4 ก.ย. 2021 เวลา 07:45 • คริปโทเคอร์เรนซี
Chialisp คืออะไร?
โดยปกติเวลาโอนเงินระหว่างกันมันก็แค่ฉันโอนเงินให้แก แกทอนให้เงินฉัน … มันก็น่าจะมีแค่นี้น่ะไม่น่ามีอะไรซับซ้อน ... แล้วทำไมต้องมี chialisp …. มันคืออะไรเอาไปใช้ยังไงได้บ้าง ... หลังจากที่ผมได้ศึกษามาสักระยะเลยอยากมาแชร์ความรู้กันครับ …
ก่อนอื่นบทความนี้เป็นความเข้าใจจากการศึกษาด้วยตัวของผมเอง .. อาจจะมีจุดผิดหรือความคลาดเคลื่อนใดๆ .. ถ้ามีผู้รู้มาช่วยชี้แจ้งจะขอบคุณมากๆ ครับ …
ผมขอใช้รูปที่ทาง chia dev ใช้อธิบายความแตกต่างระหว่าง “Account model” กับ
“Coin Set Model” มาประกอบการอธิบาย
ภาพเปรียบเทียบระหว่าง Account Model กับ Coin Set Model ที่ Chia dev นำมาอธิบาย
เรามารู้จัก Account Model ก่อน … account model ก็คือ model ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันกับระบบบัญชีที่ 1 transaction จะมีแค่ รายรับ หรือ รายจ่าย แล้วก็ยอด balance นึกถึงบัญชีธนาคารน่ะครับ สมมุติเราไปที่ธนาคารเพื่อซื้อสลากออมสินจำนวน 2,000 บาท … เรามีเงินสด 1,500 บาทและเงินในบัญชี 500 บาท … เมื่อเราไปถึงธนาคารเราก็ต้องถอนเงิน 500บาทก่อนจึงจะสามารถซื้อสลากออมสินได้ … ดังนั้นบัญชีเงินสดของเราจึงเกิด transaction ทั้งหมด 2 transaction คือรายรับ 500 บาทและรายจ่าย 2,000 บาท … อันนี้ไม่งงน่ะครับ
แต่ Coin set model จะทำ transaction ไม่เหมือนแบบ Account Model ... เรามาดูตัวอย่างจากรูปกัน โดยเริ่มต้นจาก state n … ดูรูปประกอบคำอธิบาย
ณ state n …. Account A มี coin ที่ unspent อยู่ 20 unit …
unspent หรือภาษา account model คือยอด balance นั้นเอง
ตัวเลข n หมายถึงตัวเลขใดๆ ก็ได้… เนื่องจากเราไม่ได้อยากรู้ว่าเงิน 20 unit มีที่มาจากไหน … เราจึงตั้งต้นที่ ณ state นี้และเรียกว่าลำดับที่ n
ณ state (n+1) หรือลำดับที่ n+1 …. Account A โอนเงินไปให้ Account B จำนวน 8 unit … coin unspent ของ Account A จึงเหลือ 12 และ blockchain จะสร้าง coin ใหม่ให้ Account B โดยมี unspent เหลือ 8 unit … ณ ตอนนี้จะมี state เกิดขึ้น 2 state แล้วน่ะครับคือ state ที่ n+1 ของ Account A และ state ที่ 1 ของ Account B ที่ได้รับเงินมาจาก Account A …
จนถึงตรงนี้ยังไม่ งง น่ะ …
ต่อไป ณ state (n+2) Account A โอนเงินไปให้ Account B อีก 2 unit ดัง
นั้น coin ของ Account A จึงเหลือ unspent เท่ากับ 10 ….. highlight อยู่ที่ Account B … Account B จะมี coin เพิ่มมาอีก 1 coin … blockchain ไม่ได้เอาเงินจำนวน 2 unit ไปรวมกันกับ coin ที่ 1 ของ Account B น่ะครับ … ดูรูปประกอบที่ state (n+2) จะเห็นว่า Account B มี coin ทั้งหมด 2 อันคือ unspent 8 unit กับ unspent 2 unit …. แต่ coin ของ Account A ยังมีแค่ 1 coin เหมือนเดิม
ถ้ายังไม่เข้าใจอย่าเพิ่งไปดู state (n+3) เพราะจะยิ่ง งง เข้าไปอีก 5555 .. ลองย้อนอ่านอีกสักรอบน่ะครับ
ถ้าเข้าใจแล้ว … มาดูที่ state (n+3) … ณ ตอนนี้ chialisp จะเข้ามามีบทบาทแล้วครับ … เงื่อนไขคือว่า Account A จะโอนเงินไปให้ Account C จำนวน 5 unit แต่จะโอนก็ต่อเมื่อ Account B โอนเงินมาให้ Account A จำนวน 1 unit ก่อน …
