Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บทความของนายติงลี่
•
ติดตาม
11 ก.ย. 2021 เวลา 10:51 • ประวัติศาสตร์
ถ้าพูดถึงนักกีฬายิงปืนสักคนที่เป็นม้ามืดที่สุดในโลก ชนิดที่ว่ามีแต่คนมองข้ามสายตา โดนทั้งคนรอบข้างประมาทและคิดว่าไร้น้ำยา แม้แต่คนดูกีฬาทั่วๆไปในสมัยนี้ก็ยังแทบไม่มีคนรู้จัก
ชื่อของเขาคือ คารอย ตากาคส์ (Karoly Takacs)
คารอย ตากาคส์ เกิดที่เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ในปี 1910 เขาชื่นชอบการยิงปืนเป็นชีวิตจิตใจ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็มีความใฝ่ฝันที่อยากไปโอลิมปิก
ช่วงเวลานั้นเกิดสงคราม ชาติต่างๆ ในแถบยุโรป ต่างต้องการกำลังทหารเข้ามาในกองทัพของตัวเองเป็นอย่างมาก ขณะนั้นตากาคส์อายุถึงเกณฑ์แล้วจึงได้ทำการสมัครเข้าร่วมกับกองทัพ
ในช่วงเวลานั้นเขาฝึกซ้อมยิงปืนอย่างหนักจนเป็นที่ยอมรับของผู้คนและได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของทีมยิงปืนในระดับประเทศ
และเมื่อการแข่งโอลิมปิกที่กรุงเบอร์ลินในปี 1936 มาถึง ตากาคส์มีความมุ่งมั่นอย่างมากแต่เขาถูกปฏิเสธให้เข้าร่วมทีมยิงปืนของฮังการีเพราะในขณะนั้น ทีมชาติฮังการีมีกฎระบุว่าผู้เข้าแข่งขันต้องจะต้องเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรเท่านั้น แต่ตัวเขาเป็นแค่จ่าเลยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมกับทีม
แต่อย่างไรก็ตามโอกาสของเขาก็มาถึงเมื่อโอลิมปิกยกเลิกกฎเกณฑ์ดังกล่าวหลังจากการแข่งขันที่กรุงเบอร์ลินจบลง ตากาคส์ก็ฝึกซ้อมอย่างหนักอยู่ตลอดเพื่อที่จะได้ไปแข่งขันโอลิมปิกครั้งหน้าในปี 1940 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
แต่สองปีก่อนโอลิมปิกก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในระหว่างการฝึกทหาร เขาประสบอุบัติเหตุร้ายแรงเนื่องจากการฝึกขว้างระเบิดมือ แต่ระเบิดดันลั่นคามือขวาที่เขาใช้ยิงปืนจนพิการและไม่สามารถใช้งานได้อีกเลย
เขานอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน เพื่อนๆก็ต่างพากันไปเยี่ยมแล้วก็รู้สึกเสียดาย คิดว่าเขาคงทำใจไม่ได้
หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วเขาก็เก็บตัวเงียบๆหายไปเป็นปี หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้ยินข่าวของเขาอีกเลย จนถึงช่วงปี 1939
ตากาคส์ก็ปรากฏตัวอีกครั้งในงานแข่งยิงปืนชิงแชมป์ของประเทศที่ชื่อว่า UIT World Shooting Championships
เมื่อเพื่อนๆเห็นเขาก็ต่างเข้าไปรุมล้อม เข้าไปให้กำลังใจ บางคนก็ไปแสดงความเห็นอกเห็นใจ บางคนก็ชื่นชมในความเข้มแข็งของเขา และยังถามว่า
"วันนี้นายมาเชียร์เพื่อนๆเหรอ?"
