5 ก.ย. 2021 เวลา 09:30 • กีฬา
ไปปั่นจักรยานตากฝนที่สุวรรณภูมิ
สภาพ... @45
อายุก็ปูนนี้แล้วแต่รู้สึกสนุกเหมือนตอนเป็นเด็กบ้านนอก
หลังจากทราบข่าวมาตรการผ่อนคลาย ให้เปิดสวนสาธารณะและสนามกีฬาได้ ก็ตั้งใจจะเริ่มวิ่งอีกครั้งเพราะตอนนี้ น้ำหนักขึ้นมาจาก 77 เป็น 83 kg เป็นที่เรียบร้อย
ก่อนจะออกวิ่งก็เตรียมร่างกายให้พร้อม Workout ที่บ้านด้วยท่าต่างๆที่หาดูได้ใน Youtube ปกติก็มียืดเหยียดอยู่แล้วเป็นประจำ
ช่วงนี้เน้นกลางลำตัวกับต้นขาด้านหลัง ขอแชร์ซัก 2 คลิบก็แล้วกัน
ลองดูนะครับถ้าสนใจจะเริ่มออกกำลังกาย แกนกลางลำตัวสำคัญมากๆ
เห็นมีคนโพสไปปั่นที่สนามเจริญสุขมงคลจิต หรือ Skylane เดิม ก็เลยคิดว่าไปวอร์มร่างกายเบาๆกับจักรยานซะหน่อยก่อนจะดีกว่า ซึ่งเจ้าเสือหมอบของผมนั้นก็จอดตากฝุ่นมาเป็นปีละ เพราะหลังๆเปลี่ยนไปวิ่งแทน
เมื่อวานจัดการเตรียมปัดฝุ่นจักรยาน เช้คเกียร์ทุกเกียร์เข้าได้ราบรื่นทั้ง 11 เกียร์ อุปกรณ์ต่างๆอีกเยอะแยะมากมาย (เข้าวงการจักรยานเปลืองมาก) ทั้งเสื้อผ้า อุปกรณ์ป้องกัน รองเท้า กระติกน้ำ ยังมีเครื่องมือช่างอีกกล่องใหญ่
หยิบคอมฯจักรยาน กับไฟท้ายมาชาร์จแบตฯให้พร้อม ทดสอบและทบทวนการใช้งานใหม่เพราะทิ้งไปนาน ส่วนไฟหน้าใช้แบตฯ AA 2 ก้อน เตรียมพร้อมไว้เท่านั้นเพราะเราปั่นกลางวันคงไม่ได้ใช้
รุ่งเช้าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เวลาล่วงเลยมาจนสายมากแล้ว เพราะหลีกเลี่ยงคนเยอะช่วงเช้า วันนี้อากาศครึ้มๆคงไม่ร้อนมาก ประกอบกับตื่นเช้าวันหยุดไม่เป็นซะละ 555
เดินหาชุดปั่น รื้อตู้เสื้อผ้าอยู่พักนึงก็เจอชุดเก่ง วันนี้เลือกใส่สีดำทั้งชุด น่าจะตัดกับถุงเท้าสีฟ้าและรองเท้าเสือหมอบสีขาวแดงได้ดี (เสื้อ Rapha สำเนานะครับ ของแท้ซื้อไม่ไหวแพงจัด)
@45 กับ ยานคู่ใจ
โหลดรถขึ้นเบาะหลังรถเก๋งเล็กโดยถอดล้อหน้าออกแล้วจับหงายท้อง ว่างๆจะถ่ายคลิบสอนวิธี ก็ไม่ยากครับ หาดูใน Youtube ก็พอมี ออกเดินทางไปสุวรรณภูมิกัน
ไปถึงก็เตรียมโน่นนี่อีกพักใหญ่ ก่อนออกจากบ้านลังเลว่าจะใส่เสื้อรัดกล้ามเนื้อหรือใส่เสื้อปั่นชนิดกันฝนคลุมทับดี เพราะอะไรนะเหรอครับ
ที่สุวรรณภูมิขึ้นชื่อเรื่องลมแรง ถึงแม้จะใส่เสื้อปั่นรัดรูป เสื้อกระพือลมตีหัวนมเจ็บมากครับ ที่เจ็บเพราะมันกระพือตามแรงลมตลอดเวลา ปั่นแรกๆยังไม่รู้สึก อีกพักใหญ่ก็จะเริ่มเจ็บ ตอนวิ่งก็เหมือนกัน ถ้าลมแรงต้องใส่เสื้อรัดกล้ามเนื้อข้างในเหมือนกัน ทั้งลมและการเสียดสีจากการแกว่งแขนและลำตัว ทรมานสุดๆ
คิดไปคิดมาค่อยไปใส่ที่ลานจอดรถก็แล้วกัน หยิบเสื้อรัดกล้ามเนื้อแบบแขนกุดใส่เป้ไป ส่วนเสื้อปั่นกันฝนมีติดรถตลอดเวลาไม่เคยเอาลงจากรถเลย
ไปถึงหาที่จอดเหมาะๆได้แล้วก็เตรียมรถและอุปกรณ์ต่างๆ หยอดน้ำมันโซ่และเช้คเกียร์อีกครั้ง เช้คลมยาง เช้คเบรคหน้าหลัง หมุนล้อเช้ค gap ระหว่างขอบล้อกับผ้าเบรคทั้งหน้าหลัง เวลาเบรคจะได้ไม่เบียดข้าง ติดตั้งคอมฯจักรยานและไฟท้าย ใส่ถุงมือ ใส่หมวก ใส่รองเท้าปั่นแบบมีคลีท
@45 Merida ของผมเองชุดขับ 105
ควักวาสลีนแล้วล้วงมือไปโปะตรงง่ามขาเพื่อป้องกันการเสียดสี เวลาล้วงก็ยืนแอบข้างรถเอาครับ เคยมีครั้งนึงผมไปตอนเช้าคนเยอะ มีคู่หนุ่มสาวมาปั่นจอดรถอยู่ใกล้ๆ ผู้หญิงเห็นผมล้วงมือคลำเป้าไปมา ได้ยินเสียงถามผู้ชายที่น่าจะเป็นแฟนกันว่า เค้า (หมายถึงผม) ทำอะไรอ่ะ ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักตามมา ฝ่ายชายบอกว่า จัดทรงมั้ง ผมแอบขำในใจ สภาพพพพ... ไม่ใช่เว่ยกำลังทาวาสลีน นึกในใจไปอย่างนั้นเอง
พร้อมแล้วก็ไม่ลืมกระบอกน้ำ วันนี้ติดไป 2 กระบอกตามปกติ เผื่อไว้ราดตัวบ้างราดหน้าเวลาเหงื่อเข้าตาบ้าง และที่สำคัญถุงซิบกันน้ำ ใส่กุญแจรถหนึ่ง ใส่เงินสดและโทรศัพท์อีกหนึ่ง จริงๆในสนามเค้าไม่ใช้เงินสดกัน แต่ใช้ Snap ที่เติมเงินได้แทน
Snap หรือสายรัดข้อมือ
Snap จะบรรจุข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากจะใช้ Scan เข้าออกแล้ว ยังสามารถเติมเงินเพื่อใช้จ่ายที่ร้านค้าภายในสนามได้ มีทั้ง Fastfood ร้านกาแฟ Minimart และอาหารตามสั่ง
ที่ขาดไม่ได้ก็คือผ้าปิดปากครับ ทุกอย่างพร้อมก็ปั่นไปที่ทางเข้า ทดสอบรองเท้าถอดคลีทเข้าออก 2-3 รอบจนมั่นใจ เรื่องคลีทหรือตัวล้อครองเท้ากับบันได มือใหม่ๆผมว่าล้มทุกคน เพราะจอดรถแล้วลืมปลด เจ็บไม่เท่าไหร่ อายมากกว่าครับ ผมเคยล้มเพราะลืมปลด 2 ครั้ง จากนั้นไม่เคยลืมอีกเลย
แวะเข้าห้องน้ำก่อนทางเข้า ทำธุระเบาซักรอบนึงก่อน จริงๆในสนามมีห้องน้ำเป็นระยะ แทบจะทุก 5 km เลยมั้ง ห้องน้ำสะอาดและดีมากๆ
@45 คนเดียว
ก่อนเข้าก็ Selfi ซะหน่อย ไม่ได้มาซะนาน
@45
ก่อนออกตัวก็ต้องชักภาพตามธรรมเนียม มีผมคนเดียว
@45
หลังจากนั้นก็ออกตัวครับ เส้นทางเป็นลักษณะเดินรถทางเดียว ออกตัวแล้วไม่มี Uturn ต้องปั่นให้ครบรอบ ระยะทาง 23.5 km กำลังดี ช่วงฟิตๆผมไปทีก็ปั่นรวดเดียว 3 รอบ ประมาณ 70 km แต่วันนี้คงปั่นเบาๆตั้งใจว่าจะจบสองรอบ
@45
