4 ก.ย. 2021 เวลา 10:10 • หุ้น & เศรษฐกิจ
การลงทุนในหุ้นปันผล
ทุกครั้งที่ถึงเดือนกันยายนนักลงทุนหุ้นหลายๆ คนคงจะมีความสุขเพราะจะได้เงินปันผลที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่จะจ่ายออกมาในเดือนนี้ ซึ่งเป็นเงินปันผลที่มาจากกำไรบางส่วนในรอบ 6 เดือนแรกของปี
สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ลงทุนในหุ้น และสนใจจะลงทุนหุ้นเพื่อให้ได้ปันผลบ้าง ในบทความนี้ผมจะนำเสนอเรื่องหุ้นปันผลนะครับ
- การลงทุนในหุ้นนั้น นักลงทุนทราบกันดีกว่าเราสามารถหากำไรได้ 2 แบบ คือ -
1. กำไรในรูปของเงินปันผล
2. กำไรในรูปของการขายเอากำไรส่วนต่างราคา
*ในที่นี้ผมจะเน้นไปที่กำไรในรูปของเงินปันผลนะครับ*
- หุ้นปันผล คืออะไร -
ผมขอให้คำนิยามของ หุ้นปันผล ไว้ดังนี้นะครับ คือ หุ้นที่มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งสามารถจ่ายปันผลออกมาให้ผู้ถือหุ้นได้สม่ำเสมอ โดยอัตราการจ่ายปันผลเมื่อเทียบกับราคาที่เราจะเข้าซื้อ ควรอยู่ที่ 4 – 5 เปอร์เซ็นต์ ครับ
- หลักการเลือกหุ้นปันผล -
1. เลือกบริษัทที่ดีอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีอนาคต มีรายได้โตกำไรโต หนี้น้อย
เพราะว่าเราจะมีโอกาสได้ปันผลที่สม่ำเสมอและเพิ่มขึ้น เช่น บริษัท A 2 ปีก่อน จ่ายปันผล 1 บาทต่อหุ้น, ปีก่อนจ่ายปันผล 1.10 บาทต่อหุ้น, ปีนี้ จ่ายปันผล 1.21 บาทต่อหุ้น แบบนี้ถือว่าน่าสนใจครับเพราะมีการจ่ายปันผลในอัตราที่เพิ่มขึ้นด้วย
2. ความสม่ำเสมอของการจ่ายปันผล
เรื่องนี้ก็สำคัญครับเพราะถ้าบริษัทที่เราลงทุนมีการจ่ายปันผลบางปีและบางปีก็ไม่จ่ายแบบนี้ก็ควรหลีกเลี่ยงที่จะลงทุนครับ โดยเฉพาะเมื่อไปตรวจสอบที่งบการเงินแล้วมีการขาดทุน ยิ่งชัดเลยว่าลงทุนไปก็มีแนวโน้มที่จะไม่ได้เงินปันผลสม่ำเสมอครับ เราเข้าไปดูประวัติการจ่ายปันผลได้ที่ www.settrade.com ครับ
3. นโยบายการจ่ายปันผลของบริษัท
เราจะรู้ได้ว่าแนวโน้มที่เราได้เงินปันผลจะเป็นเท่าไรก็จากส่วนนี้ครับ เช่น บางบริษัทมีนโยบายว่า ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และหลังหักสำรองตามกฎหมาย (โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติม) สมมุติว่า เราคาดว่า บริษัท A มีกำไรสุทธิต่อปีที่ 2 บาท เราก็น่าจะได้เงินปันผลที่ประมาณ 1 บาทครับ
4. ราคาที่เข้าซื้อ
แม้ว่าหุ้นที่เราสนใจจะซื้อเพื่อหวังเงินปันผลจะมีคุณสมบัติที่ดีทุกข้อแล้ว แต่หากซื้อที่ราคาแพงเกินไปก็ทำให้เราได้เงินปันผลที่น้อยได้ครับ เช่น หุ้น A ที่เราคาดว่าปีนี้จะจ่ายปันผลที่ 1 บาท โดยเราหวังปันผลที่ 5 เปอร์เซ็นต์ (หลังหักภาษี 10 เปอร์เซ็นต์) แบบนี้เราก็ควรซื้อที่ราคาไม่เกิน 18 บาท เป็นต้นครับ แต่ถ้าราคาหุ้น A ขึ้นไปที่ 50 บาท แล้วเราซื้อ เราก็จะได้ปันผลแค่ 1.8 เปอร์เซ็นต์ (หลังหักภาษี 10 เปอร์เซ็นต์) นะครับ
*คำเตือน ให้ระวังหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูงเป็นครั้งคราวนะครับ เพราะบางครั้งไม่ใช่ว่าเราจะได้ปันผลในจำนวนเงินสูงๆ แบบนั้นบ่อยๆ เพราะอาจเป็นปันผลที่มาจากกำไรที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำของบริษัทครับ เช่น จากการขายที่ดิน, จากการควบรวมกิจการ เป็นต้น*
การลงทุนในหุ้นปันผลนั้นทำให้เราได้มีกระแสเงินสดเข้ามาระหว่างทางที่ถือหุ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการลงทุนนอกจากการสร้างพอร์ตโดยวิธีการทำกำไรด้วยกำไรส่วนต่างราคา เมื่อได้เงินปันผลมาแล้วเราก็สามารถเอาไปซื้อหุ้นเพิ่ม เพื่อสร้างพอร์ตให้เติบโตขึ้นได้เช่นกันครับ หรือใครอยากจะเก็บเงินปันผลไว้เป็นเงินสำรอง เงินใช้จ่าย ก็ได้เลยตามอัธยาศัยครับ
เมื่อไรก็ตามที่เราได้รับเงินปันผลจนครอบคลุมค่าใช้จ่ายในชีวิตของเราแล้ว เมื่อนั้นก็ถือว่าได้ว่าเรามีอิสรภาพทางการเงินแล้วล่ะครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ
เขียนโดย Keep investing
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
โฆษณา