แต่ทุกคนกลับประหลาดใจเพราะเขาตอบว่า
"ผมไม่ใช่แค่มาดูพวกคุณเฉยๆนะ วันนี้ผมมาลงแข่งด้วย"
ทุกคนก็ยังงง ๆ อยู่แต่ก็คงจะเข้าใจว่า สงสัยเขาคงยังคิดถึงการยิงปืนเพราะการยิงปืนเปรียบเหมือนกับชีวิตจิตใจของเขา
เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้นทุกคนถึงกับอ้าปากค้างเมื่อ
ตากาคส์ลั่นไกล กระสุนทุกนัดที่ยิงออกไปเข้าเป้าตรงกลางทุกนัดและเขาก็ชนะการแข่งขันในวันนั้น
อย่างไรก็ตามชัยชนะที่ได้มานั้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เพราะหนึ่งปีที่หายไปตากาคส์แอบไปซุ่มฝึกซ้อมยิงปืนด้วยมือซ้ายซึ่งเป็นข้างที่ไม่ถนัดและเป็นมือข้างเดียวที่หลงเหลืออยู่
เขาฝึกซ้อมอย่างหนักในทุก ๆ วัน เอาแต่ซ้อม ซ้อมแล้วก็ซ้อม หลังจากออกจากโรงพยาบาลเขาเลิกเสียใจ เลิกร้องไห้ เลิกผิดหวัง เขาก็คิดแต่เพียงว่า "ช่างหัวแม่งสิวะ ฉันยังมีมือข้างซ้ายอยู่หนิ ดูซิมันจะทำอะไรได้บ้าง"
และผลก็ออกมาอย่างที่ทุกคนเห็นเขากลายเป็นนักแม่นปืนมือหนึ่งของประเทศของฮังการี
แต่หลังจากการแข่งขันในวันนั้นโชคชะตาก็เล่นตลกกับเขาอีกครั้งเพราะการแข่งขันโอลิมปิกในปี 1940 และ 1944 ถูกยกเลิกไปเนื่องจากมีสงครามโลกครั้งที่สองทำให้ตากาคส์ต้องอดทนรอคอยไปอีก
จนเมื่อถึงโอลิมปิกที่ลอนดอนในปี 1948 กับการรอคอยนับเป็นสิบปี...
เขาก็สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั้งโลกเมื่อเขาคว้าเหรียญทองปาดหน้าคู่แข่งอย่าง คารอส วาเลียนเต้ นักแม่นปืนชาวอาเจนติน่าที่เป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งในการแข่งครั้งนี้และยังทำสถิติโลกไปถึง 580 คะแนน ด้วยวัย 38 ปี จนวาเลียนเต้แซวว่า... คุณมาทำอะไรที่นี่ ?
ตากาคส์จึงตอบว่า " ฉันมาเพื่อเรียนรู้ "
แต่เท่านั้นยังไม่พอเขายังคว้าเหรียญทองได้อีกครั้งในปี 1952 และยังทำคะแนนไปได้ถึง 579 คะแนน จนวาเลียนเต้คู่ปรับคนเก่าแซวเขาว่า "คุณควรเลิกเรียนรู้ได้แล้วนะ คุณควรมาเป็นครูฝึกให้ผมจะดีกว่า"
ภายหลังตากาคส์ได้รับการยกย่องเป็นฮีโร่โอลิมปิก และเขายังเป็นหนึ่งในผู้พิการ 11 คนที่เคยคว้าชัยในเกมกีฬาระดับมนุษย์ชาติ
หลังจากนั้นเขาก็แขวนกระบอกปืนและผันตัวกลายมาเป็นโค้ชให้ทีมชาติเรื่อยมา จนมาถึงบั้นปลายของชีวิตและเสียชีวิตลงอย่างสงบในปี 1976 ที่บูดาเปสต์ บ้านเกิดของเขา
คุณผู้อ่านครับ มาถึงตรงนี้เราได้ข้อคิดอะไรจากผู้ชายคนนี้กันบ้างเดี๋ยววันนี้ผมจะเล่าให้ฟังครับ
1) ตากาคส์มองปัญหาออกเป็น 2 อย่าง คือ ปัญหาที่ตัวเราแก้ได้ กับ ปัญหาที่ตัวเราแก้ไม่ได้
- ปัญหาที่เราแก้ได้