ออกตัวไปหน่อยนึงก็อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูป ตอนนั้นถนนโล่งครับ ปลอดภัย แต่ไม่แนะนำถ้ายังควบคุมรถไม่คล่องนะครับ ล้มจักรยานเจ็บมาก หลังจากนั้นผมก็ทดสอบดื่มน้ำ ถอดกระติกเข้าออก 2-3 รอบก็เข้ามือ ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆแต่ต้องฝึกนะครับ อาจเป็นสาเหตุให้ล้มได้เลยทีเดียว โดยเฉพาะการปั่นกลุ่ม
เคยเกาะไปกับกลุ่มเด็กๆ โอ้ย! หัวใจจะวาย แต่ตื่นเต้นและสนุกมากครับ อย่างกับขบวนรถไฟรถด่วน แต่ก่อนสนามยังไม่ขยายเลน เห็นเกี่ยวกันล้มอยู่บ่อยๆ เดือดร้อนเจ้าหน้าที่สนามต้องมาปฐมพยาบาลหรือเอารถมารับไปส่งห้องพยาบาล
ปั่นไป 8 km ฝนเริ่มปรอยๆอากาศเย็นดี นึกขึ้นได้ว่าลืมใส่เสื้อรัดกล้ามเนื้อและเสื้อฝนก็ไม่ได้ใส่มา โชคดีวันนี้หยิบเสื้อพอดีตัวมาค่อนข้างฟิตเข้ารูป ซักพักฝนก็เทลงมา เปียกสิครับ บางคันจอดหลบฝนใต้สะพานทางด่วนที่ทอดตัวยาวข้ามลู่ปั่นบนหัวของเราไป แต่ผมเลือกที่จะเปียก และไม่ลืมที่จะเอาโทรศัพท์ใส่ถุงซิบที่เตรียมมา ในอดีตผมเสียโทรศัพท์ไปสองเครื่องเพราะปั่นตากฝนนี่แหละ ตอนนี้มีประสบการณ์แล้ว ถุงซิบต้องมีติดตัวตอนปั่น ไม่ว่าฝนจะตกหรือไม่ตก
ช่วงฝนตกไม่ได้ถ่ายรูปเพราะถ่ายไม่ได้ และตัดสินใจที่จะไม่จอด ครึ่งแรกปั่นลงทิศใต้ทวนลม ทำความเร็วได้ 21-23 kph เท่านั้น ไม่อยากออกแรงมากเพราะหยุดไปนาน อาจทำให้บาดเจ็บกล้ามเนื้อไปซะเปล่า รักษาระดับ Heart rate ไม่ให้เกิน 150 ครั้งต่อนาที
ขากลับปั่นตามลมค่อยสบายขาขึ้นเยอะ ความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 31-33 kph โดยใช้รอบขาและรักษาระดับ Heart rate เท่าเดิม แรงลมมีผลมากครับ ตอนเริ่มปั่นใหม่ๆน้ำตาแทบไหล เพราะปั่นสู้ลมไม่ได้
@45
ปั่นจบรอบนึงคิดว่าพอดีกว่าตัวเปียกขนาดนี้ประเดี๋ยวจับไข้ขึ้นมาจะไม่คุ้ม ออกมาจอดหน้า Golden place จัดน้ำมะพร้าวอ่อนไป 2 แก้วเมนูประจำถ้าได้มา พร้อมกับถั่วต้มเม็ดเขื่องเพื่อเพิ่มโปรตีน
ก็จบภารกิจวอร์มอัพประจำสัปดาห์นี้ไปเรียบร้อย เบาะๆเผาผลาญไปเกือบ 700 แคลลอรี่ ข้อมูลสรุปจากคอมฯจักรยานบอกมาอย่างนั้น ถ้าฝนหยุดกะว่าจะไปลองวิ่งซัก 2-3 k ในลู่วิ่งที่อยู่ตรงทางเข้าลู่ปั่น แต่อากาศไม่เป็นใจ นั่งกินถั่วต้มอยู่พักนึง ตัดสินใจกลับบ้านดีกว่า
@45
ทิ้งท้ายกับภาพนี้ ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ต้นเดือนกันยายน อีกไม่นานก็จะหนาวแล้วสินะ รำพึงรำพันกับตัวเอง
โฆษณา