6 ก.ย. 2021 เวลา 13:00 • ไลฟ์สไตล์
ยังทำอยู่ไหม? เช็กลิสต์สิ่งที่ ‘ฉุดรั้งชีวิต' จากความสุขและความสำเร็จ
.
.
ในแต่ละวันเราทำสิ่งที่เป็นตัวขโมยความสุขและความสำเร็จไปโดยไม่รู้ตัวอยู่หรือเปล่า?
.
จากบทความ “9 Simple Things I Avoid For a Greater Life” จะทำให้เรารู้ว่าเรื่องที่ดูเหมือนจะธรรมดาบางเรื่องนั้นฉุดรั้งความก้าวหน้าและความสุขของเราโดยไม่รู้ตัว เช็กลิสต์นี้จะเป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่เตือนสติให้เราได้ถามตัวเองอย่างตรงไปตรงมา เราอาจจะได้พบกับคำตอบที่นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ก็ได้
.
ในวันที่คิดว่า ทำไมเราไม่มีความสุขเหมือนเมื่อก่อน ในวันที่อยู่ท่ามกลางความสับสน หรือวันที่ต้องการเปลี่ยนแปลงเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ลองมาสำรวจตัวเองกันว่า ใน 9 ข้อนี้มีข้อไหนบ้างที่เราเคยทำหรือกำลังทำอยู่บ้าง
.
.
5
1. นำความสุขไปผูกกับเป้าหมายและวิ่งตามมันไปเรื่อยๆ
.
หลายๆ คนมักวิ่งไล่ตามความสำเร็จ เพื่อที่จะมีความสุข บางคนกำหนดเป้าหมายบางอย่างเอาไว้ และไม่อาจมีความสุขได้เลยถ้าเป้าหมายนั้นยังไม่สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน การเลื่อนตำแหน่ง หรือการมีแฟน
.
แต่แล้วเมื่อได้สิ่งเหล่านั้นมา แทนที่จะพบความสุขนิรันดร์ เรากลับพบว่า ความสุขที่วาดฝันนั้นลดลงอย่างรวดเร็ว คนเหล่านี้จึงต้องไปไล่ล่าเป้าหมายอื่นๆ เพื่อหวังจะมีความสุขอีกครั้ง และทำเป็นวงจรไม่มีสิ้นสุด ราวกับวิ่งอยู่บนลู่วิ่งเพื่อความสุข หรือ The Hedonic Treadmill
.
ลองปรับตัวเองใหม่ ด้วยการทำให้เป้าหมายที่มีเป็นเพียงเป้าหมายที่เราอยากไปถึง โดยไม่นำความสุขไปผูกติดอยู่กับมัน เรียนรู้ที่จะมีความสุขกับปัจจุบันแทนสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคต
.
3
Logan Pearsall Smith กล่าวไว้ว่า “เป้าหมายชีวิตมีอยู่ 2 สิ่ง อย่างแรกทำในสิ่งที่
คุณต้องการ หลังจากนั้นจงสนุกกับมัน” ดังนั้น ควรดื่มด่ำและให้ความสำคัญกับสิ่ง
ตรงหน้า แล้วเราจะใช้ชีวิตง่ายขึ้น มีอิสระมากขึ้นและมีความสุขมากขึ้น
.
2. ให้ความสำคัญกับทุกสิ่งทุกอย่างจนไม่รู้ว่าอะไรสำคัญที่สุด
.
เมื่อคุณคิดว่า “อันนี้ก็สำคัญ อันนั้นก็สำคัญ” สุดท้ายแล้วคุณจะทำอะไรไม่เสร็จสักอย่าง
.
ความต้องการที่มีหลากหลายเกินไปทำให้เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้หมด ดังนั้นเราควรต้องจัดลำดับความสำคัญ เพื่อให้เราได้กรองสิ่งที่คิดว่ามันสำคัญสำหรับเราจริงๆ
.
1
ลองถามตัวเองดูว่า การทำสิ่งนี้จะช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง หรือถ้าเราตัดสิ่งนี้ออกไปชีวิตเราจะเป็นอย่างไร การถามตัวเองจะทำให้เราสามารถตัดสินใจว่ามีสิ่งใดที่ควรเก็บและให้ความสำคัญ มีสิ่งใดที่ควรทิ้งเพื่อลดความยุ่งยากในชีวิต เราต้องตัดบางอย่างเพื่อเก็บสิ่งที่สำคัญไว้ เมื่อเราทำเช่นนี้จะทำให้เราทุ่มเทสมาธิไปกับสิ่งที่เราให้ความสนใจจริงๆ และพัฒนามันด้วยพลังที่เต็มที่
.
