5 ก.ย. 2021 เวลา 12:00 • กีฬา
ฝีมือที่ไม่มีใครเห็น น้ำตาแห่งความเจ็บปวดของ Isaiah Thomas
เขาทำได้ถึง 81 แต้ม ในลีกบาสกึ่งอาชีพซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีแต่จากนั้นก็เข้าไปร้องไห้ในห้องล็อกเกอร์โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าที่จริงมันคือน้ำตาที่ซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ในใจอยู่เสมอ
ทำทุกอย่างเพื่อให้สูง
ในปัจจุบัน ไอเซียห์ โธมัส (Isaiah Thomas) ถือว่าเป็นนักบาสอาชีพที่ตัวเล็กที่สุดใน NBA ที่ยังเล่นอยู่ แต่ด้วยขนาดตัวที่เขาเองเล่าว่า “ความสูงของผมก็ได้มาจากคุณปู่ที่สูง 5.9 ฟุต ครอบครัวของเราเป็นคนเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน ที่ไม่ได้ตัวสูง” คุณพ่อของไอเซียห์สูงแค่ 5.7 ฟุต หรือ 173 ซม. ส่วนคุณแม่ก็สูงเท่าคุณพ่อ ซึ่งมันทำให้เขารู้ว่าถ้าเขาโตไปก็อาจจะสูงไม่ถึง 180 ด้วยซ้ำ
ทำให้วัยเด็กเขาพยายามทำทุกอย่างเหมือนเด็กหลายคนที่อยากจะตัวสูงด้วยการออกกำลังภายในห้องใต้ถุนบ้านทั้งการโหนบาร์ ยกเวท และวิดพื้น หลังจากเลิกเรียน ซึ่งความชอบในเรื่องการออกกำลังกายของเขาก็ได้มาจากคุณพ่อ เจมส์ โธมัส ที่มีรูปร่างเหมือนเขาทุกประการ
กระทั่งเขามีอายุถึง 10 ขวบ คุณพ่อก็เริ่มพาเขาเข้ายิมซึ่งมีเครื่องออกกำลังกายมากกว่าและได้เริ่มเล่นบาสเกตบอล ซึ่งพ่อเขาของเขามักบอกเสมอว่า “อย่าไปยอมใครง่ายๆ” แต่ด้วยความที่ยังเด็กทำให้เขากล้าที่จะพูดจาท้าทายและเสียดสีผู้เล่นคนอื่นในยิมที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่จนถูกเตือนเรื่องการใช้คำและเกือบจะจบด้วยการมีเรื่องทุกครั้ง
.
ชอบโชว์เกมใหญ่
ก่อนที่จะเขาจะเล่นลีก ไอเซียห์เป็นนักบาสมัธยมที่โค้ชหลายคนมองว่าเป็นผู้เล่นที่ดักทางยาก ด้วยขนาดตัวที่เล็กกว่าใครในสนามทำให้เขามีความเร็วและหาพื้นที่ได้ดี แม้แต่โค้ชของเขา เองยังบอกว่า เขาเป็นชอบโชว์และการเล่นในตำแหน่งพอยต์การ์ดก็ทำให้เขาได้มีโอกาสแสดงฝีมือมากขึ้นในการเล่นกับทีมใหญ่หรือในเกมสำคัญ
ซึ่งมีอยู่เกมหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงว่าเป็นเกมที่ดีสุดในระดับมัธยมของเขาเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2006 ซึ่งเป็นเกมในรอบรองชนะเลิศ รายการชิงแชมป์รัฐวอชิงตัน ระหว่าง ทีมโรงเรียนเคอร์ติสของโธมัสพบกับทีมโรงเรียนแฟรงก์ลินซึ่งทีมเคอร์ติสแพ้ไป 76-80
แต่สิ่งที่ยังทำให้คนพูดถึงเกมนั้นอยู่ไม่ใช่ผลการแข่ง แต่เป็นฟอร์มของไอเซียห์ที่ทำคนเดียว 51 แต้ม เป็นสถิติของรายการและของโรงเรียนเคอร์ติส โดยเขาชู้ตลงไป 16-30 ครั้ง และถ้าบอกจะว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็อาจจะไม่ใช่เพราะเมื่อจบฤดูกาล ไอเซียห์มีค่าเฉลี่ยทำแต้มอยู่ที่ 40.5 แต้มต่อเกม
ภาพ seattletimes.com
