Cruella (2021)
ครูเอลล่า เดอ วิล หรือ ครูเอลล่า สกายวอลเกอร์
สนุกแต่ไม่เนียนกับเรื่องเดิม
ดูได้จากดิสนีย์พลัสฮอทสตาร์
ไม่เป็นข้อสงสัยว่าครูเอลล่า เดอ วิลคือหนึ่งในวายร้ายที่เป็นที่จดจำมากที่สุดของดิสนีย์ ไม่ว่าจะเป็นในฉบับการ์ตูนในปี 1961 หรือฉบับคนแสดงที่เป็นเกลน โคลสรับบท เธอชั่วร้ายมากถึงขนาดกล้าถลกหนังลูกหมาดัลเมเชียน 101 ตัวเพื่อมาทำเสื้อโค้ทขนสัตว์ และไม่เป็นข้อสงสัยอีกเช่นกันที่หนัง Cruella ฉบับคนแสดงครั้งที่ 3 ในปี 2021 นี้เป็นหนังที่สนุก น่าตื่นตาตื่นใจด้วยฉากอลังการและเครื่องแต่งกายที่วิจิตรพิสดารประกอบรวมกับเพลงประกอบที่เต็มไปด้วยบรรดาเพลงดังในอดีตที่ผู้ชมที่มีอายุประมาณ 40-50 ปี น่าจะร้องตามกันได้
ทั้งหมดเป็นส่วนผสมที่ทำให้หนัง Cruella เป็นความบันเทิง ยิ่งเมื่อรวมกับการแสดงที่อยู่ในระดับยอดเยี่ยมมากๆของสองเอ็มม่า นั่นคือเอ็มม่า สโตนในบทเอสเทลล่า/ครูเอลล่า และเอ็มม่า ทอมป์สันในบทบารอนเนส วอล เฮลแมน ผู้นำแฟชั่นที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง เผด็จการและร้ายสุดๆ เสริมด้วยพอล วอลเตอร์ เฮาเซอร์ ในบทฮอเรซ แบรอน และโจเอล ฟราย เป็นแจสเปอร์ แบรอน สองเด็กกำพร้าที่เป็นเสมือนเพื่อน - ผู้ช่วยของครูเอลล่า ยิ่งทำให้หนังเรื่องนี้มีส่วนในการแสดงที่ยอดเยี่ยมและเป็นสิ่งที่ทำให้การดูหนังเรื่องนี้มีความเพลิดเพลินมาก
แต่กระนั้นผมก็ยังสงสัยเป็นอย่างมากว่าถ้าหาก โดดี้ สมิธ หรือโดโรธี สมิธ ผู้แต่งวรรณกรรมเยาวชนเรื่องนี้ได้ดู Cruella เธอจะรู้สึกอย่างไร เมื่อตัวเรื่องของเธอถูกยำแบบไม่ใยดีจนให้ความรู้สึกถึงการไม่เคารพในต้นฉบับเดิม แน่นอนว่าในแง่ของการวิวัฒนาการของงานต่างๆ มันย่อมมีการดัดแปลง ทำซ้ำ หรือไม่ก็นำเรื่องคลาสสิคที่มีดั้งเดิมอยู่แล้วมาพัฒนาต่อ ตีความใหม่ แต่ความพยายามของดิสนีย์ในการอธิบายพฤติกรรมของครูเอลล่าเดอ วิลที่ทำให้เห็นถึงการเติบโตในทิศทางความชั่วร้ายก่อนที่จะมาปรากฏใน 101Dalmatians นั้นก็ยังมีความน่ากังขาเช่นเดียวกันกับ Disney นำเอาวินนี่ เดอะ พูห์มาพัฒนาจนวินนี่เ ดอะ พูห์ที่เรารู้จักในปัจจุบันเป็นคนละตัวกับวินนี่ เดอะ พูห์ในงานวรรณกรรมไปแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้เห็นถึงวิธีคิดในเชิงพาณิชย์ทีคิดต่อยอดการตลาดมากกว่าการให้ความเคารพในต้นเรื่องเดิม
ในมุมนี้ผมไม่ได้คิดว่า Disney หรือผู้สร้างหนังรายอื่นๆ จะไม่สามารถนำเอาวรรณกรรมคลาสสิคมาพัฒนาต่อยอดต่อไปไปได้ ไม่เช่นนั้นแล้วมันจะไม่มีพัฒนาการ ยิ่งเป็นงานสื่องานเล่าเรื่องแบบนี้แล้ว การพัฒนาการให้ตามยุคสมัยก็เป็นเรื่องที่มีความจำเป็น เพียงแต่มันยังมีเส้นบางๆ ที่กั้นอยู่ระหว่างคำว่าเคารพและปู้ยี้ปู้ยำ
ตัดประเด็นที่กล่าวมาข้างต้นมาว่ากันถึงที่ตัวหนังในเรื่องนี้เริ่มต้นจากจุดกำเนิดของเอสเทลล่าและครูเอลล่า เด็กหญิงที่เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติมีสีผม 2 ข้างแตกต่างกันเป็นสีขาวดำราวกับหยินหยาง และตัวตนของเด็กหญิงก็มีเหมือนกับสองจิตใจ หนึ่งคือเอสเทลล่าผู้แสนดีอีกหนึ่งคือครูเอลล่าผู้เป็นด้านมืด เธอกลายเป็นเด็กกำพร้าเมื่อพบว่าแม่ของเธอเสียชีวิตหลังจากถูกหมาดัมเมเชี่ยน 3 ตัวรุมจู่โจม และสร้างความรู้สึกให้เธอคิดเสมอว่าเป็นต้นเหตุทำให้แม่เสียชีวิตโดยไม่ตั้งใจ เมื่อเติบโตมาเอสเทลล่าซ่อนบุคลิกครูเอลล่าเอาไว้ใน กดครูเอลล่าไว้ในใจ เธอเป็นเอสเทลล่าผู้แสนดี มีความฝัน มีเจสเปอร์กับฮอเรซสองเด็กกำพร้าให้การอุปถัมภ์กลายเป็นแก๊งลักเล็กขโมยน้อยข้างถนน ก่อนที่จะได้ไปทำงานกับบารอนเนสเฮลแมนเจ้าแม่แฟชั่นซึ่งเอสเทลล่าก็ฝันว่าจะมีแบรนด์แฟชั่นของตนเองในสักวันหนึ่ง
ประเด็นสำคัญของหนัง Cruella พูดถึงการเปลี่ยนแปลงจากเอสเทลล่าผู้แสนดีกลายเป็นครูเอลล่าผู้ช่วร้าย เย่อหยิ่ง จองหอง จริงๆ แล้วประเด็นนี้มันก็ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเป็นการอธิบายความเปลี่ยนแปลงของตัวละครโดยหยิบยืมเรื่องราวมาจากการเปลี่ยนแปลงของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์กลายไปเป็นดาร์ท เวเดอร์ หรือไม่ก็การเปลี่ยนแปลงของอาเธอร์ เฟล็กซ์กลายมาเป็นโจ๊กเกอร ในการที่คนๆ หนึ่งเดินทางเข้าสู่ด้านมืดได้อย่างไร จริงๆแล้วมันก็มีแง่มุมที่น่าสนใจมาก แต่หนัง Cruella ทำออกมาได้อย่างฉาบฉวยบนหน้าฉากของหนังตลกร้ายและฉาบหน้าด้วยอารมณ์แฟนตาซีกึ่งๆ การ์ตูน แต่เรื่องโทนและวิธีนำเสนอแบบนี้ก็สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกจริงจังได้เช่นกัน ถ้าใส่ใจในรายละเอียดเชิงลึกของตัวละครมากพอ ไม่เอาแต่เพียงความฉูดฉาดมาดึงผู้ชมออกจากแกนเรื่อง
ตลอดเวลา 2.14 ชม. ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าครูเอลล่าาจะเติบโตขึ้นมาเป็นวายร้ายที่กล้าถลกหนังลูกหมามาทำเสื้อโค้ทได้จริงๆ แน่นอนว่าครูเอลล่าในเรื่องนี้โกรธหมาที่ทำให้แม่ของเธอตกหน้าผาเสียชีวิตแต่เราก็ไม่เคยเห็นว่าเธอจะโทษหมาอย่างจริงจัง เธอยังคงมีเพื่อนรักเป็นเจ้าสี่ขาที่อยู่ข้างกายตลอดเวลา ในขณะเจ้าดัลเมเชี่ยนตัวร้ายทั้ง 3 เธอก็ไม่เคยแสดงอารมณ์ต่อมันแต่อย่างใด เหมือนกับตัวหนังยิ่งเดินเรื่องต่อไปมากขึ้น ครูเอลล่าก็ยิ่งห่างไกลและเชื่อมโยงกับ 101 ดัมเมเซี่ยนได้ยากขึ้นเช่นกัน
สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันก็ถูกสไตล์อันฉูดฉาดของหนังบดบังเอาไว้ ไม่แปลกใจที่หนังขับเคลื่อนเรื่องราวรวดเร็วตลอดเวลาพร้อมกับกระแทกกระทั้นความรู้สึกอลังการทั้งงานสร้าง แสง สีร วมไปถึงเครื่องแต่งกายที่วิจิตร ยิ่งได้การแสดงในระดับยอดเยี่ยมของนักแสดง ก็ยิ่งดึงเราออกจากเรื่องราวหลักที่เรารู้จักกันใน 101 dalmatians สำหรับผมแล้ว Cruella เป็นหนังที่ผมรู้สึกสนุกมากในขณะที่ชม แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าหนังห่างไกลจากครูเอลล่า เดอ วิลตัวจริงไปมากเช่นกัน
6 / 10
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
