7 ก.ย. 2021 เวลา 14:46 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่อง : มนต์รักข้ามภพ
เขียน : CORDIA
หมวด : นิยายรักผู้ใหญ่
ตอนที่ 10
หาคำตอบ
**หมายเหตุ ตัดส่วนที่เป็นเนื้อหาล่อแหลมสื่อทางเพศออกบางส่วน
เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ เราทั้งคู่ตื่นสาย รู้สึกตัวอีกทีตอนธีรดาโทรมาตาม ธาดาเหล่ตามองนาฬิกาตั้งโต๊ะบอกเวลา 11.55น. จะไม่ให้ตื่นสายได้อย่างไร เขาเพิ่งปล่อยให้เธอนอนเมื่อตอนหกโมงเช้านี่เอง หลังจากวางสายพี่สาว เขาจึงเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกาย พอก้าวขาออกจากห้องน้ำเป็นจังหวะที่คนบนเตียงเพิ่งตื่นนอน เธอมองมาทางเขาไม่เต็มตา  อาจเป็นเพราะม่านตายังปรับเข้ากับแสงจ้าไม่ได้
"อรุณสวัสดิ์ครับคนสวยของผม"
ธาดาตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำพร้อมเธออีกครั้ง และแน่นอนมันไม่ใช่แค่อาบน้ำ หลังจากอาบน้ำเรียบร้อย จับร่างบางแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงคอจีนสีขาวลายดอกกุหลาบแดงยาวคลุมเข่า เข้าพบผู้ใหญ่ต้องเรียบร้อยมิดชิด
"ดีใจเหรอ บ้านผมอยู่กันหลายคนทั้งคุณแม่ คุณยาย พี่ทราย พี่ณดลเป็นพี่เขยของผม และก็น้องฟ้าใสหลานสาวตัวน้อย" ธาดาแนะนำสมาชิกในครอบครัวให้เธอฟังในรถ ระหว่างทางเขา
"แล้วท่านพ่อของพี่หมออยู่ที่ใดหรือคะ"
"คุณพ่อเสียตั้งแต่ผมเรียนจบใหม่ ๆ แล้วล่ะ" น้ำเสียงราบเรียบไม่แสดงอาการใด ๆ ทำให้คนถามรู้สึกผิด
"หนูเสียใจด้วยนะคะ"
"เอ่อ ปรางครับ ผมมีเรื่องจะถามหนูพอดีเลย" ธาดาจะถามเธอตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ถามหรือพูดคุยกันจริงจังเสียที เขาใช้เวลาว่างจากงานอ่านข้อมูลที่ได้มาจากเพื่อนสนิทอย่างละเอียด และค้นหาเพิ่มเติมในอินเทอร์เน็ต
"พี่หมอจะถามอะไรหรือคะ"
"เดือนแรมนี่ใครเหรอ" ปรางหันขวับกลับไปมองหน้าคนถามทันที คิ้วโก่งขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยว่าเขารู้จักน้องสาวต่างมารดาของเธอได้อย่างไร แล้วเหตุใดถึงมาถามเช่นนี้
"น้องสาวหนูเองค่ะ"
"น้องสาวเหรอ ไหนหนูบอกผมว่ามีพี่น้องสองคนไงครับ คือพี่ชายกับหนู" เขาย้ำถามสิ่งที่รู้จากปากเธออีกครั้ง
"ใช่ค่ะ พี่น้องแม่เดียวกัน ส่วนแม่เดือนแรมคือน้องสาวต่างแม่ของหนูเองค่ะ เกิดจากแม่เดือนที่เป็นเมียอีกคนของท่านพ่อ"
"อ๋อ"
"พี่หมอรู้จักด้วยหรือคะ"
"ไม่รู้จักครับ แต่ประวัติศาสตร์บอกมา"
"ประวัติศาสตร์รึ เขาคือใครคะ พาหนูไปหาเขาได้หรือไม่ หากเขารู้จักแม่เดือนแรม เขาอาจจะรู้จักหนูและพาหนูกลับบ้านได้" เธอพูดรัวเร็วร้อนรน สองมือเขย่าแขนหนา เธอไม่สนใจเลยว่าเขาขับรถอยู่ ธาดาจึงต้องเรียกสติเธอ
"ปราง ปราง ใจเย็น ๆ”
"นะคะ ได้โปรดหนูอยากเจอเขา" เธออ้อนวอนขอร้องด้วยน้ำตา เสียงสะอื้นไห้บอกให้รู้ว่าเธออยากกลับบ้าน
ธาดาตบไฟเลี้ยวเพื่อจอดข้างทาง มองใบหน้าเนียนที่บัดนี้มีคราบน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสอง เขาสงสารเธอแต่พอรู้ว่าเธออยากกลับบ้านแล้ว หัวใจที่พองโตก็ห่อเหี่ยวลง ในวันใดวันหนึ่งปรางได้กลับไปในที่ของเธอ แล้วระหว่างเขากับเธอเล่าจะเป็นอย่างไร มันต้องจบลงตรงนี้เหรอ
"ประวัติศาสตร์เป็นแค่เรื่องเล่า ที่คนในอดีตเขาเล่าต่อ ๆ กันมาเท่านั้น หนูเองก็มีชื่อในประวัติศาสตร์นะ" เสียงสะอึกสะอื้นเงียบลง ปรางกะพริบตาเพื่อไล่น้ำตาออกจากเบ้าตาแล้วมองหน้าเขาชัด ๆ
"ใครเล่าหรือคะ พาหนูไปหาเขาได้ไหม" บทจะเข้าใจยากก็ยากเสียจริง ธาดาถึงกับถอนหายใจ หวนนึกถึงวันแรก ๆ ที่เจอกัน
"ผมไม่รู้จักหรอก เขาอาจจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตแล้วก็ได้"
"ตะ ตายแล้วรึ แสดงว่าแม่เดือนแรม... " ปรางยกมือทาบอก เมื่อเข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อออกมา
"นี่มันยุครัตนโกสินทร์แล้ว ส่วนยุคที่หนูจากมาคือยุคกรุงศรีอยุธยาซึ่งมันเป็นยุคแรกเริ่มของไทยเราเลยนะ หรือที่เรียกว่าบรรพบุรุษของเรานั่นเอง"
"....." เธอเงียบ หลังจากที่เขาพูดจบ
"หมื่นทิศคู่หมั้นของแม่ปราง ในประวัติศาสตร์บอกว่าเขาแต่งงานกับแม่เดือนแรมมีบุตรชายด้วยกันสองคน" เขาอธิบายต่อ เรื่องนี้แหละที่เขาอยากให้ปราง เมียรักของเขาได้รับรู้และตัดใจจากหมื่นทิศนั่นซะ
"พี่หมื่นแต่งงานกับแม่เดือนแรม แล้วข้าเล่า ข้าจักไม่มีวันได้กลับบ้านรึ ฮึก"
"ปราง หนูก็อยู่กับผมที่นี่ไงครับ เราจะแต่งงานและมีลูกด้วยกันที่นี่" ธาดาดึงเมียเด็กขี้แยมากอดปลอบ เขาโยกตัวไปมาเบา ๆ เหมือนกำลังปลอบเด็กน้อย
ธาดาขับรถพาปรางมาถึงที่บ้านตอนบ่ายโมงสามสิบนาที น้องฟ้าใสหลานสาววัยสี่ขวบเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์รีบวิ่งออกมารอรับ วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา หันไปมองสาวข้างกายที่เกิดอาการประหม่าเขาจับมือเธอที่เย็นเฉียบไว้แน่น
"ทุกคนใจดี โดยเฉพาะคุณยาย" เขาพูดเสียงนุ่มกังวานกับเธอ เพื่อให้เธอคลายความตื่นเต้นและความกลัวลง
"สวัสดีค่ะน้าซี สวัสดีค่ะน้าปราง" หนูน้อยกล่าวสวัสดีด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมพนมมือไหว้ ย่อตัวลงเล็กน้อย กิริยาน่ารักทำให้ปรางยิ้มกว้างเอ็นดู
"คิดถึงฟ้าใสจังเลยครับ" ธาดาย่อตัวนั่งคุกเข่าข้างหนึ่ง อ้าแขนรับร่างน้อยที่โผเข้ากอดคอผู้เป็นน้าชาย หอมแก้มซ้ายขวา เขาลุกขึ้นอุ้มหลานสาวไว้ในอ้อมแขนด้วยแขนข้างเดียว ส่วนอีกข้างจูงเมียสาวเดินเข้าบ้านพร้อมกัน
"น้าซีมาแล้วค่ะคุณยาย!" หนูฟ้าใสรีบส่งเสียงตะโกนบอกคนในบ้าน
"คุณยายรู้แล้วค่ะ" คุณทิพย์ขนรับหลานสาวตัวน้อย
"เหมือนพ่อแม่ลูกเลยค่ะคุณแม่" ธีรดามองภาพตรงหน้าด้วยความปลื้มปริ่มสุขใจ น้องชายวัยสามสิบแปดเป็นวัยที่ควรจะมีครอบครัวได้แล้ว คบกับแฟนมากี่คนไม่เคยจะพาเข้าบ้าน สงสัยว่าที่น้องสะใภ้คนนี้คงจะทำให้เธอสมหวัง