ยกตัวอย่างเช่น เรามีน้ำหนักเยอะเกินไป เราก็แค่ออกกำลังกายลดน้ำหนัก กินอาหารที่มีประโยชน์
เราเรียนไม่เก่ง เราก็ต้องพยายามให้มากกว่าคนอื่นตั้งใจศึกษาหาความรู้
- ปัญหาที่เราแก้ไม่ได้
คนเรามักใช้เวลาไปกับปัญหาที่แก้ไม่ได้ ตั้งแต่เรื่องโควิด-19 ว่าเมื่อไหร่จะจบลงสักที หุ้นตก ภัยแล้ง เศรษฐกิจไม่ดีและอื่นๆอีกหลายอย่าง ซึ่งตัวเราไม่สามารถไปทำอะไรกับปัญหาเหล่านั้นได้เลย
จะคิดค้นวัคซีนที่ฉีดเข็มเดียวแล้วหายเลยก็ทำไม่เป็น จะพยุงหุ้นเองทั้งตลาดก็ไม่ได้ จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจก็ทำด้วยตัวคนเดียวไม่ได้
ดังนั้นแล้วสู้ทำตัวให้เหมือน "คารอย ตากาคส์"
ไม่ดีกว่าหรือครับแยกปัญหาให้ออก การเสียมือขวาไป มันเป็นปัญหาที่เขาแก้ไม่ได้ เขาเลยปล่อยมันไปเเล้วเอาเวลามาพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเก่งขึ้น ย่อมเป็นทางที่ดีกว่า
2) ตากาคส์เป็นนักลงมือทำ
บางครั้งเรามักจะเจอคนรอบข้างแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย บางเรื่องก็ดี บางเรื่องก็ไม่ดี
จนทำให้เราไม่กล้าที่จะทำตามความฝันของตัวเอง
"ดังนั้นอย่าให้คำพูดของคนอื่นมาตัดสินชีวิตของคุณ"
เหมือนกับตากาคส์เขาไม่สนว่าใครจะดูถูกเขา เขาไม่แคร์คำพูดของผู้คน เขาลงมือทำแล้วเอาชัยชนะมาเป็นผลงานชิ้นเอกให้กับตัวเอง
3) ตากาคส์เชื่อว่าตัวเองทำได้
เมื่อตากาคส์ออกจากโรงพยาบาล ตัวเขาอาจจะท้อแท้ หมดหวัง และคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้หรอกที่ฉันจะคว้ารางวัล มือขวาที่ถนัดก็หายไปแล้ว
แต่เขาคิดตรงกันข้ามครับ เขาคิดว่านี่เป็นเรื่องท้าทายตัวเองที่จะใช้มือซ้ายคว้ารางวัลมาให้ได้
"เมื่อความคิดเปลี่ยน ร่างกายก็ไม่ใช่อุปสรรค"
บางคนเจองานยากๆก็ปฏิเสธแบบไม่คิด ลองเปลี่ยนความคิดดูครับ เปลี่ยนจากเรื่องยากๆให้กลายเป็นเรื่องน่าท้าทาย ถ้าคิดแบบนี้ได้เราจะพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็วครับ
(เส้นแบ่งบางๆของความสำเร็จ ล้วนแล้วมาจากวิธีคิดและทัศนคติของคุณเอง)
และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดของ" คารอย ตากาคส์"
ชายผู้ที่ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา
[หากคุณชอบบทความที่มีแต่สาระดีๆเพื่อนำไปปรับใช้ได้ในชีวิต]
.
ก็สามารถติดตามได้ทาง Facebook และ Blockdit
ชื่อเพจ บทความของนายติงลี่ กันได้เลยครับ
.
ขอบขอบคุณสำหรับทุกคำติชม
และอย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ
สำหรับวันนี้ลากันไปก่อนครับผม...
คารอย ตากาคส์
1 บันทึก
1
4
1
1
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย