โอ้ พวกเธอบางคนบอกว่าฉันมีอยู่จริงก็ได้ แต่อยู่ห่างออกไปจากเธอ ห่างออกไปไกลอยู่ที่ไหนสักที่
💢และยิ่งเธอจินตนาการว่าฉันอยู่ห่างออกไปแค่ไหน เธอก็ยิ่งอยู่ห่างจากความจริงของตัวเองเท่านั้น💢
เช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆในชีวิต ตั้งแต่ทรัพยากรธรรมชาติที่กำลังหมดลง ไปจนถึงการทำร้ายเด็กในหลายๆครอบครัว
💢เธอเห็นมันแต่เธอไม่เชื่อ💢
N : แต่ทำไมละครับ❓ ทำไม❓ ทำไมเราเห็นแล้วแต่ไม่ยอมเชื่อล่ะครับ❓
...
...
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา