4 ก.ย. 2021 เวลา 01:30 • หนังสือ
Hemingway Curse และปริศนาการตายของป๊าเออร์เนสต์
เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ ชายที่ภายนอกมีบุคลิกสุดแมนจนผู้คนเรียกว่า “ป๊ะป๊า” ชายผู้รักการตกปลา ล่าสัตว์ ดื่มเหล้า ด้านงานเขียนก็ประสบการณ์ความสำเร็จโดยมีรางวัลพูลิตเซอร์และรางวัลโนเบลมาการันตี แต่เช้าวันหนึ่งเขากลับเสียชีวิตอย่างปริศนา โดยภรรยาของเขาบอกว่าเขาทำปืนลั่นขณะนำออกมาทำความสะอาด ทั้งที่เขาล่าสัตว์มาแทบทั้งชีวิตและเชี่ยวชาญเรื่องปืนสุดๆ
โพสนี้ เพจ เขาคนนั้นในวันวาน จะขอพาเพื่อนๆนักอ่านไปไขปริศนาและสำรวจชีวิตที่เหมือนดั่งเหรียญสองด้านของป๊าเฮมิงเวย์ไปด้วยกันค่ะ
Hemingway Curse และการตายของป๊าเออร์เนสต์
ชีวิตอันแสนมีสีสัน
ป๊าเฮมิงเวย์เกิดเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ปี 1899 ในโอ๊คพาร์ค, รัฐอิลลินอยส์ เป็นลูกคนที่ 2 ของครอบครัว พ่อของเขา คลาเรนซ์ เฮมิงเวย์ มีอาชีพเป็นหมอ และมีหน้าที่การงานที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ ขณะที่แม่ของเขา เกรซ เฮมิงเวย์ เป็นนักดนตรีและครูสอนดนตรี
เฮมิงเวย์เรียนถึงระดับมัธยมปลายก็ออกมาทำงานเป็นนักข่าวให้กับหนังสือพิมพ์ The Kansas City Star ที่มิสซูรี (แม้ครอบครัวเขาจะร่ำรวยก็ตาม) และเริ่มต้นชีวิตในสายการเขียนที่นี่
ต่อมาเฮมิงเวย์ไปเป็นอาสาสมัครขับรถพยาบาลทหารที่อิตาลีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดลูกกระสุนปืนครก แม้วีรกรรมครั้งนั้นจะทำให้เขาได้รับเหรียญสดุดี แต่ก็ทำให้เขาต้องรักษาตัวอยู่เป็นเดือน ได้พบรักกับนางพยาบาลที่ดูแลเขาในช่วงนั้นและถูกหักอกในเวลาอันรวดเร็ว (กลายมาเป็นพลอตเรื่อง A Farewell to Arms ที่ตีพิมพ์ในปี 1929)
ต่อมาเฮมิงเวย์ไปที่ปารีส ทำให้เขาได้พบกับกลุ่มนักเขียนชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ที่นั่น ชื่อกลุ่ม "Lost Generation" ซึ่งประกอบไปด้วย เอฟ. สกอตต์ ฟิตซ์เจอรัลด์, เกอร์ทรูด สไตน์, เอซรา พอนด์ และคนอื่นๆอีกมากมาย
ภาพ 1 กลุ่ม Lost Generation พบปะกันในคาเฟ่กรุงปารีส
เฮมิงเวย์รักและเคารพฟิตช์เจอรัลด์มาก เขาฟังคำแนะนำจากนักเขียนรุ่นพี่ ที่ในขณะนั้นกำลังโด่งดังกับเรื่อง The Great Gatsby ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นไปด้วยดี พวกเขาไปไหนมาไหนและดื่มด้วยกันเสมอ (แน่นอนว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ค่ะ เป็น Alcoholic กันทั้งคู่)
