โค้ช
.
.
มีหลายคนมาถามว่า โค้ช ต่างกับนักพูดตรงไหน ต่างกับครูตรงไหน
.
คุณเคยเห็นโค้ชฟุตบอลไม๊
หรือเคยเห็นโค้ชกีฬาพวกกอล์ฟ ว่ายน้ำไม๊คะ
.
คนเป็นคนโค้ช ต้องใช้เวลาอยู่กับคนที่โค้ชนานพอ
ที่จะเห็นพฤติกรรม นิสัย ของคนที่เราโค้ช
ว่า ทำไม คนๆนี้ จึงเป็นแบบนี้
ความเชื่อ ความคิด ความรู้สึก ขับเคลื่อนพฤติกรรม การกระทำ
ทำซ้ำ จนกลายเป็นนิสัย สันดาน
.
คนเป็นโค้ช ต้องเข้าใจปัจจัยแวดล้อมของคนๆนั้น
ว่า เค้าอยู่กับพ่อแม่แบบไหน คนรอบข้างเป็นแบบไหน
ทุกสิ่งล้วนส่งผลต่อความเชื่อ ความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมทั้งสิ้น
.
คนเป็นโค้ชจึงต้องมีทักษะการ "กรอง" คน
คนแต่ละประเภท และแต่ละประเภท ขับเคลื่อนด้วยนิสัยแบบไหน
ผสมปนเปกับ พื้นฐานที่กล่าวมาแล้ว
ทำให้เกิดผลลัพธ์ในชีวิตที่ต่างกัน
.
คนเป็นโค้ช ศึกษาคนที่เราโค้ชอย่างลึกซึ้ง
ไม่ใช่เพื่อ "เสือก" หรือ "สอดรู้สอดเห็น"
ไม่ใช่เพื่อ "ตัดสิน" ว่าเค้าเป็นคนแบบไหน
.
แต่เรามอง เพื่อจะดูว่า คนๆนั้น จะมีความเป็นไปได้อย่างไร
เราจะพัฒนาเค้าจากจุดไหนก่อน
.
คนเป็น "โค้ช" เหมือนช่างแกะสลักเจียระไน
เราต้องใช้เวลา ทักษะและประสบการณ์
ในการมองหินก้อนนั้น ให้เห็นเพชรแท้ในตัวของเค้า
ออกแบบ เจียระไน ใ้ห้เค้าเป็นเพชรที่สวยงามในแบบของเค้าเอง
และโค้ช ต้องมีทักษะและฝีมือพอ ที่จะเจียระไนออกมาให้งดงามตามที่ฝัน
.
ถ้าถามหุย
การเป็นโค้ช เราต้องอยู่กับคนๆนั้นมากพอ
เราต้องรู้จักคนๆนั้นนานพอ
เราต้องมีทักษะการดูประเภทคน และ เข้าใจคนมากพอ
ที่จะแยกแยะได้ว่า ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของเค้าคืออะไร
.
ต้องมีทักษะการสื่อสารในการให้กำลังใจ
เพราะทุกขั้นตอนของการเจียระไน ย่อมเจ็บปวดและเหนื่อยล้า
แต่ต้องพาให้ฝ่าฟันไป พาทำให้เกิดทักษะใหม่
พาสร้างนิสัยใหม่ ที่พาเค้าออกจากหลุมดำเดิมๆ
ต้องมีทักษะการสอน และพาทำ
สอนให้เค้าเป็นในสิ่งที่เค้าควรเป็น
ทำในสิ่งที่เค้าควรทำ
.
ดังนั้น โค้ชที่มีในท้องตลาดตอนนี้ หายากมากค่ะ
นักพูด มีเยอะ
กูรู มีเยอะ
สอนให้คนรู้...มีเยอะ
แต่สอนให้ทำได้จริงๆ หาตัวยากค่ะ
แม้แต่สร้างผลลัพธ์ในชีวิตตัวเองยังไม่ได้เลย
.
ไม่ใช่เค้าไม่เก่ง
แต่...อาชีพโค้ช แม้แต่คนเป็นโค้ช ยังไม่รู้จักมันจริงๆเลย
ใช้เวลาสอนที เป็นสิบเป็นร้อยในเวลาไม่กี่วัน
เวลาจะสังเคราะห์คนๆนึงยังไม่ได้เลย
ไปเรียนแบบนี้ เรียกว่า ไปฟังเอาความรู้นะคะ
.
แต่จะโค้ชกันจริงๆ ต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ เป็นปีๆ
และต้อง โฟกัสกันจริงจัง
การโค้ชให้เกิดผลลัพธ์จริงๆ ใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน
ในการพัฒนาสร้างแค่ 1-2 นิสัย เบื้องต้น
แต่นิสัยนี้แหล่ะ ที่จะสร้างผลลัพธ์ในระยะยาว
ดังนั้น การโค้ข ไม่ได้ราคาถูกได้
เพราะใช้เวลาและพลังงานเยอะมาก
ต่างจากการ เป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำ
แบบนี้ ทำงานแป๊บเดียว
ไม่การันตีผลลัพธ์ ทำงานง่ายกว่าเยอะ
.
หุยถึงบอกว่า หุยเป็นโค้ชของลูกตัวเอง 555
เพราะเราใกล้ชิดลูกที่สุด
.
การเป็นโค้ชธุรกิจ
มันยากกว่านั้น
เพราะ เราต้องมองเห็นภาพ พฤติกรรม ความคิด ความเชื่อ ของคนทั้งองค์กร
เราต้องสแกนจากปัญหาขององค์กรที่พันกันหลายปม
ต้องมองลึกลงมาที่ "ราก"
แยกปมออกทีละปม ออกจากสิ่งที่พันกัน
แล้ว ต้องให้ทุกคนเห็นภาพเดียวกัน
.
ถ้าจมอยู่กับสิ่งเดิมๆ องค์กรจะเป็นอย่างไร
และถ้าแก้ จะเกิดอะไรขึ้น
และพาปรับพฤติกรรมทั้งองค์กร
.
คนร้อยพ่อพันแม่ หลากหลาย Background
สนุกสนานค่ะ ชะตากรรมพามาทำงานด้วยกัน
แต่เป็นงานที่ใช้ทักษะอีกระดับนึง
นอกจากทักษะคน แล้วยังมีทักษะธุรกิจอีก
.
เห็นโค้ชหลายคน เบนเข็มมาโค้ชธุรกิจ
หลายคน ยังไม่รู้จัก คำว่า "ธุรกิจ"เลย
เรื่องคนก็ยังดูไม่เป็น ไม่เข้าใจว่า เค้าทำแบบนี้เพราะอะไร
จะพัฒนาคนอย่างไรให้ดีขึ้น นอกจากไล่ออก
.
เอาเคสต่างชาติมาเล่า
แต่บริบทขององค์กร ยังไม่รู้เลยว่า เค้าขาดอะไร
แค่กลยุทธ์ที่ก้อปมา แต่ขาด Mindset และทักษะ
อะไรก็ไม่เกิด
.
สิ่งนึงที่สำคัญและหุยเรียนรู้
คือ เราไม่ใช่โค้ชของทุกคน
.
การโค้ชคน...ต้องใช้พลังสูงมาก
เราต้องฝ่าแรงต้านเยอะมาก
จึงต้องเลือกคนที่รับการโค้ชชิ่งได้เท่านั้น
อย่ารดน้ำบนตอไม้ที่ตายแล้ว
เพราะเปลืองแรงและทรัพยากร
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
