วันจันทร์ที่สดใส จะต้องเริ่มต้นด้วยเรื่องราวดีๆ เพื่อให้มีพลังในการทำงานตลอดทั้งสัปดาห์ คราวนี้เลยมาพร้อมกับความสุขแบบจับต้องได้จามหนังสือ ฮุกกะ ปรัชญาความสุขฉบับเดนมาร์ก
เล่มนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ที่คนเขียนเค้ามาแนะนำวิธีหาคงามสุขแบบง่ายๆ สไตล์คนเดนมาร์ก
คำว่าฮุกกะ คนเขียนก็ไม่รู้จะแปลว่าอะไรดี แต่ว่าเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ว่าทำให้มีความสุข โดยคนเขียนคาดเดาว่าน่าจะมาจากภาษานอร์เวย์ที่แปลว่า อยู่ดีมีสุข ซึ่งคำว่า ฮุกกะ นี้ คนในเดนมาร์กชอบเอาไปใช้ร่วมกับคำอื่นๆ จนทำให้กลายเป็นคำศัพท์ใหม่ขึ้นมาเต็มไปหมด
โดยคนเขียนได้ยกตัวอย่างเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือ เราซื้อความสุขไม่ได้ แต่เราซื้อเค้กได้ ซึ่งการที่เราจินตนาการถึงเค้ก เราก็มีความสุขในระดับหนึ่งแล้วนะ แต่พอได้กินเข้าไปก็ยิ่งมีความสุขอย่างกับได้ขึ้นสวรรค์
เหตุที่เราได้กินของหวานแล้วมีความสุข เป็นเพราะตอนเด็กๆ เราได้ดื่มนมแม่ที่มีรสหวาน พอมีอาหารที่มีรสหวานเราจึงรู้สึกถึงความอยู่รอดของตัวเรา จึงทำให้เรามีความสุข
แต่อย่างไรก็ตาม แค่การกินเค้กอย่างเดียว ก็ไม่ได้ทำให้มีความสุขตลอดไปหรอกนะ คนเขียนเลยแนะนำว่า เราควรมีสังคมบ้าง ซึ่งเท่าที่เก็บข้อมูลมา พบว่าการพบเจอเพื่อนกลุ่มเล็กๆเพียงแค่ 3-4 คนจะทำให้มีความสุขมากกว่าการเจอผู้คนเยอะๆ ดังนั้นคนที่นี่จึงนัดเจอกันกับเพื่อนมากกว่าจะจัดปาร์ตี้
บางครั้งออกไปกอนร้านอร่อยๆบ้างก็สร้างฮุกกะได้ แต่ว่าบางครั้งถ้าค่าอาหารแพงเกินไปก็ทำให้ไม่เกิดฮุกกะ ดังนั้นการทำอาหารกินเองก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้เกิดฮุกกะได้เช่นกัน
คนเขียนก็เลยแนะนำวิธีการทำอาหารสำหรับมานัดเจอกันไว้ในเล่มด้วย มีทั้งแนะนำว่าต้องใช้วัตถุดิบอะไร และต้องทำแบบไหน มีขั้นตอนอะไรบ้าง ซึ่งการทำอาหารก็เป็นการสร้างความสุขได้อย่างหนึ่งด้วยนะ
นอกจากนั้น คนเดกมาร์กส่วนใหญ่ก็เห็นว่าบ้านสร้างความสุขมากกว่าการไปเที่ยวข้างนอก ดังนั้นพวกเค้าจึงลงทุนตกแต่งบ้านให้น่าอยู่ จนถึงกับมีการแย่งกันซื้อแจกันใบเดียวเลยก็มี
และยิ่งไปกว่านั้นคนเขียนมีแนะนำชุดอุปกรณ์ฮุกกะฉุกเฉิน ไว้สำหรับวันที่เราหาอะไรมาทำฮุกกะไม่ได้จริงๆ (ซึ่งโดยส่วนตัวเราว่าเรื่องนี้ ต่างคนต่างทำ ต่างหาว่าอะไรเป็นความสุขของตัวเองดีกว่านะ เพราะสิ่งที่คนเขียนแนะนำอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราชอบก็ได้)
และคนเขียนยังมีการวางแผนว่าในแต่ละเดือนในหนึ่งปี มีกิจกรรมอะไรบ้างที่จะสามารถสร้างฮุกกะได้ ไม่ว่าจะเล่นสกี ดูฝนดาวตก หรือไปเก็บเห็ด (ซึ่งเราว่ากิจกรรมพวกนี้ไม่ค่อยเหมาะกับบ้านเราเท่าไหร่นะ เพราะบ้านเราไม่มีหิมะให้เล่นสกี)
เมื่อเล่าถึงวิธีการหาความสุขในแบบต่างๆไปแล้ว เราจะวัดความสุขได้อย่างไร ซึ่ง GDP ของประเทศ ไม่ได้แปลว่ามีความสุข เพราะว่า "มันวัดทุกอย่างยกเว้นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีคุณค่า"
คนเดนมาร์กเห็นว่าการเสียภาษีไม่ได้เป็นการส่งเงินเข้ากองทุน แต่เป็นการใช้เงินซื้อสวัสดิภาพดีๆของชีวิต โดยหลักสำคัญที่ทำให้มีความสุขคือ มีสมดุลที่ดีระหว่างงานกับชีวิต ซึ่งสิ่งที่มนุษย์พื้นฐานต้องการเพื่อให้มีความสุขคือ
1. อาหาร น้ำ การพักผ่อน และความปลอดภัย
2. ความรักและการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
3. ความเคารพตัวเอง
4. การค้นพบตัวตนที่แท้จริง
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความสุขเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่จะต้องไปตามหากันเอาเองอยู่ดี และการจะไปไขว้ขว้าหาความสุขในสิ่งที่ยังไม่ได้มา มันก็จะทุกข์เกินไป ควรอยู่กับปัจจุบันและมีความสุขกับปัจจุบันดีกว่านะ
ถามว่าอยากแนะนำให้ซื้อมั้ย เล่มนี้ก็เป็นเล่มที่ดีเล่มหนึ่งเลยนะ เอาไว้สำหรับคนที่อยากหาความสุขในรูปแบบที่ไม่ใช่หนังสือธรรมะ และเล่มนี้พิมพ์สีทั้งเล่ม อ่านเพลินมากๆ แปบเดียวก็จบ แถมได้แนวคิดใหม่ๆด้วย
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