เกมในวันนั้นถูกนำมาพูดถึงอีกครั้งในอีก 10 ปีต่อมา ผ่าน นสพ. The Seattle Times ที่ได้ย้อนไปสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง
ลินด์เซย์ เบมิส โค้ชของเคอร์ติส “เขาเป็นคนที่ชอบทำงานผลงานในเกมใหญ่ เขาดูมีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก แต่หลายๆ คนไม่ได้เรียกเขาแบบนั้นเพราะเขาพึ่ง 16 ทุกคนเลยคิดว่าเขาแค่โชว์ให้คนอื่นดูว่าเขาทำได้”
ซีค ฮิลล์ เพื่อนร่วมทีม “เขาเป็นคนที่ชอบทำอะไรแตกต่างจากคนอื่นเพราะอยากเด่นกว่า อย่างเช่น เสื้อแข่งและกางเกงของทีมเป็นสีน้ำเงิน ทุกคนเลยใส่ถุงเท้าและรองเท้าดำเพื่อให้ เข้ากับสีเสื้อ แต่ไม่ใช่เขาที่ใส่ทั้งถุงเท้าและรองเท้าแดงโดยไม่สนเลยว่าคนอื่นจะใส่สีอะไร เกมในวันนั้นผมไม่ได้สนอะไรมากแต่พอมาดูสกอร์บอร์ดตอนพักครึ่ง เขาทำไปแล้ว 32 แต้ม”
เจสัน เคอร์ โค้ชของแฟรงก์ลิน “แผนของเราคือ ปล่อยให้เขาถือบอลไป พอถึงจังหวะที่เขา จะวิ่งเข้าหาแป้น เซ็นเตอร์ฝั่งเราก็เข้าไปดักแต่เขารู้ทันและก้าวขาถอยไปอยู่หลังเส้น 3 แต้มแล้วชู้ตเลย”
.
ลบคำดูถูก
ผลงานในสนามของเขาดูดีสวนทางกับผลงานในห้องเรียน เกรดของเขาไม่ถึงเกณฑ์ที่จะได้รับทุนกีฬา ไอเซียห์ลาออกจากโรงเรียนเคอร์ติสในขณะอยู่เกรด 10 ย้ายไปเรียนต่อที่เซาธ์เคนต์ในคอนเนคติคัตจนจบเกรด 12 และนำผลการเรียนไปยื่นขอทุนกีฬา จนได้เข้าร่วมทีม Washington Huskies ของมหาวิทยาลัยวอชิงตันในปี 2008
ควินซี พอนเด็กซ์เตอร์ รุ่นพี่ในทีม เล่าว่า “ทุกคนในทีมเคยได้ยินข่าวว่าเขาชอบทำแต้มเยอะ แต่พอเราได้เห็นเขากับตาครั้งแรก ผมยังอุทานในใจเลยว่า ตัวเล็กแค่นี้เนี่ยนะ”
ไอเซียห์เป็นคนที่เข้ายิมบ่อยมากหลังจากเข้ามาเป็นนักกีฬาของทีมเพราะเขารู้ตัวว่ามีรูปร่างที่เสียเปรียบคนอื่นโดยเฉพาะความสูงที่ 5.8 ฟุต หรือ 176 ซม. แต่นั่นดูจะไม่เป็นอุปสรรคของ ไอเซียห์เพราะในเกมแรกที่เขาเล่นให้ Huskies พบกับ Western Washington ซึ่งเป็นเกมอุ่นเครื่อง เขาทำได้ 27 แต้ม สูงที่สุดในเกม และในเกมแรกอย่างเป็นทางการ เขาทำ 10 แต้ม ใน 15 นาที กับ Portland Pilots แม้จะอยู่ไม่จบเกมเพราะฟาวล์ครบจนถูกให้ออก
ภาพ seattletimes.com
ไอเซียห์ลบคำดูถูกตัวเขาได้ เขาพา Huskies ทำสถิติดีที่สุดของสาย Pac-10 โดยชนะ 26 แพ้ 9 ในปีแรกที่เล่น พร้อมคว้ารางวัล Pac-10 Freshman of the Year ด้วยผลงานส่วนตัวทำเฉลี่ย 15.5 แต้ม 3.0 รีบาวด์ 2.6 แอสซิสต์
ฟอร์มของเขาดีต่อเนื่องมาถึงปี 2 ในปี 2010 เขาทำแต้มได้ถึงหลักสิบใน 10 เกมติดกัน และในจำนวน 10 เกม เขาทำมากกว่า 20 แต้ม ไปแล้ว 6 เกม พร้อมกับชู้ต 3 แต้มลงไปทั้งหมด 65 ครั้ง และที่น่ายินดีที่สุดคือการพาทีม Huskies คว้าแชมป์สาย Pac-10 หลังเอาชนะ California Golden Bears 75-79 แต่มันไม่ใช่ครั้งเดียวเพราะอีกครั้งที่เขาทำได้มันคือ การยิง Game Winning ในเกมนัดชิงสาย Pac-10 ในฤดูกาลต่อมา ช่วยให้ Washington คว้าแชมสาย 2 ปีซ้อน ด้วยการเอาชนะ Arizona 77-75
.
ดราฟต์อันดับสุดท้าย
31 มีนาคม 2011 ไอเซียห์ประกาศว่าเป้าหมายต่อไปคือการเล่นในลีกด้วยลงดราฟต์ใน NBA เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้เพื่อนร่วมทีมและคนอื่นมาก เพราะหลายคนคิดว่ารูปร่างของเขาไม่เหมาะกับการเล่นอาชีพ เขาควรจะเล่นให้มหาลัยต่ออีกปีแล้วไปเลือก เส้นทางอื่นที่ไม่ใช่บาส แถมต่อให้ลงดราฟต์ไปจะมีทีมไหนกล้าเลือกเขา แต่เขาไม่สนเสียงวิจารณ์และคำเตือนของเพื่อนๆ เขามั่นใจว่าจะเลือกเส้นทางนี้
23 มิถุนายน 2011 ที่สนาม Prudential Center ซึ่งเป็นวันที่มีการดราฟต์ ตัวเต็งทุกคนอย่าง ไครี เออร์วิง, เดอร์ริก วิลเลียมส์, เอเนส คานเตอร์ และคนอื่นๆ ไปรอฟังผลอยู่ที่สนาม โดยโธมัสเล่าให้ The Undefeated ถึงวันนั้นว่า
“ผมนั่งดูการถ่ายทอดสดทางทีวีที่ยิมของ มหาวิทยาลัยกับเพื่อนทีมบาส ส่วนครอบครัวและเพื่อนคนอื่นไปรวมตัวกันรอฟังผลอยู่ที่ อพาร์ตเมนต์ของผม ผมพยายามไม่คิดเรื่องอื่นและรู้ว่าผมมีโอกาส 2 ครั้ง คือ ถ้าไม่ได้ในรอบ แรกก็ยังมีรอบสอง” ดราฟต์รอบแรกจบลงโดย Chicago Bulls เลือก “จิมมี่ บัตเลอร์” ในอันดับที่ 30
ดราฟต์รอบที่ 2 ดำเนินต่อมาโดยยังไม่มีทีมไหนประกาศเลือกเขาไป โธมัสคิดว่าการเดินทางของเขาคงจบลงแน่ เขาตัดสินใจขับรถกลับอพาร์ตเมนต์ แต่เมื่อถึงเขาได้รับสายจากเอเจนต์ ไบรอน เออร์วิน ที่บอกว่า “ไอเซียห์ ทีม Kings จะเลือกนายในอันดับสุดท้ายเลย” มันคือประโยคที่ทำให้เขามีความสุขและเมื่อเขาได้ฟังจากปากของ อดัม ซิลเวอร์ ที่ประกาศชื่อเขาผ่านหน้าจอทีวี การเดินทางของเขาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ภาพ theundefeated.com
.