ซึ่งเฮมิงเวย์ก็ได้นำช่วงเวลาอันแสนสุขใจและเต็มไปด้วยอิสระเสรีนี้ มาเป็นไอเดียในการเขียน The Sun Also Rises และ A Moveable Feast
ในด้านการเป็นนักข่าว เฮมิงเวย์ยังคงทำอาชีพนี้ควบคู่ไปกับอาชีพนักเขียน และโดดไปทำข่าวจากสงครามหนึ่งไปยังอีกสงครามหนึ่งทั่วยุโรป ทั้งสงครามกลางเมืองสเปน และสงครามโลกครั้งที่ 2 ใช้ชีวิตผจญภัย เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในสงคราม (และแน่นอน เขานำสิ่งที่พบเห็นมาเขียนนิยายได้อีก)
ภาพ 2 เฮมิงเวย์ขณะทำข่าวสงครามกลางเมืองสเปน
นอกจากนั้น อีกกิจกรรมหนึ่งที่ป๊าชอบมากคือการล่าสัตว์ และการต่อสู้ ป๊าถึงขั้นมีที่ประจำในการล่าเป็ดที่อิตาลี เคยไปซาฟารีที่แอฟริกา ไปดูการสู้วัวกระทิงที่สเปน ออกเรือตกปลาที่คิวบา ซึ่งอย่างหลังเป็นต้นแบบเรื่อง The Old Man and the Sea ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลพูลิตเซอร์และรางวัลโนเบล
เขากล่าวให้คนอื่นๆฟังเสมอว่าหากจะดูมวยหรือการต่อสู้สักอย่าง ต้องดูคู่ที่สู้กันสูสี ถ้าสู้กันไม่ดี ไม่ดูดีกว่าเสียเวลา (ว่าซั่นนน)
แถมในชีวิตป๊า ยังผ่านการแต่งงานมาถึง 4 ครั้ง และแต่ละครั้ง มักจะเป็นรูปแบบเดิม คือฝ่ายหญิงคนใหม่ที่แต่งงานด้วย เป็นเพื่อนของทั้งตัวเขาและภรรยา รู้จักกันดีทั้ง 3 ฝ่าย แต่สุดท้ายไปกับคนใหม่ทุกครั้งเลยค่ะ (ป๊าเอ๊ยยยย)
มองเผินๆ เหมือนป๊าแกจะได้รับการขนานนามว่าเป็นโฉมหน้าชายชาตรี ใช้ชีวิตลุยๆ ไม่แคร์โลก I did it my way. สุดๆ แต่ภายใต้ฉากหน้าที่ดูดี กลับมีปมที่ซุกซ่อนอยู่ และไม่เคยถูกเปิดเผยจนกระทั่งเขาได้เสียชีวิตไปแล้วหลายปี และถูกเรียกว่า “Hemingway Curse”
ชีวิตด้านมืดที่ไม่มีใครรู้
คราวนี้เรามากล่าวถึงเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ใต้พรมกันบ้าง
ในวันที่ 2 กรกฎาคม ปี 1961 ป๊าเฮมิงเวย์ถูกแมรี ภรรยาคนที่ 4 พบว่าเสียชีวิตอยู่ที่โถงทางเข้าบ้านของเขาเองในรัฐไอดาโฮ
ในตอนนั้นแมรีให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าป๊าเฮมิงเวย์นำปืนออกมาทำความสะอาด แต่เกิดพลาดทำปืนลั่นใส่ตนเอง ทำให้การตายของเฮมิงเวย์เป็นปริศนาที่ถูกถกเถียงมาอีกนาน
เหตุใดแมรีถึงให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้น? แล้วจริงๆมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
แท้จริงแล้วเช้าวันนั้น เฮมิงเวย์ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอารมณ์อันขุ่นมัวและสับสน เขาเดินลงไปหากุญแจตู้เก็บปืนที่ชั้นล่างของบ้าน ก่อนจะเดินลงไปยังห้องใต้ดิน ไขกุญแจ นำปืนและกระสุนออกมา ก่อนจะเดินกลับขึ้นมาที่โถงทางเข้าบ้าน และ... ปลิดชีพตัวเองลงในที่สุด