ปรางยกมือไหวผู้อาวุโสทั้งสองของบ้าน รวมถึงสองสามีภรรยาตามคุณหมอธาดา แม้จะกลัว ประหม่า ขัดเขินแต่พอได้เห็นได้สัมผัสทุกคนดูใจดีอย่างที่ธาดาว่าไว้ ธาดายื่นมือรับของจากคนรับใช้ที่หิ้วของท้ายรถเข้ามาให้ หนึ่งในนี้คือของฝากหลานสาวคนสวยของเขา ธาดาซื้อไว้ได้เกือบสองเดือนแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้เอามาให้
"ว้าว หนังสือมีเสียงค่ะคุณแม่ ฟ้าใสชอบทั้งสามเล่มเลยค่ะ"
"ขอบคุณน้าหรือยังครับลูก" ณดลพี่เขยของเขาเอ่ยกับลูกสาว ซึ่งฟ้าใสก็รีบยกมือไหว้อย่างน่ารัก
ธาดาเป็นคนรอบคอบและละเอียดมาก เขาจะเลือกสิ่งที่มีประโยชน์ให้กับคนที่รักเสมอ ของเล่นของหลานสาวก็เช่นกัน ยิ่งเป็นเด็กยิ่งต้องเลือกของเล่นที่มีประโยชน์เสริมความรู้ เพื่อพัฒนาสมองพวกเขา
"คุณแม่ค่ะ คนนี้หนูปรางแฟนเจ้าซีค่ะ ปรางลูกมานั่งใกล้ ๆ แม่มา มาให้คุณยายดูหน้าชัด ๆ หน่อยสิ" คุณทิพย์แนะนำผู้มาใหม่ให้มารดาวัยเก้าสิบปี
ปรางคลานเข่าเข้ามานั่งพับเพียบตรงหน้าผู้อาวุโส เธอมองใบหน้าเหี่ยวย่นของท่านแล้วคิดถึงท่านยายของเธอ คุณยายแบมือยื่นออกมาข้างหน้า เธอมองการกระทำด้วยความงุนงง คุณทิพย์จึงจับมือเธอไปแล้วที่มือเหี่ยวของท่าน
น้ำตาที่กักเก็บเอาไว้ บัดนี้เอ่อล้นรินไหลออกมา ริมฝีปากอิ่มสั่นไหวระคนกลั้นเสียงสะอื้น การกระทำที่อ่อนโยนของคนแก่ทั้งสอง ยิ่งทำให้เธอคิดถึงบ้านเหลือ ชาตินี้จะมีโอกาสได้กลับไปกราบเท้าบิดากับมารดาหรือไม่
"ร้องไห้ทำไม" คุณยายแขไขถามด้วยความสงสัยที่จู่ ๆ แต่หญิงสาวรงหน้ากลับร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโย ธาดาที่เตรียมจะลุกไปดึงเธอกลับมานั่งกับเขา ก็ต้องหย่อนก้นนั่งลงที่เดิม
"เปล่าเจ้าค่ะ หนูคิดถึงท่านยายเจ้าค่ะ" เธอตอบท่านด้วยน้ำเสียงอู้อี้ปนสะอื้น
"โธ่ลูกเอ๋ย ขึ้นมานั่งกับยายข้างบนมา ไหนยายขอดูหน้าชัด ๆ สิ เจ้าซีนี่ตาถึงนัก" คุณยายแขไขดึงตัวว่าที่หลานสะใภ้ขึ้นมานั่งข้าง ๆ ท่าน เอ่ยชมหลานชายไม่ขาดปาก
"ไม่ต้องร้อง ท่านเสียแล้วสินะเห็นแม่ทิพย์เขาเล่าให้ฟัง ไม่เป็นไรนะลูกมาเป็นหลานของยายอีกคนก็ได้" น้ำเสียงกังวานอบอุ่นของท่านยิ่งทำให้ปรางปล่อยโฮออกมาทันทีอย่างไม่อายใคร คุณยายแขไขอ้าแขนรับกอดปลอบปรางอย่างเอ็นดูรักใคร่
วันนี้ธาดาปล่อยให้ปรางมีเวลาอยู่กับทุกคนโดยที่เขาไม่ได้เข้าไปหา ทุกคนกำลังขะมักเขม้นกันอยู่ในครัว เพราะเขาคิดว่าเธอคงคิดถึงบ้านคิดถึงครอบครัว เธอมาอยู่กับเขาที่นี่ได้หนึ่งเดือนแล้ว ธาดานั่งเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่น เปิดไอแพดดูข่าวสารต่าง ๆ นั่งอยู่สักพักปรางก็เดินถือถาดที่มีทับทิมกรอบกับน้ำใบเตยหอม ธาดาช้อนตาขึ้นมองพอรู้ว่าเป็นใคร เขารีบวางไอแพดลง
"ทับทิมกรอบกับน้ำใบเตยหอมค่ะพี่หมอ" พอเธอวางถาดบนโต๊ะแล้ว ธาดาหันซ้ายหันขวาดูว่าไม่มีใครมาแอบดู เขาจึงดึงแขนเรียวลงมาในข้าง ๆ ใช้ลำแขนหนากอดเอวเธอไว้หลวม ฝังจมูกเข้ากับแก้มนิ่ม
"พี่หมอ!"
