12 ก.ย. 2021 เวลา 01:00 • ธุรกิจ
Road to EV!!! เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าพัฒนาไปถึงไหนแล้ว?
หลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 เมื่อเดือนมีนาคมปี 2020 กระแสการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้ง Cloud, Semiconductor และเทคโนโลยีทางการแพทย์ หนึ่งในกระแสนั้นก็มีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ด้วย โดยในขณะที่เศรษฐกิจฝืดเคืองจนการใช้จ่ายบริโภคชะลอตัว กลับเป็นเวลาเดียวกันที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในยุโรปเติบโต 11% ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกของปี 2021 ที่เติบโต 15% ส่วนในประเทศจีนยอดขายเพิ่มขึ้น 8% ด้าน General Motors ยักษ์หลับแห่งวงการยานยนต์ก็ประกาศแผนการเขย่าวงการด้วยการปักหมุดหมายว่าภายในปี 2035 จะเลิกขายยานยนต์สันดาปภายใน
6
แต่ก็ต้องบอกว่าเทคโนโลยียานยนต์พลังงานไฟฟ้ายังมีสิ่งที่ต้องพัฒนาอีกมากมายกว่าจะนำมาใช้ทดแทนเทคโนโลยีแบบเก่าได้ทั้งหมด คำถามที่น่าสนใจ ณ ปัจจุบัน คือ เทคโนโลยียานยนต์พลังงานไฟฟ้าในปัจจุบันพัฒนามาถึงจุดไหนแล้ว? และมีอะไรที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการเติบโต?
2
>> มีอะไรที่กำลังรอผู้บริโภคอยู่ในอนาคต
ที่ผ่านมาระหว่างปี 2010-2020 ราคาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion) ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของราคารถยนต์ไฟฟ้าปรับตัวลงมาแล้วถึง 89% เพียงปีที่แล้วเพียงปีเดียวราคาลดลง 13% โดยราคาวัตถุดิบที่ใช้ในแบตเตอรี่มีบทบาทสำคัญต่อราคาแบตเตอรี่ ซึ่งการพัฒนาสารเคมี เทคนิคการผลิต และการดีไซน์ช่วยให้ราคาลดลงได้
4
ราคาแบตเตอรี่่ในประเทศจีน I Source: Schroders
เมื่อราคาแบตเตอรี่ลดลงก็จะทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ และยุโรปแข่งขันกับรถยนต์พลังงานฟอลซิลในปี 2022 ส่วนในภูมิภาคอื่นอาจต้องรอถึงปลายทศวรรษนี้ นอกจากเรื่องของแบตเตอรี่แล้ว จุดชาร์จไฟฟ้าเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญต่อการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะความกังวลว่าต้องเสียเวลาชาร์จแบตเตอรี่เป็นชั่วโมง
1
>> ทำไมยุโรปและจีนถึงมีความคืบหน้าในด้านรถยนต์ไฟฟ้า
รัฐบาลตั้งให้ประเด็นด้านสภาพอากาศเป็นวาระสำคัญและกำหนดมาตรการเพื่อให้ผู้ผลิตยานยนต์ปฏิบัติตามเพื่อบรรลุเป้าหมาย
2
จำนวนและสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าในแต่ละภูมิภาค I Source: PEW RESEARCH CENTER
ในยุโรปผู้ผลิตยานยนต์จะถูกปรับตามกฎอย่างเข้มงวด หากไม่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนเฉลี่ยต่อกิโลกรัมของยานยนต์ลงได้ 50% ระหว่างปี 2021-2030 ทางฝั่งผู้บริโภคในเยอรมนีได้รับเงินอุดหนุนหากซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จากรัฐถึง 9,000 ยูโร และผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าในนอร์เวย์จะได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีรถยนต์ ส่วนในสหราชอาณาจักรให้เงินอุดหนุน 8,000 ปอนด์ สำหรับรถตู้ไฮบริดจ์ ส่วนรถยนต์ไฟฟ้า 100% ได้รับยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมรถติดรายวันในกรุงลอนดอน ทั้งกรุงลอนดอน โรม และอัมสเตอร์ดัมมีแผนห้ามขับขี่รถยนต์พลังงานฟอลซิลภายในทศวรรษนี้ ส่วนสหราชอาณาจักรจะห้ามขายภายในปี 2030
5
ประเทศจีนมีระบบเครติดที่เหมือนกับการควบคุมและขายคาร์บอนเครดิตในฝั่งตะวันตก ทำให้ผู้ผลิตต้องหันไปผลิตยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษน้อยลงหรือไม่ปล่อยเลย ฝั่งผู้บริโภคจะได้รับการอุดหนุนสูงสุดที่ 18,000 หยวน จนถึงปี 2020 ประเทศจีนมีจุดชาร์จแบตเตอรี่ 1.68 ล้านจุด ส่วนสหรัฐฯ ในปี 2019 มีจุดชาร์จ 72,000 จุด
1
ในแง่ของพฤติกรรมผู้บริโภคในยุโรปและจีนมีความแตกต่างกัน โดยผู้บริโภคในยุโรปให้ความสำคัญกับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนในประเทศจีนจะให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีซึ่งยานยนต์ไฟฟ้าก็มักจะมาพร้อมกับเทคโยโลยีการขับขี่อัจฉริยะ
ปัจจุบันการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภททั่วโลกช่วยลดความต้องการน้ำมันดิบไปได้ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือหมายความว่าความต้องการน้ำมันดิบของยานยนต์ทุกประเภทยกเว้นรถบรรทุกทั่วโลกได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
2
>> เกิดอะไรขึ้นกับวงการยานยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีไบเดน ผู้มาพร้อมนโยบายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมบานยนต์ไฟฟ้า ประกาศว่าภายในทศวรรษนี้ครึ่งหนึ่งของยานยนต์ทุกประเภทที่ขายในสหรัฐฯ ต้องเป็นยานยนต์ที่ไม่ปล่อยมลพิษ ขณะที่ผู้ผลิตก็เรียกร้องการสนับสนุนจากภาครัฐซึ่งประธานาธิบดีไบเดนก็เสนอร่างงบประมาณ 174,000 ล้านดอลลาร์ สนับสนุนการการผลิตและอุดหนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
ความเอาจริงเอาจังด้านสิ่งแวดล้อมของประธานาธิบดีผู้นี้สะท้อนผ่านการนำสหรัฐฯ กลับเข้าร่วมข้อตกลงปารีสที่ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศ
>> อะไรกระตุ้นผู้ผลิตให้ต้องหันหายานยนต์ไฟฟ้า
ความเข้มงวดของหน่วยงานกำกับดูแลตามข้อตกลงปารีส อีกส่วนเป็นเรื่องของกระแสสังคมที่ตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อมจนมีผลมาถึงนักลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งปรากฏการณ์หุ้น Tesla ก็เป็นสิ่งยืนยันทั้งกระแสสังคมที่หนุนผลประกอบการเติบโตพร้อมไปกับราคาหุ้นที่พุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว
>> ใครเข้ามาแข่งขันในวงการบ้าง
คู่แข่งรายใหญ่ในประเทศจีนของ Tesla อย่าง Nio รับกระแสการเติบโตในประเทศจีนส่งให้ขนาดบริษัทแซงหน้า Ford Motor ยักษ์ใหญ่วงการยานยนต์จากสหรัฐฯ ไปเรียบร้อยแล้ว ด้านสตาร์ทอัพหน้าใหม่ก็เริ่มปรากฏตัวในวงการอย่าง Fisker Inc. และ Lordstown Motor Corp ด้วยการระดมทุนผ่าน SPACs (special purpose acquisition companies)
ส่วนบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ก็เริ่มขยับตัวกันแล้ว Apple ซุ่มพัฒนาโปรเจครถยนต์ไฟฟ้ามาระยะหนึ่งแล้ว ด้าน Alphabet บริษัทแม่ของ Google ก็มีแผนกด้านรถยนต์ไฟฟ้ารวมไปถึงบริษัทลูกที่พัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับที่ชื่อว่า Waymo และ Amazon ก็ให้หนุน Rivian Automotive พร้อมแผนเปิดตัวรถปิคอัพและ SUV ในปี 2021
1
ในประเทศจีน Baidu ทุ่มทุนกว่า 7,700 ล้านดอลลาร์ ในระยะเวลา 5 ปี เพื่อพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ ขณะที่ Huawei แห่งวงการ 5G ใช้เงินทุนในปีนี้ 1,000 ล้านดอลลาร์ พัฒนาชิ้นส่วนยานยนต์
1
>> อะไรคืออุปสรรคการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า
ในประเทศที่มีการพัฒนาด้านยานยนต์ไฟฟ้าจะเจอปัญหาไล่เรียงตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะจุดชาร์จแบตเตอรี่ ตามมาด้วยความกังวลว่ารัฐบาลจะลดการสนับสนุน และอาจมีบางช่วงเวลาที่ขาดแคลนแร่สำคัญต่อการผลิตแบตเตอรี่
ส่วนประเทศนอกเหนือจากสหรัฐฯ ยุโรป และจีน ผู้ผลิตจะพบเจอกับแรงต้านของผู้บริโภคทำให้ผู้ผลิตต้องใช้โฆษณารถยนต์ไฟฟ้าที่มีเค้าโครงจากรุ่นยอดฮิตในอดีต เช่น Ford ปิคอัพ F-150 และ SUV รุ่น Mustang Mach-E
1
แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะถูกนำมาใช้บนท้องถนนแล้ว แต่ดูเหมือนว่านี่จะเป็นแค่ยุคเริ่มต้นไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาด้านแบตเตอรี่ รวมไปถึงเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ ในมุมหนึ่งก็สะท้อนภาพให้เห็นโอกาสการเติบโตที่ยังมีอีกมากมายในกลุ่มเทคโนโลยีเหล่านี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับการลงทุนทุกสินทรัพย์ที่นักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์ ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ก็มีอีกหลายปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น การสนับสนุนจากภาครัฐ พฤติกรรมผู้บริโภค
2
Source: Bloomberg.com, Schroders.com, PEW RESEARCH CENTER
ชอบ "กดถูกใจ" ใช่ "กดแชร์"
แล้วพบกับบทความดี ๆ จาก SkillLane อีกมากมาย
กดติดตามไว้ได้เลย!
พบกับคอร์สออนไลน์การเงินการลงทุน โดยกูรูระดับประเทศที่ SkillLane
👉 คลิกเลย https://skl.website/3lwTh0v
โฆษณา