12 ก.ย. 2021 เวลา 00:10 • ข่าว
สิ้นปี 2564 ไทยจะมีวัคซีนมากพอฉีดคนไทย 90% หรือฉีดวัคซีนครบ 50 ล้านคน แล้วแบ่งฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ได้อีก 26 ล้านคน
การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด เพื่อยุติการระบาดใหญ่ และควบคุมให้กลายเป็นโรคประจำถิ่นนั้น
จำเป็นจะต้องฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ของประเทศให้ได้โดยเร็ว ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยสำคัญสองประการคือ
1) จำนวนหรือปริมาณวัคซีนที่สามารถจัดหามาได้ ภายในเวลาที่กำหนด
2) ศักยภาพหรือความสามารถในการฉีดวัคซีนต่อวัน
ถ้ามาวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิดในประเทศไทย จะมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
ภายในเดือนธันวาคม 2564 ไทยจะมีวัคซีนหลักสามชนิด ดังนี้
1) Sinovac 31.5 ล้านโดส
2) AstraZeneca 62.9 ล้านโดส
3) Pfizer 31.5 ล้านโดส
รวมเป็นวัคซีนทั้งสิ้น 125.9 ล้านโดส
เริ่มต้นด้วย
กุมภาพันธ์ 2564 ไทยได้รับวัคซีน
Sinovac (SV) 2 แสนโดส
AstraZeneca (AZ) 1.2 แสนโดส
มีนาคม 2564
ได้รับวัคซีน SV 8 แสนโดส
เมษายน 2564
ได้รับวัคซีน SV 1.5 ล้านโดส
พฤษภาคม 2564
ได้รับวัคซีน SV 4 ล้านโดส
ทำให้ในช่วงแรกคือ
กุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2564
ไทยมีปริมาณวัคซีนที่น้อยมาก
เพียง 6.6 ล้านโดส
แต่เมื่อบริษัทสยามไบโอซายน์ ซึ่งผลิตวัคซีนให้กับแอสตร้าไทยแลนด์ เริ่มเดินเครื่องการผลิตได้ในเดือนมิถุนายน 2564
ทำให้วัคซีนในเดือนมิถุนายน 2564 ขยับขึ้นเป็น 6.9 ล้านโดส ( SV 1.5 ล้านโดส และ AZ 5.4 ล้านโดส )
กรกฎาคม 2564 ได้รับวัคซีน 11.9 ล้านโดส ( SV 5 ล้านโดส และ AZ 6.9 ล้านโดส)
สิงหาคม 2564 มีวัคซีนจำนวน 13.8 ล้านโดส ( SV 6.5 ล้านโดส AZ 5.8 ล้านโดส และ PZ 1.5 ล้านโดส )
ยอดของวัคซีน สิ้นสุดที่เดือนสิงหาคม 2564 รวม 39.22 ล้านโดส
และฉีดไปแล้ว 38.87 ล้านโดส
ต่อจากนั้นในอีก 4 เดือนที่เหลือของปีนี้
กันยายน 2564
จะมีวัคซีนเข้ามา 15.7 ล้านโดส
SV 6 ล้าน
AZ 7.7 ล้าน
PZ 2 ล้านโดส
ตุลาคม 2564
เข้ามาอีก 24 ล้านโดส
SV 6 ล้าน
AZ 10 ล้าน
PZ 8 ล้านโดส
พฤศจิกายน 2564
เข้ามาอีก23 ล้านโดส
AZ 13 ล้าน
PZ 10 ล้านโดส
ธันวาคม 2564
เข้ามาอีก 24 ล้านโดส
AZ 14 ล้าน
PZ 10 ล้าน
ทำให้ในอีก 4 เดือนที่เหลือ
จะมีวัคซีนเข้ามาอีก 86.7 ล้านโดส
เมื่อรวมกับวัคซีนที่รับมาแล้ว และฉีดไปเกือบทั้งหมดแล้วอีก 39.22 ล้านโดส
จึงทำให้มีวัคซีนที่คาดว่าจะมีใช้ฉีดทั้งสิ้น 125.92 ล้านโดส
ซึ่งจะสามารถฉีดคนละ 2 เข็ม ตามเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ คือฉีดให้ได้ 50 ล้านคน หรือ 100 ล้านโดสแล้วนั้น
1
จะมีวัคซีนมากพอ ที่จะฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ได้อีก มากถึง 25.92 ล้านคน
ในกรณีถ้ายังไม่แบ่งไปฉีดเข็มสาม จะสามารถฉีดให้ประชากรได้ทั้งสิ้นถึง 62.96 ล้านคน หรือเกือบ 90% ของประชากรทั้งประเทศ
1
ในประเด็นเรื่องความสามารถในการฉีดวัคซีนของไทย
ขณะนี้เหลือเวลาอีก 112 วัน ถ้าจะฉีดให้ครบ 100 ล้านโดส จะต้องฉีดอีก 61.13 ล้านโดส เฉลี่ยต้องฉีดวันละ 5.4 แสนโดส
ถ้ากรณีจะฉีดให้ได้ 125.92 ล้านโดส จะต้องฉีดอีก 86.71 ล้านโดส หรือวันละ 7.7 แสนโดส
เมื่อย้อนกลับไปดูศักยภาพการฉีดวัคซีนในระยะหลังของไทย จากการเก็บตัวเลขในช่วงวันที่ 1-11 กันยายน 2564 เราสามารถฉีดวัคซีนไปได้ทั้งสิ้น 7.86 ล้านโดส เฉลี่ยวันละ 7.1 แสนโดส
1
ซึ่งใกล้เคียงกับที่เราต้องการคือ อยู่ในช่วง 5.4 แสนถึง 7.7 แสนโดส โดยเราเคยทำสถิติสูงสุดฉีดวันเดียว เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2564 ได้จำนวน 9.2 แสนโดส
1
จึงพอสรุปอยู่บนพื้นฐานที่มีความเป็นไปได้ว่า
1) ปริมาณวัคซีนที่เข้ามาขั้นต่ำ อยู่ที่ 125.92 ล้านโดส เพียงพอที่จะฉีดให้คน 50 ล้านคน ได้ครบสองเข็ม และเหลือกระตุ้นเข็มสามได้อีก 25.92 ล้านคน
หรือถ้าฉีดสองเข็มหมดทุกคน โดยยังไม่กระตุ้นเข็มสาม จะฉีดได้ถึง 62.96 ล้านคน หรือ 90% ของทั้งประเทศ
2) ความสามารถในการฉีด ถ้าจะฉีดให้ครบ 50 ล้านคน จะต้องฉีดที่เหลือเฉลี่ยวันละ 5.4 แสนโดส
แต่ถ้าจะฉีดให้ครบทั้ง 125.92 ล้านโดส จะต้องฉีดเฉลี่ยวันละ 7.7 แสนโดส
1
ซึ่งเราสามารถฉีด ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ 7.1 แสนโดส
ทั้งนี้ยังไม่นับวัคซีนทางเลือก ได้แก่ Sinopharm และ Moderna ซึ่งคาดว่าจะมีวัคซีนของ Sinopharm รวมทั้งสิ้น 25 ล้านโดส และ Moderna อีก 5 ล้านโดส รวมเป็น 30 โดส
ดังนั้น แนวโน้มการฉีดวัคซีนของประเทศไทยภายในสิ้นปีนี้ จึงเป็นไปได้ที่จะครอบคลุมประชากรตามที่ต้องการ รวมถึงเหลือกระตุ้นเข็มสามได้อีกราว 26 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการมีไวรัสกลายพันธุ์ ทำให้ความครอบคลุมของประชากรที่จะต้องฉีดวัคซีน จะสูงกว่าที่เคยคำนวณไว้เดิมคือประมาณ 70% อาจจะต้องขยับขึ้นมาถึง 90%
ซึ่งตามที่วิเคราะห์มาทั้งหมด ก็มีโอกาสความเป็นไปได้มากทีเดียว คงต้องติดตามดูกันต่อไป
1
Reference
ศูนย์ข้อมูล โควิด-19
กระทรวงสาธารณสุข
โฆษณา