7 ก.ย. 2021 เวลา 06:18 • นิยาย เรื่องสั้น
नमस्ते
สวัสดีครับ ทุกๆท่าน กลับมาพบกันอีกเช่นเคย ห่างหายไปนานมากกกกก เนื่องจากที่กัมพูชานี้ปัญหาโควิดค่อนข้างหนักครับ สถานที่ที่ผมพักอยู่ โดนโควิดกันซะเจ๊กอั้กเหมือนกัน
หลายคนต้องถูกส่งไปรักษา ผมเองแม้จะไม่ติดแต่ก็ต้องเข้ารับการกักตัว ส่งผลให้การดำเนินการอะไรต่างๆนาๆมันล่าช้าไปมาก
ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
มา เรามาต่อกันเลย กับนารายณ์อวตารสองปางสุดท้าย
พุทธาวตาร และ กัลกิยาวตาร
โลกเข้าสู่กลียุคแล้ว
เริ่มกันที่พุทธาวตาร (बुद्धावतार) ก่อนเลย ปางแรกของกลียุค
เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก ดังนั้นก่อนอื่นเลยนะครับผมขอชี้แจงตรงนี้ว่า ผมไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่ดูหมิ่นความเชื่อใดๆ หากมีข้อความใดที่ท่านผู้อ่าน อ่านแล้วรู้สึกไม่ถูกใจ กระผม ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ปางนี้คือ ปางที่พระวิษณุทรงอวตารลงมาเป็นศาสดาของศาสนาพุทธ เพื่อชี้นำมนุษย์ให้พบหนทางสว่างหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง พระพุทธเจ้า นั่นเองครับ
https://shrimadhbhagwatgeeta.blogspot.com/2017/06/blog-post_17.html?m=1
นั่นแหละ อย่างที่คุณได้ยินนั่นแหละ คุณไม่ได้หูฝาดหรอก หรือตาฝาดหรอกครับ
เรื่องนี้ มีคำตอบ
อย่างไรก็ดี ผมเชื่อว่าคนไทยเราส่วนใหญ่นั้นนับถือศาสนาพุทธ(หรือเคยนับถือ) ดังนั้นคาดว่าหลายๆท่านคงจะทราบพุทธประวัติกันแล้ว ดังนั้นโพสต์นี้ผมจะไม่เล่าถึงพุทธประวัติในแบบของศาสนาพุทธนะครับ แต่จะเล่าว่า ทำไม องค์ตถาคต ถึงกลายมาเป็นอวตารของ พระนารายณ์ไปได้
ครับ อย่างที่ได้เห็นไป อวตารปางนี้คือพระพุทธเจ้าครับ ต้องไปเริ่มในยุคอินเดียโบราณที่มีทั้งศาสนาพุทธ และ ฮินดู แล้วครับ
อย่างที่รู้กันว่า ศาสนาพุทธกับพราหมณ์-ฮินดู นั้น มีความคล้ายคลึง แค่คล้ายนะ เพราะแม้จะเกิดในดินแดนใกล้เคียงกัน(อินเดีย-เนปาล) แต่ศาสนาพุทธนั้น เป็นศาสนา อเทวนิยม แต่ ฮินดู เป็น พหุเทวนิยม
ในยุคนั้นศาสนาพุทธเริ่มแพร่หลายในอินเดีย จนเริ่มไปสั่นคลอนอำนาจของฮินดู มีผู้หันไปนับถือในศาสนาพุทธเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ความนิยมในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ตกฮวบฮาบ
