6 ก.ย. 2021 เวลา 09:13 • ปรัชญา
กาลครั้งหนึ่ง... หลังจากที่ได้มีโอกาสติดตามบันทึกเรื่อง "ความเหงา" ของท่านอาจารย์ประพนธ์ ผาสุขยืด ก็ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประเด็นเรื่องดังกล่าวกับท่านอาจารย์หลายประเด็นด้วยกัน จึงขอโอกาสนำถ้อยความแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นั้นมาเล่าให้ทุกท่านทุกคนได้ฟัง ดังนี้ครับ
2
จากจุดเริ่มต้นเพียงแค่พบเจอคำว่า "ความเหงา" ผมก็ได้มีความรู้สึกและเขียนตอบท่านไปดังนี้
ความเหงาเป็นปราการหรือด่านสำคัญที่จิตใจของคนเรานั้นจะเข้าถึง " ความสงบ "
1
หากแม้นคนเราต่อสู้กับศัตรูตัวสำคัญที่คนในสังคมสมมติเรียกว่า "ความเหงา" ได้นั้น ชีวิตจะพบกับความสุขที่แท้จริง
2
🍀🍀🍀
จากนั้นท่านอาจารย์ Prapon Phasukyud ได้เมตตาให้คำอธิบายเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพิ่มเติมว่า...
Aloneness vs. Loneliness . . จึงเป็นสองคำที่สำคัญ ที่ต้อง "ตี (ความ) ให้แตก" . . ผมว่าไม่มีวิธีไหนดีไปกว่า เอา "ตัวเอง" เป็นห้อง Lab ทดลองสองคำนี้
2
🍀🍀🍀
จากนั้นไม่นานนัก ผมก็ได้มีโอกาสเรียนตอบท่านไปว่า...
การต่อสู้กับความเหงาเป็นสิ่งที่สนุก " เหงามาก ธรรมะก็เกิดมาก "
2
การสลัดทิ้งซึ่งญาติ มิตร หมู่ คณะ หรือแม้กระทั่งคนที่รักนั้นมันช่างเหงาจับจิต จับใจ
1
หลากหลายครั้งที่ต้องนั่ง "น้ำตาตกใน" แล้วคิดพิจารณาในใจว่า เอ๊... เรามานั่งบ้าบออะไรอยู่ที่นี่ ชั่วขณะนั้นเองจึงได้คำตอบจากความทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้นว่า
1
คนที่อยู่คนเดียวแล้ว "ไม่มีศีล" สภาวะอารมณ์นั้นเรียกว่า "ความเหงา"
แต่บุคคลผู้ใดที่ทำความวิเวกแล้วซึ่งกายและใจ สภาวะจิตใจของบุคคลผู้นั้นไซร้คือ " ความสงบ "
3
🍀🍀🍀
หลังจากที่พินิจพิจารณาจึงได้มีโอกาสต่อยอดจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นั้น ดังนี้..
ความเหงาเปรียบเสมือนหมอกควันที่เจือปนไปด้วยพิษแห่ง “ความอ้างว้าง”
ก่อนที่ใครสักคนจะเข้าไปสู่ป่าลึกที่อุดมไปด้วยแก้วมณีอันสว่างไสวอันเป็นที่พึ่งภายในจิตใจคือนั้น บุคคลทุกคนจะต้องผ่านหมอกควันพิษแห่งความเหงานั้นไปให้ได้
2
ถ้าหากใครสู้ไม่ไหว ใจไม่แข็งพอก็จะถอยกลับออกมา มิกล้าสู้ที่จะผ่านเข้าไป
และมิหนำซ้ำหมอกควันที่เต็มไปด้วยพิษแห่งความอ้างว้างนั้นจะ “กล่อม” จิตใจของเราให้หันไปแสวงหาความเริงร่าด้วยกิเลส ตัณหา และกามราคะ
แต่ถ้าหากบุคคลใดอดทน ปิดกาย ปิดวาจา ปิดใจแล้วสู้ทนต่อสู้กับหมอกควันแห่งความเหงานั้นโดยมี “พระรัตนตรัย” เป็นที่พึ่งแล้ว บุคคลนั้นย่อมจะเข้าสู่ป่าอันมีความสงบที่เป็นทิพย์
1
บุคคลหลายคนพ่ายแพ้ต่อความเหงา ซึมเซาและความอ้างว้าง จึงหันหน้าเข้า พึ่งพากิจกรรมที่ฉาบทาด้วยความสนุกจากสังคม
หนัง ละคร การขับฟ้อน ดนตรี แสง สี เสียง เปรียบเสมือนอาหารของเชื้อที่มีชื่อว่า “ไวรัสแห่งความเหงา”
หากเชื้อโรคบางตัวต้องกินน้ำตาลในร่างกายเพื่อเติบโต ไวรัสแห่งความเหงานี้ก็มีหน้าที่เกาะกิน สูบเลือด สูบเนื้อเรา โดยให้ไปแสวงหาความสนุกสนานจากสังคม
2
หากเราหยุดให้อาหารกิเลสแล้วเนรเทศเชื้อโรคแห่งความเหงานี้ออกไปจากชีวิตเสียได้ ร่างกายก็จะสร้างภูมิต้านทานไวรัสแห่งความเหงานั้น
ศีลนี้เองจึงเป็นเครื่องมือที่ใช้ต้านอนุมูลอิสระที่จะเข้าไปขวางกั้นทางแห่งความสงบ
ถึงแม้นว่าในหมอกควันเราจะไม่เห็นทางข้างหน้าที่จะเดินไป ขอเพียงเรามี “ศรัทธา” ที่ตั้งมั่นในพระรัตนตรัยทุก ๆ คนที่ได้อัตภาพมาเป็นมนุษย์ก็สามารถก้าวล่วงผ่านเข้าไปถึงความสงบในจิตใจเป็นนิรันดร์...
2
หยุดให้อาหารกิเลสแล้วเนรศเทศเชื้อโรคแห่งความเหงานี้ออกไปจากชีวิต
โฆษณา