"เบา ๆ สิครับ” เขาแกล้งกระซิบบอกเธอ นิ้วเรียวเขี่ยแก้มนิ่มเล่น
"ทำไมเมียผมขี้แยจังเลย เดี๋ยวผมจะพามาบ่อย ๆ ดีไหม" ธาดาหมายถึงบ้านหลังนี้ คนเยอะดีแล้วอีกอย่างเธอดูมีความสุข ยิ้มกว้างสดใสกว่าทุกวัน
"ดีค่ะ พี่หมอลองทานทับทิมกรอบดูสิค่ะ หนูไม่เคยกินเลยค่ะยิ่งใส่ก้อนน้ำเย็น ๆ นั้นสดชื่นยิ่งนักค่ะ"
"เขาเรียกน้ำแข็ง" เขาหลุดขำกับสิ่งที่เธอเรียกน้ำแข็ง ปรางยิ้มเอียงอายจึงโดนขโมยหอมแก้ม โดนเขาหอมแก้มจนเธอรู้สึกว่ามันจะช้ำเสียแล้ว
ตกเย็นแล้วธาดาคิดว่าสมควรแก่เวลาที่ต้องลาผู้ใหญ่กลับบ้านแล้ว แต่ผู้อาวุโสสูงสุดของบ้านท้วงติงให้ค้างคืนที่นี่ เขาตั้งใจจะปฏิเสธแต่พอหันหน้าไปมองหญิงสาวที่ทำตาละห้อย อ้อนวอนทางสายตาให้เขาค้างที่นี่ตามคำขอของคุณยายแขไข ธาดาจำต้องยินยอม
“พรุ่งนี้ผมต้องเข้าเวรเช้านะครับคุณยาย"
"ซี จะไปทำงานก็ไปทำสิ ส่วนปรางก็ให้อยู่นี่ล่ะดีแล้ว แกจะปล่อยให้น้องอยู่บ้านคนเดียวหรือไง" ธีรดารีบสวนตอบน้องชายทันที
"เอาตามที่พี่ทรายว่านะซี ยายขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อน ปรางเอ้ยตามสบายนะลูก" ประโยคท้ายหันมาพูดกับว่าที่หลานสะใภ้ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
"ปรางจ้ะ ขึ้นไปดูห้องนอนกับพี่ดีกว่า"
"เดี๋ยวพี่ทราย จะให้ปรางนอนไหน" ธาดาถามพี่สาวเสียงหลง ปรางเป็นเมียเขาต้องนอนกับเขาถึงจะถูกต้อง
"ก็นอนห้องแขกสิ" ธีรดานึกสนุกอยากแกล้งน้องชายขึ้นมา
"ไม่ได้นะพี่" น้องชายดึงแขนพี่สาวไปกระซิบเบา ๆ กลัวคุณแม่กับคุณยายได้ยินเข้า
"เอ้า ไอ้นี่ แกกับเขายังไม่แต่งงานกันจะนอนด้วยกันได้ไง น่าเกลียด" คำสุดท้ายลาดเสียงยาวยียวนกวนอารมณ์น้องชาย ที่ตอนนี้เริ่มทำสีหน้าไม่พอใจรุนแรง ธาดาถอนหายใจดังเฮือกเขาเงียบไปสักพักเหมือนกำลังใช้ความคิด
"ให้นอนห้องข้าง ๆ ผมนะ" เขายอมจำนนพูดเสียงอ่อน เพื่อให้พี่สาวเห็นใจ ธีรดาพอเห็นอาการของน้องชายเริ่มใจอ่อนไม่อยากแกล้งต่อ
"อือ ไปจ๊ะปราง" ปรางเดินตามแรงจูงของธีรดาขึ้นบันไดไป หันมามองธาดาแวบหนึ่ง
ก่อนจากกัน ไรท์ขออนุญาตฝากเพจ facebook ทิ้งท้ายไว้ในโพสด้วยนะคะ
ชื่อเพจ นักเขียนนามปากกา Cordia/หลิวเหลียน/เดือนสิบ/วันวรา
โฆษณา