เหล่าพราหมณ์นั้นมีความคิดที่ว่า ถ้าศาสนาพุทธมีเค้าโครงจากพราหมณ์ ทำไมเราไม่ผนวกเขาเข้ากับเราเลยล่ะ
นั่นจึงเป็นที่มาของการผนวกพระพุทธเจ้าเข้ากับพระนารายณ์
แล้วถามว่า มันหนักถึงขั้นที่ต้องแย่งต้องเคลมกันเลยเหรอ ผมขอยกตัวอย่างให้ดูครับ
ในยุคของพระเจ้าอโศกมหาราช
พระเจ้าอโศกมหาราช เครดิตรูปภาพ : https://m-hindi.webdunia.com/sanatan-dharma-history/samrat-ashok-120033000040_1.html
ผู้ซึ่งแต่เดิมมีฉายาว่า จัณฑาโศก หรือ อโศกผู้โหดเหี้ยม
ทำศึกกับแคว้นน้อยใหญ่อย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งวันหนึ่งได้พบกับ สามเณรนิโคธร ได้รับฟังธรรมจนดวงตาเห็นธรรม สำนึกผิดได้ว่าตัวเองมือเปื้อนเลือดผู้คนนับแสน จึงได้ทรงเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธแทน หยุดการขยายจักรวรรดิโมริยะด้วยกำลังทหารไปขณะหนึ่ง
พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภก ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง แม้กระทั่งการแพร่ขยายจักรวรรดิด้วยธรรมทูต มีพระภิกษุสงฆ์จำนวนมากที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงส่งไปเผยแพร่ศาสนายังดินแดนต่างๆ หนึ่งในนั้นคือ บริเวณดินแดน สุวรรณภูมิของเรา ที่ได้มีพระเถระจากจักรวรรดิโมริยะ มาเผยแพร่พุทธศาสนา
แม้กาลเวลาจะล่วงเลยผ่านไป แม้จะสิ้นจักรวรรดิโมริยะไปนานแล้ว แต่ศาสนาพุทธก็ยังบูมไม่เลิก
นี่คือหลักฐานสนับสนุนว่าฮินดูต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อดึงคนของตนกลับมา
พุทธาวตารปางนี้ ต่อมาจึงเป็นปางที่มีปัญหาข้อพิพาทระหว่างชาวฮินดูและชาวพุทธมาอย่างยาวนาน จนถึงขั้นยกพวกตีกัน(ล้อเล่น)
ในคัมภีร์ปุราณะของฮินดูกล่าวไว้ว่า
เมื่อครั้งพุทธกาล พระนารายณ์ทรงอวตารลงมาเป็นโอรสของพระเจ้าอัญชนะ ซึ่งต่อมาได้ออกบวช นักบวชรูปนี้ได้หลอกล่อเหล่าอสูรกายละทิ้งพระเวท เพื่อให้มันไม่มายุ่งกับเหล่าเทพดึงพวกมันออกจากศาสนาไปให้หมด
https://www.youngisthan.in/hindi/buddhists-and-brahmins-have-same-religion-then-why-castism-9174/
เฮ้ ตรงนี่ก็ฟังดูดีนะ เหมือนกำจัดเซลล์มะเร็งอ่ะ
แต่เดี๋ยวก่อน
นักบวชรูปนั้นได้สอนชี้แนะแนวทางต่างๆให้กับเหล่าปีศาจ เช่น การฆ่าสัตว์เป็นบาป การลักขโมยเป็นบาป ซึ่งเป็นสอนคำสอนต่างๆของชาวพุทธที่เป็นอเทวนิยม จนเหล่าปีศาจพากันละทิ้งพระเวท หันไปออกบวชตามนักบวชรูปนั้น
แล้ว เรื่องราวต่อไปนี้จะไปพ่วงกับปางต่อไปด้วยครับ
นั่นคือ เมื่อใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของกลียุค ยุคสุดท้ายของโลก พระนารายณ์ตะทรงอวตารลงมาเป็น นักรบนามว่า พระกัลกิยาวตาร และจะมาปราบความชั่วร้าย สังหารคนชั่วให้หมด ซึ่งเหล่าปีศาจที่พากันละทิ้งพระเวทไปนับถืออย่างอื่น ก็อยู่ในลิสต์นั้นด้วย
เหมือนเปรียบเทียบกลายๆว่า ปีศาจเหล่านั้นคือชาวพุทธ ซึ่ง ถ้าชาวพุทธมาอ่านเจอ แน่นอนว่าต้องมีหัวร้อน ลมออกหูกันบ้างแน่ๆ
นี่แหละครับจึงกลายเป็นข้อพิพาทของชาวฮินดูและชาวพุทธในอินเดียอย่างหนักหน่วง
อย่างไรก็ดี ชาวฮินดูบางคนมองต่างออกไป คือ เขามองในแง่บวก นั่นคือ มองว่า ศาสนาพุทธนั้นคือศาสนาฮินดูที่ได้รับการปฏิรูปไปแล้วนั่นเอง เหมือนเป็นสาขาหนึ่งก็ว่าได้ แต่ก็ยังอยู่ในแนวคิดว่าพุทธ=ฮินดูอยู่ดี
ได้ข้อสรุปว่า ในอดีตปางที่9 นั้น อาจไม่ใช่พระพุทธเจ้า แต่การที่มีการดึงเอาพระพุทธเจ้ามาผนวกเข้ากับฮินดูก็ด้วยเหตุผลทางการเมือง เพื่อชิงความนิยม มาประกอบด้วยนั่นเอง
แล้วถ้าปางที่9 ไม่ใช่พระพุทธเจ้า แล้วใครล่ะคือปางที่9 ที่แท้จริง
ตรงนี้ไม่มีใครให้คำตอบได้ แต่ถ้าหาก เราลองไปทางอินเดียใต้ คนอินเดียใต้เชื่อกันว่าปางที่9นี้ คือ "พระพลราม" พี่ชายของพระกฤษณะ GM ผ่านตลอดนั่นเอง แต่ในกระแสหลักเชื่อกันว่าพลรามนั้นคืออวตารของ พญาอนันตนาคราช ความหมายของชื่อ พลราม คือ รามผู้มีกำลังมาก (พละ+ราม)
ปางที่9ทั้งสองความเชื่อ เครดิต: https://www.dharmsansar.com/2020/09/kya-gautam-buddha-vishnu-avatar-hai.html?m=1
พลรามนั้นมีบทบาทในมหากาพย์มหาภารตะในระดับนึง ซึ่งมักจะโผล่มากับพระกฤษณะในการร่วมกันปราบอสูรต่างๆมากมาย
ซึ่งในศาสนาเชน พระพลราม หรือ พระพลเทพ ก็ถูกนับว่าเป็นเทพแห่งการเกษตรและพละกำลังอีกด้วย มักปรากฏอยู่ในรูปของ บุรุษถือคันไถ
พลรามนั้นเป็นโอรสองค์ที่7ของนาวเทวกีและท้างวาสุเทพ ซึ่งมหาราชกังสะที่รู้มาก่อนว่าบุตรของสองคนนี้จะมาฆ่าตนจึงได้มาฆ่าเด็กทุกครั้งที่น้องสาวตนคลอดบุตร โดยพลรามนั้นถูกอำนาจของพระแม่โยคมายาสับเปลี่ยนให้ไปอยู่ในครรภ์ของโรหิณี ภรรยาอีกคนของวาสุเทพ พลรามจึงรอดตาย
และต่อมาโรหิณีก็ได้เดินทางไปอยู่กับนันทะและ
ยโศธา เพื่อนของวาสุเทพที่รับดูแลพระกฤษณะ ทำให้พลรามและกฤษณะเติบโตมาด้วยกัน