ใช่ค่ะ ป๊ามีอาการของโรคซึมเศร้า
ในยุคสมัยนั้น สังคมอเมริกันยังคงตีตราผู้ที่มีอาการป่วยทางจิตว่าเป็นอาการที่ไม่ปกติ แปลกแยก และเป็นเรื่องน่าอายที่จะยอมรับค่ะ แมรีจึงต้องพยายามปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องนี้
ภายหลังมีผู้เชี่ยวชาญมากมายออกมาเสาะหาสาเหตุการตายจากรายการยาและการรักษาที่เฮมิงเวย์ได้รับ โดยในช่วงก่อนเสียชีวิตป๊าแกแอบย่องไปรักษาที่ Mayo Clinic ภายใต้ชื่อปลอม
สิ่งที่นำป๊าเฮมิงเวย์ ชายที่ดูห้าวหาญทรหดไปสู่การฆ่าตัวตาย คือ ป๊าเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรงค่ะ โดยปัจจัยที่นำป๊ามาสู่จุดนี้มีมากมาย
อย่างแรกคือ ครอบครัวของป๊ามีประวัติการเป็นโรคซึมเศร้าและฆ่าตัวตายมาตั้งแต่รุ่นพ่อของป๊าเอง ซี่งใช้ปืนยิงฆ่าตัวตายไปตอนที่ป๊าอายุ 29 ปี เรื่องนี้ฝังลึกในใจป๊า จนถึงกับนำมาเขียนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง For Whom the Bell Tolls และเขียนระบายในจดหมายถึงแม่ยายว่า สักวันหนึ่งชีวิตผมก็คงจบลงแบบนี้
ในการเลี้ยงดู ถึงแม้ป๊าเหมือนจะสนิทกับพ่อได้เรียนรู้วิธีการใช้ปืน รวมถึงการตกปลาล่าสัตว์จากพ่อ แต่ภายใต้ภาพลักษณ์ที่อ่อนโยน ในบางครั้งพ่อของป๊ากลับมีพฤติกรรมรุนแรงและชอบกดขี่ ขณะที่ความสัมพันธ์กับแม่ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน เพราะแม่ก็ชอบบังคับให้ป๊าทำในสิ่งที่ไม่ชอบ และถึงกับเคยบังคับให้แต่งตัวเป็นเด็กผู้หญิง! ภายหลังจากที่พ่อเสียชีวิต ป๊าก็คิดว่าเป็นความผิดของแม่ที่บีบบังคับจนพ่อต้องทำแบบนั้น
นั่นทำให้ป๊าฝังใจ มีปัญหาในการเชื่อใจและกลัวการถูกควบคุมจากเพศหญิงอยู่ลึกๆ นำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่เคยยั่งยืนเลยในชีวิตคู่ ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยกล่าวว่าเขาเสียใจกับการหย่าร้างกับภรรยาคนแรกมากๆ และไม่เคยลืมสิ่งที่เขาทำกับเธอ
1
นอกจากนั้นในด้านพฤติกรรม อาการติดเหล้าของเฮมิงเวย์ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น กลับยิ่งทำให้อาการแย่ลง และพฤติกรรมการชอบเอาตัวเองไปเสี่ยงในสงครามกลับไม่เพียงแสดงถึงความกล้าและรักการผจญภัยของป๋าเฮมิงเวย์ แต่กลับฉายให้เห็นถึงอีกแง่มุมว่าป๋าเหมือนจะชอบเอาตัวไปอยู่ท่ามกลางความมืดมนและความตาย