โอกาสพิสูจน์
เมื่อเขาได้รับโอกาสให้พิสูจน์เขาทำผลงานส่วนตัวได้คงเส้นคงวาตลอดช่วง 3 ฤดูกาลแรกกับ Kings เขาทำ Double-Double ครั้งแรกในเกมกับ Cavaliers ด้วยจำนวน 23 แต้ม 11 แอสซิสต์ อีกทั้งยังคว้ารางวัล Rookie of the Month เดือนกุมภาพันธ์ 2012 หลังมีคาเฉลี่ย 12.2 แต้ม กับ 4.4 แอสซิสต์ ต่อเกม ทำให้เขาเป็นดราฟต์อันดับสุดท้ายคนแรกที่คว้ารางวัลได้และยังคว้าได้อีกในเดือนมีนาคมต่อมาจนติดทีมรวม All-Rookie ทีมที่สอง หลังจบฤดูกาลแรก
ไอเซียห์ทำผลงานได้ดีที่สุดในปีสุดท้ายที่เล่นให้ Kings เขาทำเฉลี่ย 20.3 แต้ม 2.9 รีบาวด์ 6.3 แอสซิสต์ ต่อเกม แต่เนื่องจากตลอดเวลาที่อยู่กับทีม Kings เป็นแค่ทีมท้ายตารางที่ไม่มีลุ้น แม้แต่จะเข้า Playoffs
ในปี 2014 ที่เขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยม Pizza Guys เชนร้านพิซซ่าในเมืองซาคราเมนโตได้เลือกเขาเป็นพรีเซนเตอร์ร้านจนทำให้เขามีชื่อเรียกว่า “Pizza Guys”
หลังจบปี 2014 ไอเซียห์กลายเป็น Free Agent เขาย้ายไปอยู่ Phoenix Suns ด้วยสัญญาใหม่ 4 ปี 27 ล้านเหรียญ แต่โชคไม่ดีเขาเกิดอาการเจ็บข้อมือในแคมป์ซ้อมทำให้เขาต้องเข้าผ่าตัด บวกกับช่วงที่เขาอยู่กับ Suns ทีมมีปัญหาหลักจากการพึ่งผู้เล่นตำแหน่งการ์ดมากเกินไป
ซึ่งผู้จัดการทีม ไรอัน แมคโดนาฟ ก็ออกมายืนยันเรื่องนี้ว่า “ผมคิดว่าตัวผู้เล่นของทีมขาดสมดุลบางอย่างไป พวกเราพึ่งการ์ดมากเกินไป ผมคิดว่าเมื่อถึงบางช่วง เราอาจจะต้องปรับสมดุลผู้เล่นในทีมให้ตำแหน่งฟอร์เวิร์ดช่วยทำแต้ม และเก็บรีบาวด์ให้มากขึ้น”
ในขณะเดียวกันก็มีข่าวว่า ไอเซียห์ไม่พอใจและแยกทางเอเจนต์ส่วนตัว แอนดี มิลเลอร์ ที่เลือกให้เขามาอยู่กับ Suns เพราะเขาต้องการลงเล่นเป็นตัวจริงแบบที่เคยตอนอยู่ Kings แต่ที่นี่เขาได้ลงตัวจริงเพียงเกมเดียวจาก 46 เกม เพราะทีมมีผู้เล่นที่ตัวจริงอยู่แล้วทั้ง เอริก เบลดโซ สองพี่น้อง มาร์คัส และ มาร์คีฟฟ์ มอร์ริส รวมถึง กอแรน ดราจิก ทำให้เขาติดต่อไปหา ไรอัน แมคโดนาฟ ว่าต้องการย้ายทีม
.
กำลังหลักของ Celtics
ในตอนนั้นทีมที่สนใจตัวเขาอยู่คือ Boston Celtics โดย แดนนี เอนจ์ ผู้จัดการของ Celtics เผยว่า “ที่จริงเราสนใจตัวไอเซียห์ตั้งแต่อยู่กับ Kings เราเป็นทีมแรกๆ ที่โทรหาเอเจนต์ของเขาเพื่ออยากได้ตัวหลังจากที่เขาหมดสัญญา แม้ว่าเขาจะเลือกไปอยู่กับ Suns แต่ตอนนี้ถ้า Suns อยากปล่อยตัวเขา ทางเราก็พร้อมที่คว้าเขาร่วมทีม ไอเซียห์เป็นผู้เล่นที่สามารถสร้างเกมและทำแต้มได้ หากเราได้ตัวเขามาจับคู่กับ มาร์คัส สมาร์ต และ เอฟรี่ แบรดลี จะเป็นเรื่องที่ดีมาก”
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2015 ไอเซียห์ โธมัส ถูกเทรดไป Boston Celtics และมีโอกาสจะลงเล่นเกมที่เหลืออีก 21 เกม เขาก็ต้องพักยาวเนื่องจากมีอาการเจ็บหลังช่วงล่าง ทุกอย่างกลับมาเข้าที่ในฤดูกาล 2015/16 ไอเซียห์ได้ลงเล่นครบ 82 เกม และลงเป็นตัวจริง 79 เกม ซึ่งเขาตอบแทนด้วยแต้มเฉลี่ยสูงถึง 22.2 เป็น Career-High ซึ่งทำให้เขาถูกส่งชื่อเข้าร่วม Skill Challenge และยังทำให้ได้รับคะแนนโหวตเพียงพอติดทีม All-Star ครั้งแรกในฐานะตัวสำรอง
Celtics ที่นำโดยไอเซียห์บวกกับขุมกำลังทีมซึ่งมีทั้ง เอฟรี่ แบรดลี, แจ ครอว์เดอร์, อีวาน เทอร์เนอร์ และ เคลลี โอลีนิก ที่แม้จะมีผลงานช่วงครึ่งฤดูกาลแรกไม่สวยนัก ทีมชนะ 22 แพ้ 19 แต่พวกเขากลับมาเข้าฟอร์มในครึ่งฤดูกาลหลังและจบซีซันใันอันดับ 5 ของสายด้วยสถิติชนะ 48 แพ้ 34 แต่ไปแพ้ให้ Atlanta Hawks ใน Playoffs รอบแรก 4-2 เกม
ส่วนตัวไอเซียห์กลับทำผลงานได้ที่สุดในปี 2016-17 ใน 21 เกมแรกของซีซัน เขาทำได้มากกว่า 20 แต้ม ไปถึง 20 เกม ทีมชนะ 12 แพ้ 9 และในฤดูกาลนั้นหนึ่งในเกมที่ทำให้ชาวเมืองบอสตันจะมีความสุขมากที่สุดและตัวไอเซียห์จะไม่มีทางลืมก็เกิดขึ้นในคืนวันส่งท้ายปีเก่าของปี 2016
Boston Celtics เปิดบ้านพบ Miami Heat เขาทำคนเดียวไป 52 แต้ม เป็น Career-High ชู้ต 15-26 ลูก โดยจาก 15 ลูกที่ชู้ตลงเป็นชู้ต 3 แต้มลงไป 9 ลูก ปิดด้วยฟรีโธว์ที่ชู้ตลงทั้งหมด 13 ลูก ทำให้ Celtics เอาชนะไป 117-114 และช่วยให้เขาติดทีม All-Star เป็นปีที่สองติดกัน พร้อมกับพาทีมเข้ารอบ Playoffs
.
คำโกหกเปลี่ยนชีวิต
Celtics ทำผลงานใน Playoffs ได้ดี โดยผ่านเข้าไปถึงรอบชิงแชมป์สายพบกับ Cavaliers แต่ก็เกิดเหตุไม่ดีในระหว่างเกมที่ 2 ของรอบ โธมัสเจอกับอาการเจ็บที่สะโพกหลังจากปะทะกับ เควิน เลิฟ ซึ่งทำให้เขาอดช่วยทีมต่อตลอดตารางแข่งที่เหลือและมีส่วนให้ทีมแพ้ Cavaliars ยุติเส้นทางเอาไว้แค่รอบชิงแชมป์สาย ภายหลังเข้ารับการตรวจแพทย์ประจำทีมระบุว่า โธมัสมีการเจ็บสะโพกทั่วไป
และหลังจบฤดูกาล 2016-17 ก็มีข่าวว่า ไครี เออร์วิง การ์ดของ Cleveland Cavaliers อยากย้ายออกจากทีมเพราะเจ้าตัวไม่ต้องการจะเล่นคู่กับ เลบรอน เจมส์ อีกต่อไป Celtics ที่ทราบเรื่องนั้นพร้อมจะคว้าตัว ไครี มาร่วมทีมทันทีเพื่อหวังจะให้เขาเป็นตัวหลักคนใหม่ แดนนี เอนจ์ ตัดสินใจเทรดผู้เล่น 3 คนไป Cavaliers เพื่อคว้าตัว ไครี ประกอบด้วย แจ ครอว์เดอร์, แอนตี ซีซิค และ ไอเซียห์ โธมัส แต่เพราะอาการเจ็บสะโพกที่ทำให้นักข่าวต้องถาม แดนนี เอนจ์ และเขาตอบกลับว่า “อาการเจ็บของโธมัสสามารถหายเองได้ ไม่ได้หนักถึงขั้นต้องผ่าตัด”
ภาพ sbnation.com
โธมัสเข้ารับการตรวจร่างกายที่คลีฟแลนด์ตามขั้นตอนการย้ายทีม เขาก็ต้องเจอเรื่องที่ผิดคาด หลังจากทีมแพทย์ของ Cavaliers ระบุว่า อาการเจ็บสะโพกของเขาคือ เส้นเอ็นเบ้ากระดูกเชิงกรานฉีก ต้องเข้ารับการผ่าตัดให้หายเท่านั้น ซึ่งตรงข้ามกับคำพูดของ เอนจ์ และเกือบจะทำให้ดีลการย้ายทีมล่มเพราะผู้เล่นจะไม่สามารถย้ายทีมได้ถ้าหากยังมีอาการเจ็บติดตัว Celtics จึงแก้ปัญหาด้วยส่งสิทธิ์ดราฟต์รอบแรกปี 2018 มาเพิ่มเพื่อให้ดีลบรรลุไปได้
การกระทำนี้ทำให้โธมัสไม่พอใจผู้บริหารของ Celtics ที่ทำเหมือนไม่สนใจอะไรเขาเลย โดยเผยในพอดแคสต์ All The Smoke ว่า “สิ่งเดียวที่ทำให้ผมคิดว่าพวกเขาทำผิดคือ การไม่ยอมบอกผมเลยว่าอาการเจ็บของผมจะเป็นอย่างไรถ้ายังเล่นต่อ ถ้าคุณบอกผมว่ามัน เป็นแค่การเจ็บสะโพกเล็กๆ พักไม่กี่วันก็หาย ผมก็คงเล่นเต็มที่ ผมสูงแค่ 5 ฟุตกว่าๆ ถ้าผมไม่ได้เล่นพวกเขาก็คงลืมผมแล้ว”
.
แค่อยากเป็นที่ต้องการ
ในตอนนั้นแม้โธมัสจะได้ย้ายมาอยู่ Cavaliers ทีมเต็งแชมป์ แต่สถานการณ์ของเขาไม่ดีเลย เขาต้องทำกายภาพบำบัดเพื่อรักษาอาการเจ็บแทนซึ่งนั่นตัดโอกาสที่เขาจะได้กลับมาเล่นได้ดี เหมือนเดิมและที่สำคัญเขาก็ไม่ได้อยู่ในแผนทำทีม โธมัสเล่นให้ Cavaliers ไป 15 เกม ทำเฉลี่ย 14.7 แต้ม
ก็ถูกเทรดต่อไปให้ Lakers ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2018 และได้ลงเล่นอีก 17 เกม ก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดสะโพกในวันที่ 29 มีนาคม ซึ่งต้องใช้เวลาพักฟื้นถึง 4 เดือน แน่นอนว่าเส้นทางอาชีพของเขาแทบจะจบไปแล้วหลังย้ายออกจาก Boston
หลังรักษาอาการเจ็บหาย โธมัสย้ายไปเล่นให้ทั้ง Denver Nuggets และ Washington Wizards ที่คว้าตัวเขาเข้าทีมด้วยสัญญาขั้นต่ำ 1 ปี แต่สุดท้ายเขาถูก Nuggets ยกเลิกสัญญาในปี 2018 เพราะไม่สามารถปรับต้วเข้ากับระบบทีมได้และในปี 2019 เขาถูก Wizards เทรดไปให้ Clippers ก่อนจะถูกยกเลิกสัญญา ซึ่งรวมถึง New Orleans Pelican ที่ให้สัญญาระยะสั้น 10 วัน กับเขาในฤดูกาล 2020-21 ที่ผ่านมา
ภาพ golfdigest.com
เขาไม่ได้เป็นที่ต้องการของทีมไหนหรือจะไปเบียดแย่งสัญญา 1 ปี กับใครอีกแล้ว ทำให้ช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเขาลงเล่นใน TheCrawsOver Pro-Am League ลีกกึ่งอาชีพที่จะจัดช่วงปิดฤดูกาลและด้วยประสบการณ์จากลีกอาชีพทำให้เขามีทักษะเหนือผู้เล่นคนอื่น เขาทำได้ 40 แต้มในครึ่งแรกซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากในลีกใหญ่และทำอีก 41 แต้มในครึ่งหลัง
เขารู้ดีว่า 81 แต้ม ที่ทำได้ชวนให้นึกถึง โคบี ไบรอันต์ ตำนานผู้ล่วงลับที่เคยทำได้ 81 แต้ม แม้เขาจะไม่ได้มีชื่อเสียงหรือประสบความสำเร็จเท่าโคบี แต่สำหรับเขามันเป็นการบอกว่าเขาพร้อมเสมอที่จะกลับมาเล่น หลังจบเกมเขาเข้าไปห้องล็อกเกอร์และนั่งพิงกำแพงร้องไห้ มันคือน้ำตาที่เต็มไปด้วยความยินดีและเจ็บปวดในคราเดียวที่ทำให้เขาหวังว่าจะมีทีมไหนบ้างที่จะให้โอกาสการ์ดสูง 5 ฟุต 9 คนนี้แสดงฝีมืออีกครั้ง
โฆษณา