พลรามนั้นติดเหล้าอย่างมาก ว่ากันว่า พลรามได้เห็นแววตาจองนางเรวตีผู้เป็นที่รักอยู่ตลอดเวลาที่ดื่มเหล้าจึงทำให้ไม่ยอมเลิกเหล้า เคยมีวีรกรรมโหดคือ กระชากผมพระแม่ยมุนาจากแม่น้ำยมุนาเพื่อมาให้ตัวเองอาบน้ำใกล้ๆเมือง(โหดแค่ไหนล่ะกระชากหัวน้องสาวพระยมราช)
นอกจากนี้ ในมหาภารตะ พลรามยังเป็นอาจารย์สอนวิชากระบอง ให้กับภีมะและทุรโยธน์อีกด้วย ในวันที่18ของสงครามทุ่งกุรุเกษตร ภีมะและทุรโยธน์ได้เข้าต่อสู้กัน ผลคือ ภีมะตีขาหน้าทุรโยธน์จนกระดูกหักและพ่ายแพ้ ด้วยการส่งซิกเล็กๆจากพระกฤษณะ ส่วผลให้พลรามไม่พอใจอย่างมาก พวกคว้าเอาคันไถหมายจะฟาดภีมะให้ตาย เพราะทำผิดกฎคฑายุทธ แต่พระกฤษณะก็ห้ามไว้ และกล่าวว่า ภีมะทำตามคำสาบานอยู่แล้วยังไงทุรโยธน์ก็ต้องตายด้วยวิธีนี้ จนพลรามล้มเลิกความคิด
ต่อมาเกิดเหตุการณ์โกลาหลที่ชาวยาทพเข่นฆ่ากันเอง พระกฤษณะและพระพลราม หนีออกมาจากทวารกาด้วยเหตุไม่สมารถควบคุมใครได้อีกแล้ว ต่อมา พระพลรามได้นั่งสมาธิละสังขารกลับคืนเป็นพญาอนันตนาคราช ไปในที่สุด
https://www.wikiwand.com/en/Balarama
นี่ก็เป็นเรื่องราวของปางที่9นะครับ
ส่วนนารายณ์สิบปางในรูปแบบไทย ปางที่คล้ายๆกับพุทธาวตาร คือ สมณาวตาร
เรื่องมีอยู่ว่า อสูรตรีบูรัม(อินเดียเรียกตรีปุราสูรและมีกันตั้งสามคน)ได้รับพรจากพระอิศวร และมีศิวลึงค์คุ้มกันตัวเองตลอด ต่อมาตรีบูรัมออกอาละวาดจนเดือดร้อนไปทั้งสามโลก พระอิศวรจึวยกกองทัพใหญ่บุกโจมตีเมืองโสฬสของตรีบูรัมน พระอิศวรทรงใช้ กำลังเขาพระสุเมรุทำเป็นมหาธนูโมลี เอาพญาอนันตนาคราชมาขึงเป็นสาย เอาพระนารายณ์มาทำเป็นลูกศร แต่ยิงไม่ได้ พอจะยิง พระนารายณ์ก็จะวูบหลับไปด้วยพรของตรีบูรัม ศรจึงไม่พุ่ง ออกไปจากคันธนู พระนารายณ์จึงอวตารเป็นนักบวชไปหลอกล่อให้อสูรตรีปุรัม เอาศิวลึงค์ที่วางไว้บนหัวลงมา พระอิศวรจึงได้ใช้จังหวะที่ไม่มีศิวลึงค์คุ้มกันตัวมันแล้ว จัดการฆ่ามันทันที
ตรีบูรัม ในโขนเรื่องรามเกียรติ์ https://www.google.com/amp/s/ramakien.wordpress.com/2017/04/23/%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A8%25E0%25B8%25B6%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25A1/amp/
แต่ในเรื่องรามเกียรติ์นั้นระบุว่า ในศึกตรีบูรัม ที่พระอิศวรยกกองทัพใหญ่บุกโจมตี เมืองโสฬสของตรีบูรัมนั้น หลังจากที่ธนูโมลียิงไม่ออก พระอิศวรจึงใช้เพลิงจากพระเนตรที่สามเผาตรีบูรัมจนมอดไหม้ทันที และต่อมา มหาธนูโมลี ก็ได้อยู่ในมือของท้าวชนก แห่ง มิถิลา และพระรามก็ได้มายกขึ้นในพิธีสยุมพร(เลือกคู่)ของนางสีดานั่นเอง