3
3. พยายามพิสูจน์ตัวเองเพื่อคนอื่นอยู่เสมอ
.
นิสัยลึกๆ ของเรามักต้องการเอาชนะผู้อื่นอยู่เสมอ หลายคนพยายามพิสูจน์บางสิ่งบางอย่างให้ผู้อื่นเห็น หล่อเลี้ยงความสุขด้วยการเอาชนะ ขอความคิดเห็นเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทิศทางที่คนอื่นอยากให้เป็น ต้องการคำชมเพื่อให้ได้มาซึ่งความภาคภูมิใจ
.
แม้ว่าในที่สุดเราจะพิสูจน์ตัวเองได้ แต่เราจะไม่มีวันมีความสุขได้เลย เราต้องทำ
ตามสิ่งที่คนอื่นต้องการให้เป็นอยู่ตลอด จนกลายเป็นว่าเราไม่มีโอกาสทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ และเพราะว่าเป้าหมายแต่ละคนไม่เหมือนกัน นิยามของคำว่า ‘ดีพอ’ ของคนเราไม่เท่ากัน เราจึงไม่รู้เลยว่าต้องพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเห็นหรือยอมรับอีกนานแค่ไหน สุดท้ายเราจะตอบตัวเองไม่ได้ว่าคุณค่าและความสำเร็จของเราคืออะไรกันแน่
.
2
4. ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมากเกินไป
.
จากการสำรวจของ Global Digital Report 2021 พบว่าประเทศไทยเป็นประเทศ
ที่ใช้โซเชียลมีเดียมากเป็นอันดับ 1 ของโลก ไม่ว่าจะเป็นขณะกินข้าวที่ต้องเปิดหนัง
ดู หรือขณะรอคิวซื้ออาหาร หรือรอไฟแดง เราก็จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโดยอัตโนมัติเป็นพฤติกรรมที่เราทำอยู่บ่อยจนเกิดเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว
.
การใช้สื่อโซเชียลมีเดียทำให้เราได้รับข่าวสารต่างๆ มากมาย บางอย่างก็สร้างความบันเทิงให้กับเรา แต่บางอย่างยิ่งอ่าน ยิ่งดูก็ยิ่งห่อเหี่ยว จนทำให้เราไม่มีความสุข
.
ลองวางโทรศัพท์แล้วปิดการรบกวน หยุดติดต่อ หยุดเสพข่าวสักพัก แล้วใช้เวลานี้ไปกับกิจกรรมที่คุ้มค่าและเป็นประโยชน์ในอนาคต เช่น ออกกำลังกาย ใช้เวลากับพ่อแม่ให้มากขึ้น หรือจะเป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ก็ได้เช่นกัน เพราะคุณภาพชีวิตที่ดีนั้นเกิดจากกิจวัตรที่เราทำอยู่ทุกวัน ลองสร้างกิจวัตรใหม่ที่ใช้ชีวิตกับหน้าจอให้พอดีกันเถอะ
.
5
5. ไม่ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเอง
.
John Wooden กล่าวไว้ว่า “ความสำเร็จเกิดจากการที่เรารู้ว่าเราได้ทำมันเต็มที่อย่างสุดความสามารถแล้ว”
.
เราทุกคนต่างมีความสามารถที่เฉพาะเจาะจง แต่ละคนมีทักษะที่ถนัดและไม่ถนัด สิ่งนี้ที่เราทำอาจไม่ได้ผล แต่มีสิ่งอื่นที่เราสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม ขอให้รู้ว่าการยอมรับว่าสิ่งใดที่เราทำไม่ได้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย และนี่คือความคิดของคนที่มีความสุข
.
ในทางกลับกัน คนที่ไม่มีความสุขในชีวิตมักเป็นคนที่หาเหตุผลเข้าข้างตัวเองและจะไม่ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น จนปิดกั้นการเรียนรู้ใหม่ๆ การที่เรารู้ว่าตัวเองได้พยายามอย่างสุดความสามารถ ถึงแม้ว่าในที่สุดจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายนั้นๆ ได้ แต่อย่างน้อยเราจะได้ประสบการณ์และยอมรับว่ามันไม่เหมาะกับตัวเอง การปล่อยวางสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นประตูไปสู่การเปิดรับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
.
6
6. ติดนิสัยนอนดึกจนทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อน
.
ไม่ว่าเหตุผลของการนอนดึกคือเพื่อเร่งปิดโปรเจกต์ ดูเน็ตฟลิกซ์แก้เบื่อหรืออะไรก็ตาม แต่การนอนดึกจะทำให้เวลาอันมีค่าของเราถูกขโมยไป
.
ชีวิตจะเปลี่ยนเมื่อเราเข้านอนเร็ว การเข้านอนเร็วจะสามารถขจัดสิ่งรบกวนในชีวิตของเราได้เป็นอย่างดี เราจะได้พักผ่อนมากขึ้น ตื่นเช้าขึ้น เและมีส่วนทำให้งานที่ตั้งเอาไว้เสร็จตรงตามเป้าหมายและมีเวลาให้กับสิ่งที่เราอยากทำมากขึ้น
.
ทริกก็คือ ให้ตั้งนาฬิกาปลุกตอนกลางคืนเพื่อเตือนว่าเราต้องปิดการแจ้งเตือนทุกชนิดและเตรียมตัวเข้านอน วิธีนี้จะทำให้เรานอนหลับเป็นเวลาและมีประสิทธิภาพ
.
4
7. ติดอยู่กับความสัมพันธ์แย่ๆ และไม่มูฟออน
.
คุยกับคนนี้ทีไร ทำไมเราหงุดหงิดทุกครั้งเลยนะ?
เบื่อจริงๆ เพื่อนคนนี้พูดจาแดกดันอีกแล้ว
.
ความสัมพันธ์ที่บั่นทอนจิตใจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชีวิตเราแย่ลง ควรหลีกเลี่ยงคนที่สร้างพลังลบให้กับเรา หลีกเลี่ยงคนที่ทำลายบรรยากาศในบทสนทนา เลิกคบคนที่ทำให้ชีวิตเราแย่ลง แต่รักษาคนที่ไม่ทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยว และนำพาเราไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น
.
แต่สุดท้าย การมีความสุขที่ยั่งยืนและมั่นคงคือการมีความสุขด้วยตัวเอง เพราะการไม่ยึดติดความสุขกับคนอื่นนั้นไม่ยั่งยืนเท่ากับความสุขที่เกิดขึ้นจากตัวเราเอง
.
8
8. กลัวความผิดพลาดจนไม่กล้าตัดสินใจ รอแต่ช่วงเวลาที่เหมาะสม
.
แต่ละวันมีเรื่องให้เราต้องตัดสินใจอยู่ตลอด ถ้ามัวแต่กลัวการตัดสินใจผิดพลาด รอให้ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคงไม่มีวันตัดสินใจสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตได้
.
“สิ่งที่ดีที่สุดคือทำสิ่งที่ถูกที่สุด รองลงมาคือทำผิด แย่ที่สุดคือการยืนเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย” — Alfred Henry Lewis
.
เพราะว่าสิ่งที่แย่ที่สุดคือการยืนอยู่เฉยๆ การที่เราไม่กล้าลงมือ ไม่กล้าตัดสินใจ เป็นการปิดกั้นความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ทำให้เราติดแหง็กอยู่ที่เดิม ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือแย่ อย่างน้อยเราได้เรียนรู้จากสิ่งที่เลือก เรียนรู้จากประสบการณ์และข้อผิดพลาดจากมัน เมื่อลองลงมือทำจริงๆ ผลที่ออกมาอาจไม่เหมือนกับที่เราคิดแต่แรกก็ได้
.
5
9. จริงจังกับการใช้ชีวิตมากเกินไป
.
ลองถามตัวเอง เราจริงจังกับชีวิตเกินไปหรือเปล่า?
.
เชือกที่ขึงตึงเกินไปนั้นไม่ดี แต่เชือกที่หย่อนเกินไปก็ไม่ดีเช่นกัน หาจุดสมดุลของการใช้ชีวิตให้เจอ แล้วเราจะพบว่าชีวิตคือการปล่อยวาง ปล่อยให้ตัวเองมีอิสระในการใช้ชีวิตบ้าง ไม่ลังเลและสนุกไปกับการทำในสิ่งที่ชอบ ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นอาจดูไร้สาระในมุมมองคนอื่น แต่เราทำเพื่อให้ตัวเองมีความสุข แล้วเราจะได้ค้นพบชีวิตที่เต็มไปด้วยความสนุกและงดงาม
.
บางทีความสุขไม่ใช่การมองหาและครอบครองสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่เป็นการยอมรับ ปล่อยวาง ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต เราต่างมีมือเพียงสองข้าง และไม่อาจถือทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยมือเพียงสองข้างนี้ได้ การถือหลายสิ่งไว้ในเวลาเดียวกัน จะทำให้เราหนักและเหนื่อย ฉะนั้นการละทิ้งบางอย่างที่ไม่จำเป็นในชีวิตจะทำให้เราประสบความสำเร็จและมีความสุขได้อย่างแท้จริง
.
.
3
แปลและเรียบเรียงจาก:
.
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#inspiration
โฆษณา