8 ก.ย. 2021 เวลา 22:00 • ความคิดเห็น
นักเรียนเลว....เลวจริงๆ และอาจจะโดนรุ่นน้องล้อว่าโง่ด้วย ประท้วงโดยการไม่เรียน
วิธีการประท้วงโดยไม่เรียนคนที่เดือดร้อน ไม่ใช่กระทรวงฯ ไม่ใช่ครูที่โรงเรียน แต่จะเป็นตัวนักเรียน และผู้ปกครอง
ช่วงนี้เป็นช่วงการสอบเทอม 1 สิ่งที่นักเรียนควรจะทำคือตั้งใจสอบ เพราะเรายังอยู่ในกฎระเบียบเดิมๆ
อีกประการ คือสถานการณ์การระบาดของโควิด นอกจากการประท้วงจะไม่ได้รับการสนับสนุน จากคนดี ขอย้ำว่าคนดี หากอยากรู้ว่าคนดีคือใคร ไปหาเองแล้วจะรู้ว่าคนดีัควรเป็นแบบใหน
ภาพจากมติชน
สาระในการประท้วงเป็นเรื่องดีนะ ชัดเจน แต่มันไม่ถูกเวลาไม่ใช่วันนี้ประท้วงเรื่องนี้ เดือนต่อมาเปลี่ยนเรื่องประท้วง อย่างนั้นเรียกว่าระราน หรือก่อกวน เรื่องเดิมยังไม่แก้ไข ไปประท้วงเรื่องใหม่ไม่ได้ คนเค้าจะมองว่าเราไม่มีจุดยืน
การประท้วงไม่ได้จบลงที่ชัยชนะของนักเรียนภายในชั่วข้ามคืน ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใดๆได้
คนที่เกี่ยวข้อง เข้ามาแล้วก็จะจากไป แต่ความรู้และโอกาสของนักเรียนที่เสียไป จะไม่ได้กลับคืน
ยิ่งสถานการณ์ตอนนี้การเรียนก็เรียนแบบขอไปที ไม่ได้ความรู้เต็มเม็ดเต็มหน่วย หากยังมัวแต่มาประท้วงหยุดเรียน มีแต่เสียกับเสีย
ถ้าสอบตก แต่ปีนี้จะไม่ตก เนื่องจากว่ากระทรวงประกาศว่าทุกคนจะได้เลื่อนชั้นอัตโนมัติ ไม่ว่าจะสอบได้คะแนนเท่าไหร่ก็ยังได้เลื่อนชั้น แต่ผลเสียคือความเข้าใจในเนื้อหาการเรียน ที่ตัวนักเรียนจะเสียไป เมื่อความรู้ฐานมันไม่แน่นเลื่อนชั้นขึ้นไปก็ยิ่งจะทำให้การเรียนมันยากยิ่งขึ้น
หากสถานการณ์ปกติรุ่นน้องที่อยู่ชั้นต่ำกว่า ก็จะไล่มาทัน จากที่เป็นรุ่นพี่ก็จะกลายเป็นรุ่นเพื่อน อายไปดิ...
ไม่ต้องกลัว ว่าจะไม่โดนบูลลี่ โดนแน่นอน ...นอกจากจะกลายเป็นนักเรียน เลวไม่พอกลายเป็นนักเรียนโง่ไปอีก โดนรุ่นน้องล้อ
อย่าเพิ่งโมโห พี่โทนาฟมีลูกเหมือนกัน และอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษา ซึ่งต้องบอกว่าก่อนหน้านี้เรียนที่โรงเรียนเอกชนเล็กๆแห่งหนึ่ง
ย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนของรัฐบาล เพราะคิดว่าการเรียนการสอนจะดีกว่าโรงเรียนเอกชนที่เรียนอยู่ (ค่าเทอมแพงกว่าเอกชนด้วย) แต่การเรียนการสอนต้องบอกตามหลังจากเอกชน 2 ปี ในบางวิชา
แรกเริ่มเรียนออนไลน์มากกว่า 9 ชั่วโมงต่อวัน
ตอนนี้เหลือประมาณ 7 ชั่วโมงต่อวัน
พี่โทนาฟยังไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิด ที่ย้ายลูกมาเรียนโรงเรียนรัฐบาล
แต่ไม่เป็นไรมันผ่านไปแล้ว เราแก้ไขตรงนั้นไม่ได้เพราะจะทำให้เสียเวลาไป 1 ปี สิ่งที่ทำได้ก็คือ ให้ลูกพยายามตั้งใจเรียนไปก่อน ค่อยคิดหาทาง
กลับมาต่อเรื่องนี้ดีกว่า...