จะเห็นได้ว่า ไม่ได้มีการกล่าวถึงนักบวชห่มผ้าเหลืองโกนหัวโล้นที่มาหลอกให้ยกศิวลึงค์ลงจากหัวเลย
จบปางที่9
ปางที่10 กัลกิยาวตาร (कल्कि अवतार)
พระกัลกี ภาพโดย ราชา รวิ วรรมา https://commons.m.wikimedia.org/wiki/File:Kalki_Avatar_by_Ravi_Varma.jpg
เมื่อโลกดำเนินมาจนถึงจุดที่ความชั่วร้ายครอบงำทั้งโลกได้สำเร็จ ปีศาจกลียุค ได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ความดีเป็นศูนย์ บนโลกมนุษย์มีแต่มนุษย์ใจบาปหยาบช้า เลวทรามต่ำตม มิอาจจะตั้งโปรแกรมใดๆให้เป็นคนดีได้แล้ว เมื่อนั้น
พระวิษณุจะอวตารลงมา เป็นบุรุษผู้ปราบความชั่วร้ายเหล่านั้น
โดยปางนี้เป็นปางที่ยังมาไม่ถึง และไม่ทราบว่าจะมาถึงเมื่อไร
โดยมีเรื่องราวบันทึกไว้ไม่มาก คาดว่าเป็นการทำนายอนาคต ว่า พระกัลกี จะเกิดมาและจะได้รับการสั่งสอนจาก "ปรศุราม" อวตารปางที่6 เพื่อปราบความชั่วร้ายทั้งหมดที่มีอยู่ รวมถึงปีศาจกลียุคที่ยึดครองโลกไว้ได้แล้ว โดยพระกัลกีจะขี่ม้าขาว ไล่ฆ่ามนุษย์เลวๆทุกคน เพื่อชำระล้างโลกเตรียมการให้พระพรหมได้สร้างโลกใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง และโลก ก็จะกลับคืนสู่ สัตยยุค อีกครั้ง
https://www.ageofkalki.com/5-facts-about-kalki-avatar/?hcb=1
กว่าจะถึงวันนั้น ผมคงกลายเป็นปุ๋ย ไม่รู้กี่หมื่นครั้ง
ครับ ก็จบลงไปแล้วสำหรับ บทความ นารายณ์อวตาร 10 ปาง
สำหรับโพสต์นี้ในกลียุค ค่อนข้างดราม่าพอสมควร ประเด็นละเอียดอ่อนค่อนข้างมาก(ก็มันกลียุคแล้วอ่ะเนอะ) ก็ขอให้อ่านไว้พอเป็นความรู้ประดับสมองไว้เฉยๆก็พอครับในแง่ของประวัติศาสตร์ ไม่ต้องไปนั่งหาเหตุผลว่า ใครถูกใครผิด เพราะหากเรามองในมุมของชาวฮินดู เราก็จะเห็นเหตุผลอย่างหนึ่ง และถ้าเรามองในมุมของชาวพุทธ เราก็จะเห็นเหตุผลอีกอย่างหนึ่งเหมือนกัน ต่างฝ่ายต่างก็มีความเชื่อในแบบของตนเอง
ผมเชื่อว่าคุณผู้อ่านสามารถชั่งน้ำหนักเองได้ครับ
สำหรับบทความนารายณ์อวตารก็ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้ครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใด กระผม ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ
สวัสดี
อ้างอิง
เพจ ตำนานเทพเจ้า และเรื่องน่ารู้ในวัฒนธรรมอินเดีย เรื่อง พลราม
เพจ กาจานัน เรื่อง พลราม เทพผู้ติดสุรา
นารายณ์อวตาร ตอนที่ 9
นารายณ์อวตาร ตอนที่ 10
โฆษณา