ถ้า Account B ยังไม่โอนเงิน … แต่ Account A ใช้เงินไปอย่างอื่นจนเงิน unspent เหลือ 1 unit … เมื่อ Account B โอนเงินมาให้ Account A จำนวน 1 unit ตามเงื่อนไขที่ระบุ แต่ Account A ไม่สามารถโอนเงินได้แล้วเพราะเงินเหลือไม่พอ … ที่นี้จะยุ่งแล้วล่ะครับเพราะ transaction ระหว่าง B->A->C ต้องยกเลิกทั้งหมด … ซึ่ง Account A ก็แค่โอนเงินคืนกลับไปให้ Account B จำนวน 1 unit ก็ถือว่าเป็นการยกเลิกได้เหมือนกัน … แต่ถ้าเงื่อนไขที่ซับซ้อนกว่านั้นหรือ Account A ชักดาบไม่ยอมโอนเงินคืนล่ะ … อืมมมม มันคงวุ่นวายน่าดู
chialisp จึงเข้ามามีบทบาทโดยที่ state (n+3) Account A ทำการสร้าง colored coin ที่มีจำนวน 5 unit และเขียน chialisp ลงไปใน coin ว่าจะโอนเงินไปให้ Account C ทั้งหมดใน colored coin แต่จะโอนก็ต่อเมื่อ Account B โอนเงินมาให้ จำนวน 1 unit ก่อนน่ะ … ดังนั้นในระหว่างที่รอ Account B โอนเงิน … เงินของ Account A จำนวน 5 unit ก็โดน lock เรียบร้อย โดยถือว่าเป็น uncompleted transaction … เมื่อ Account B โอนเงินจำนวน 1 unit มาให้ Account A … chialisp ก็จะ execute การโอนเงินไปให้ Account C ทันที …
จุดสำคัญที่ state (n+3) ที่เราควรจะ focus
1) ใน 1 state สามารถมีได้มากกว่า 1 transaction … จากตัวอย่างของ state (n+3) มี transaction เกิดขึ้นทั้งหมด 2 transaction ใน 1 state … application ที่สามารถใช้แบบนี้ได้เช่น การซื้อขายที่ดิน … ผู้ขายที่ดินสร้าง colored coin ที่จะโอนเงิน 1) ค่าภาษีที่ดินให้กับกรมที่ดิน 2) ค่าภาษีที่ต้องจ่ายสรรพกร 3) ค่าอากรสแตมป์ 4) ค่านายหน้า … โดยเงินจะโอนทั้งหมดทันที่เมื่อผู้ซื้อโอนเงินมาให้ .. จึงเป็นการประหยัดเวลามาก
2) สังเกตที่ coin ของ Account B จะเห็นว่าเมื่อมีการ spend เงินจำนวน 1 unit … coin ของ Account B ได้ถูกนำมารวมกันทำให้เหลือเพียง coin เดียวเท่านั้นที่มี unspent จำนวน 9 unit … และ coin ของ Account A ก็มีทั้งหมด 2 coin เหมือน state (n+1) ของ Account B
นอกจากตัวอย่างในรูปที่แนบมาแล้ว … chialisp ยังมีประโยชน์มากกว่านี้โดยเฉพาะการเล่นกับ NTF … ยกตัวอย่างตั๋ว concert .. ผู้จัดงานทำการ melt 1 mojo เพื่อสร้าง NTF ที่เป็นตั๋ว concert เพื่อรอนำไปจัดจำหน่าย … โดยใน NTF สามารถใส่รายละเอียดของนักร้องที่ทำมาเพื่อเฉพาะผู้ชมที่ซื้อตั๋วนั้นๆ … เช่นคลิปสั้นๆ ที่นักร้องพูดถึงเจ้าของตั๋ว …. แน่นอนถ้าใครได้เป็นเจ้าของตั๋วอันนั้นมันเป็นอะไรที่ exclusive มากๆ …
ก็อยู่ที่ application แล้วล่ะครับว่าจะจิตนาการการนำไปใช้ได้มากขนาดไหน
เอาล่ะครับจนถึงตรงนี้ผมคิดว่าเราน่าจะเข้าใจ concept ของ coin model รวมถึง chialisp ว่าสามารถเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง … ผมคิดว่านี้เป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ล้ำมากๆ ในโลกการเงิน จากที่เคยใช้ Account Model ในการทำ transaction มาเป็น coin model …. แต่แน่นอนถ้ามันล้ำขนาดนี้ … ถ้าได้เกิดก็เกิดแบบก้าวกระโดดไปเลย … แต่ถ้าไม่ได้เกิดเพราะมันยุ่งยากเกินไป .. มันก็ดับเลยเหมือนกัน … หน้าที่เราคือจับตาดูครับ … สำหรับน้องนักศึกษา … สามารถศึกษา chialisp ได้เลย …. คหสต .. มีหลายองค์กรที่ไม่จำเป็นต้องเป็นภาคการเงินเอา chialisp ไปใช้แน่ๆ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม … happy farming ครับ
โฆษณา