คำแนะนำที่พี่โทนาฟอยากจะพูดก็คือ ยังไงเราก็ต้องเรียนไปก่อน เราไม่สามารถหยุดเรียนเพื่อให้เสียเวลาไปฟรีๆได้ แค่วันเดียวถ้าบังเอิญครูเปลี่ยนเนื้อหาไปสอนเรื่องใหม่ เราก็ตามไม่ทันแล้ว
การประท้วงควรทำหลังเลิกเรียนหรือก่อนเข้าเรียน
จะดีกว่า เริ่มจากที่โรงเรียนที่เรียนก่อน อธิบายถึงเหตุผลที่เราต้องการการเปลี่ยนแปลง กฎระเบียบ หลักสูตรการเรียนการสอน ให้กับคนที่โรงเรียนฟัง หากทุกคนเห็นด้วยว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องปรับปรุง ก็เริ่มจากโรงเรียนเรา
เมื่อเรารักประชาธิปไตย อย่าทำตัวเป็นเผด็จการซะเอง ใครไม่เห็นด้วยช่างเค้า ไม่ระรานคนเห็นต่าง
ทำหนังสือถึง ผู้ใหญ่ในโรงเรียน หากยังเพิกเฉย ก็ขยับขึ้นไปอีกขั้น
เราไม่สามารถห้กด้ามพร้าด้วยเข่าเราได้คนที่เจ็บคือเรา และพ่อแม่ หาใช่ใครอื่น
(หักด้ามพร้าด้วยเข่า หมายความว่า ต้องรู้จักกำลังของเราเอง การรู้จักประมาณตน ไม่เช่นนั้นผลร้ายจะเกิดกับตัวเรา)
จากนั้นหาแนวร่วมโรงเรียนอื่น ด้วยวิธีการเดียวกัน
อย่างนี้ พี่โทนาฟเห็นว่า น่าจะได้ผลดีกว่า และเราไม่เสียโอกาสในการเรียนของเรา ซึ่งทุกปีมีค่าจะช้าไม่ได้
เพราะวัยนี้เหมาะแก่การเรียนรู้ได้ไวทึ่สุด สมองจดจำได้ดีกว่า
บทสรุป พี่โทนาฟเห็นด้วย กับการประท้วง แต่วิธีการต้องไม่ใช่หยุดเรียน มันทำร้ายตัวเราเองในอนาคต
การเรียนที่ใช้ชั่วโมงเรียนมากเกินไป เราควรเปลี่ยนแปลง การบ้านก็เยอะเกินไป
ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นพี่โทนาฟ ยังไม่เห็นความสำคัญ เพราะเน็ต ยังไงก็จ่ายรายเดือน คอมยังไงก็มีอยู่แล้ว เรื่องเครียด เนี่ยน่าหนักใจสุด พี่โทนาฟเองก็พยายามช่วยลูกในส่วนที่เราพอทำให้ได้
สิ่งสำคัญที่สุดส่งเสริมทักษะการใช้ชีวิต ให้มากกว่านี้ การเอาชีวิตรอด เก่งแต่ในตำราอย่างเดียวไม่พอ
ทฤษฎีกับปฏิบัติจริงมันต่างกัน สถานการณ์มันต่างกัน จำเป็นที่จะต้องฝึกทักษะการใช้ชีวิต
ทรงผม เสื้อผ้า ไม่ควรมีกฎเกณฑ์ในการบังคับในเรื่องแบบนี้ หากจะทำ ควรทำด้วยความสมัครใจ อาจใช้คะแนนพิศวาส ซึ่งมันมีอยู่ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ให้กำลังใจสำหรับเด็ก ที่แต่งตัวถูกระเบียบของโรงเรียน 15 คะแนน
ส่วนเด็กที่แต่งตัวตามสบายอาจจะมีกฎเกณฑ์อยู่บ้างในบางเรื่อง เช่นไม่แต่งตัวโป๊เกินไปไม่ใส่รองเท้าแตะไปโรงเรียน ควรให้เกียรติสถานที่บ้าง ดูตามความเหมาะสม ซึ่งพี่โทนาฟเชื่อว่า เด็กรุ่นใหม่ฉลาดและเข้าใจดี กับคำว่าให้เกียรติสถานที่
เหนือสิ่งอื่นใด เราไม่ได้เรียนมาเพื่อทราบและโปรดพิจารณา
แต่เราเรียนเพื่อพัฒนาชีวิตของเราให้ดีขึ้น การหยุดเรียนประท้วง จึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ประท้วงได้แต่เราต้องไม่หยุดเรียน เพราะยังไงเสีย เรายังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใดๆได้
ท้ายที่สุดก็ได้แต่หวังว่าผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง จะหันมาใส่ใจและปรับปรุงหลักสูตร ให้ทันต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก
โฆษณา