ทุกอย่างยิ่งดำดิ่งลง หลังจากที่เขาบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรงถึงขั้นกะโหลกร้าวจากเหตุเครื่องบินตก 2 ครั้งระหว่างเดินทางไปแอฟริกา แน่นอนว่าเขารอดชีวิต แต่มันกลับเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่มืดมนกว่า
เฮมิงเวย์เริ่มคิดงานเขียนไม่ออก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจ สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เขาเขียน The Old Man and the Sea และได้รับรางวัลด้านวรรณกรรมจากเรื่องนี้ถึง 2 รางวัล เขาจึงคาดหวังว่าตัวเองจะทำได้ดีขึ้น
ตลอดชีวิตการเขียนของเขา งานเขียนของเขาขายดี และถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ แต่ก็โดนนักวิจารณ์แซะไม่หยุด แถมทุกคนดูเหมือนจะสนใจชีวิตส่วนตัวของเขามากกว่างานของเขาเสียอีก (ช่วยไม่ได้ สมัยหนุ่มๆป๊าแกหล่อมากค่ะ ไม่เชื่อให้ย้อนไปดูภาพปก) เขาเลยหวังว่าชีวิตเขาจะเปลี่ยนไปหลังได้รางวัล
เมื่อความคาดหวังและความเป็นจริงไม่ไปทางเดียวกัน เขายิ่งดิ่งลงสู่ความมืดมิดในใจ แม้เขาจะพยายามไปรักษาแบบลับๆ ทั้งรับยา ทั้งชอตไฟฟ้า แต่ก็ไม่ได้ผล
หลายครั้งเขาหยิบปืนขึ้นมาเหม่อมอง พยายามเดินเข้าไปหาใบพัดเครื่องบิน แต่สุดท้ายจุดจบก็เป็นอย่างที่เราได้ประจักษ์กันค่ะ
แล้ว Hemingway curse มันคืออะไร? เราพบว่าเรื่องนี้มันไม่ได้จบแค่ที่รุ่นของป๊า รุ่นลูกรุ่นหลานของป๊าก็ประสบกับอาการโรคซึมเศร้า และบ้างก็ฆ่าตัวตายเช่นกัน จนหลานสาวคนหนึ่งถึงกับพูดว่า นี่มันเป็นคำสาปของตระกูลเฮมิงเวย์ หรือ “Hemingway curse” นั่นเอง
จากเรื่องราวทั้งสองด้านของเหรียญนี้ เราจะเห็นได้ว่า แนวการเขียนแบบป๊าเฮมิงเวย์ที่มักจะแสดงความแข็งแกร่ง สนับสนุนให้ผู้คนมีความกล้าหาญพร้อมผ่านอุปสรรค เอาชนะความกลัว แต่ในขณะเดียวกัน ก็ฉายให้เห็นภาพเบื้องหลังของการพยายามต่อสู้ของตัวเขาเองต่อความสับสน ความเศร้าและความกลัวที่เขามี และนั่นคือเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในสไตล์การเขียนที่กระชับและตรงไปตรงมาของเออร์เนสต์ เฮมิงเวย์
หากใครอยากรู้จักป๊ามากขึ้น สามารถลองอ่านผลงานของป๊า (ซึ่งส่วนใหญ่ก็เขียนเล่าประสบการณ์ชีวิตสุดผาดโผนของตัวเองอยู่แล้ว) โดยลองอ่านตามการแนะนำในลิ้งนี้ได้นะคะ https://reedsy.com/discovery/blog/ernest-hemingway-books หรือซึมซับเสน่ห์ในวัยหนุ่มของป๊ากับผองเพื่อนกันก่อนได้จาก A Moveable Feast ก็ได้ค่ะ เล่มเดียวอยู่
วันนี้เขียนยาวมากกกก ถ้าชอบ สามารถกดติดตามและมาพูดคุยกันใต้คอมเม้นได้นะคะ พบกันใหม่โพสหน้า สวัสดีค่ะ แปะลิ้งให้กดง่ายๆเลย https://www.blockdit.com/thatpersoninthepast
โฆษณา