Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เด็กการเงิน DekFinance
•
ติดตาม
5 ก.ย. 2021 เวลา 13:49 • หุ้น & เศรษฐกิจ
รู้จัก Index ETF ค่าธรรมเนียมต่ำ ลงทุนได้ทั่วโลก 🌐
+ลงทุนที่ไหนได้บ้าง
+พร้อมวิธีการเปรียบเทียบ ETF ต้องดูอะไรบ้าง 🤓
+เปิดบัญชี Global Investing ที่ไหนง่ายสุด? ยังไม่มีบัญชีก็ศึกษาเอาไว้ได้
2
วันนี้ #เด็กการเงิน ขอพาทุกคนมาเปิดโลกกองทุนแบบ ETF หรือ Exchange Traded Fund
ซึ่งรวมข้อดีของกองทุนและหุ้นเอาไว้ คือ
1. เป็นกองทุน รวมหลักทรัพย์ไว้ใน 1 กองทุน ช่วยในเรื่องกระจายความเสี่ยง
2. ซื้อขายได้ real time มี bid offer เหมือนหุ้น ซึ่งทำให้เรารู้ราคาซื้อขายได้ทันที
3. ค่าธรรมเนียมต่ำ โดยกอง index ที่เราเลือกมาในวันนี้เป็น passive management
เน้นค่าบริหารที่ต่ำและเติบโตไปกับดัชนีอ้างอิงที่เราสนใจ ซึ่งถูกกว่าบางกองทุนเปิดในบ้านเราเสียอีก
รู้จักกองทุน ETF เพิ่มเติมได้ที่โพสต์นี้เลย
https://www.facebook.com/DekFinance101/posts/208316594519145
ETF ที่เราเลือกในวันนี้ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ New York ซึ่งในปัจจุบันหลาย บลจ. ทำให้เราเปิดบัญชีเพื่อซื้อขายที่ตลาด NYSE นี้อย่างง่ายดาย เคียงข้างหุ้นอย่าง Apple, Tesla, Amazon เป็นต้น
มาดูกันว่า Index ETF หรือ ETF แบบ passive เคลื่อนไหวไปตามดัชนีนั้น มีอะไรบ้าง จริงๆแล้วเราสามารถลงทุนได้ทั่วโลก ค่าธรรมเนียมต่ำ ไม่แพ้กองทุนเปิดแบบ Index เลย
👓 ลงทุนผ่าน Index ETF ในประเทศ และภูมิภาคไหนบ้าง?
1. รวมทุกตลาดของโลก ผ่าน MSCI All Country World Index (หลายคนคุ้นกับ K-Worldx)
2. ตลาดที่พัฒนาแล้ว (Developed Market)
3. ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)
4. ตลาดชายขอบ (Frontier Market)
5. ตลาดที่พัฒนาแล้วไม่รวม USA และ Canada (MSCI EAFE)
6. หุ้นกลุ่มประเทศยุโรป
7. ประเทศในตลาดที่พัฒนาแล้ว
8. ประเทศในตลาดเกิดใหม่
9. ตลาดเกิดใหม่ ยกเว้น ประเทศจีน (Emerging Market ex China)
10. หุ้นกลุ่มประเทศละตินอเมริกา
อันนี้เป็นตัวอย่างคร่าวๆที่ทำให้เห็นภาพใหญ่ในการลงทุนผ่าน Index ETF จริงๆแล้ว มันลงทุนได้ทั่วโลก และแทบจะทุกประเทศจริงๆ
Net Expense Ratio เปรียบเสมือน Total Expense Ratio ของกองทุนเปิดทั่วไป
ซึ่งหมายถึงค่าบริหารกองทุนและค่าใช้จ่ายอื่นๆ เก็บผ่านหน่วย NAV และ bid-offer spread
ที่เราซื้อขายแต่ละครั้ง ดังนั้น กองทุน ETF ประเภทเดียวกัน เราควรเลือก Net Expense Ratio
ให้ต่ำเข้าไว้
👓วิธีการเปรียบเทียบ ETF แบบโปร (เราจะมาย้ำบ่อยๆนะ)
1. กองทุน ETF ที่นำมาเปรียบเทียบกัน มี holding หรือ index ที่ติดตามต่างกันอย่างไร
2. ดูค่า Net Expense Ratio หรือ สัดส่วนค่าใช้จ่ายของ ETF ยิ่งต่ำยิ่งดี
3. ดูสภาพคล่องของ ETF ควรจะมีการซื้อขายวันละ 1 ล้านหน่วยขึ้นไป
4. ดูความกว้างของ Bid Ask spread คือความห่างของราคาซื้อขายที่กำหนดไว้ บางทีค่าธรรมเนียมต่ำ แต่ Bid Ask กว้างมาก อันนี้ทำให้เราซื้อที่ราคาแพงไปที่ราคา Offer และ ขายออกที่ราคาต่ำไป ที่ราคา Bid ได้
5. กองทุน ETF บางกองมีปันผล ถ้าไม่ได้ใช้ปันผล ให้เลือกกองแบบไม่ปันผล
🔥เปิดบัญชีที่ไหนดี?
อันนี้เราขอแนะนำว่าถ้าลงทุนในหุ้นไทยอยู่แล้ว ลองสอบถาม Broker ที่ใช้บริการอยู่ว่ามีการบริการแบบ Global Investing หรือไม่ ถ้ามีต้องดูต่อไปว่า:
1. ค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายเป็นอย่างไร ขั้นต่ำเท่าไหร่
*ซึ่งปัจจุบันลดลงมากแล้ว แข่งขันกันสุดๆ*
2. การแลกเงินมีขั้นตอนอย่างไร มีขั้นต่ำหรือไม่
3. แพลตฟอร์มที่ใช้ซื้อขาย เป็นอย่างไร (ส่วนใหญ่ให้เข้าไปลองใช้งานได้)
🎬ถ้า Broker ไม่มีการบริการ Global Investing เราขอแนะนำ แอพ SCB Easy Invest
เป็นแอพหนึ่งที่ใช้ซื้อหุ้นและ ETF ตลาด NYSE ได้ง่ายที่สุดแอพหนึ่ง
เปิดง่ายถ้ามี SCB EASY อยู่แล้วด้วย แลกเงิน USD เรทเท่ากับธนาคารเลย
ค่าธรรมเนียม 8 cent ต่อ 1 หุ้น ..แต่ขั้นต่ำอยู่ที่ $5
ดังนั้นขั้นต่ำในการซื้อที่คุ้มค่าธรรมเนียม อยู่ที่ 1 หุ้นที่ราคา $62.5 ขึ้นไป
หรือ หุ้นราคา $1 จำนวน 63 หุ้น
หรือ สรุปได้ว่า ต้องซื้อมากกว่า $62.5 ต่อครั้งขึ้นไปถึงจะคุ้ม
(อันนี้เราไม่ได้ ads แต่อย่างใด 😄)
Facebook 👉
https://www.facebook.com/DekFinance101
FB Group 👉
https://www.facebook.com/groups/2881645572091138
Blockdit 👉
https://www.blockdit.com/dekfinance
19 บันทึก
22
12
19
22
12
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย