12 ก.ย. 2021 เวลา 02:44 • ไลฟ์สไตล์
เรื่องเหลา...แหละ📖
วันนี้ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว จำได้ว่าเข้าเวรทำข่าวตอนกลางคืน ได้รับแจ้งจากเพื่อนร่วมอาชีพว่างานเข้า...
.
รายละเอียดคร่าวๆในครั้งแรก คือ "แม่ฆ่าลูก" แค่นี้ก็เป็นประเด็นข่าวได้แล้ว จึงเริ่มออกเดินทางไปจุดเกิดเหตุ
.
ที่เกิดเหตุเป็นหอพักเก่าๆ แถวๆถนนงามวงษ์วาน ตอนไปถึงนั้นมีรถมูลนิธิจอดอยู่หน้าตึก และ รถตำรวจ บรรยากาศก็เงียบๆ ไม่อึกทึกครึกโครมเหมือนงานอื่นๆที่เคยเจอ
.
จำได้ว่าตอนนั้นถามหาว่าเกิดเหตุตรงไหน เจ้าหน้าที่หน้าตึกก็บอกว่าอยู่ชั้นบนของหอพักนี้ จึงเดินตามเข้าไป ในมือตอนนั้นมีแค่โทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว
.
ตอนเดินขึ้นตึก นึกถึงบรรยากาศในหนังผีสักเรื่องหนึ่ง มันวังเวง เงียบสนิท มีกลิ่นอับของความเก่าของอาคารลอยอบอวล แต่ไม่ใช่ว่าจะอยู่อาศัยไม่ได้นะ แค่ ณ ตอนนั้น บรรยากาศมันพาไปเท่านั้นเอง🙂
.
ขึ้นบันไดไปไม่กี่ขั้น ก็เจอกับทางเดินยาว ห้องพักขนาบทั้งสองฝั่ง สุดทางเดินนั้นมีห้องๆหนึ่งเปิดอยู่ ตำรวจไม่กี่นาย กับ เจ้าหน้าที่มูลนิธิไม่กี่คน ร่วมถึงเพื่อนบ้านร่วมตึก ยืนอยู่ตรงนั้น...นั่นแหละที่เกิดเหตุ
.
ตอนนั้นเดินผมเดินเข้าไปเงียบๆ พยายามไม่ทำลายบรรยากาศที่สงบนั้น เมื่อไปถึงห้องนั้น ซึ่งเป็นห้องขนาดเล็ก ก็มองลอดประตูเข้าไปเห็นภาพของเด็กหญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง ส่วนคนก่อเหตุเป็นแม่แท้ๆที่ตอนนั้นกำลังเดินหยิบของ เตรียมตัวไปโรงพักกับตำรวจ
.
ผมหาข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มาถึงก่อนหน้านี้ พอรวบรวมรายละเอียดได้ว่า...
.
ผู้ก่อเหตุ คือ แม่ แท้ๆ ของเด็กสาวคนนี้ โดยเด็กสาวมีอาการทางสมอง เป็นออทิสติก ก่อนหน้านั้น 3 ปี สามี หรือพ่อของเด็ก ได้เสียชีวิตไป ทำให้แม่ต้องเลี้ยงดูลูกสาวที่ป่วยเพียงลำพัง โดยพักอาศัยอยู่ที่หอพักแห่งนี้ และยึดอาชีพแม่บ้านบริษัทแห่งหนึ่งเป็นอาชีพหลักในการเลี้ยงดูทั้ง 2 ชีวิต ทั้งค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่ารักษา ดูแลลูก ความเครียดที่สะสมมาตลอด ถึงขั้นที่แม่ต้องกินยานอนหลับเพื่อรักษาอาการของตัวเอง จนในที่สุดการต่อสู้กับโชคชะตาที่ยากลำบากก็สิ้นสุดลง
.
วันนั้นแม่ตัดสินใจลาออกจากงานแม่บ้านประจำที่ทำอยู่ กลับมาที่ห้องเช่าเล็กๆนี่ ที่รายล้อมด้วยเสื้อผ้า ผ้าอ้อม ของใช้มากมาย และลูกสาวที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะตัดสินใจในสิ่งที่คิดมานาน...แม่ใช้ผ้าสักผืนที่อยู่ในห้องนั้น มาวางพันไว้ที่คอลูกสาว ก่อนลงมือ...
.
ลูกสาวแน่นิ่งไป ไร้ลมหายใจ ไม่ทรมานอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว...แม่คิดอย่างนั้น
.
แม่ที่นั่งอยู่ข้างกายลูก ก็หยิบเอายานอนหลับข้างๆตัวมากิน ให้มันเกินขนาดเข้าไว้ จะได้ตามไปอยู่กับลูกในภพชาติอื่น แต่ก็ไม่สามารถตามไปอยู่ด้วยได้ ความตายยังไม่ต้อนรับผู้เป็นแม่ เมื่อตื่นมาก็ยังเห็นตัวเองมีชีวิตอยู่ในห้องเช่าห้องเดิม กับ ร่างไร้วิญญาณของลูกที่นอนอยู่ข้างๆกัน จึงพาตัวเองไปหาเบียร์มากินย้อมใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนโทรหาตำรวจให้มาจับไปชดใช้กรรม
.
ข้อมูลสุดท้าย...ที่ผมได้ คือ วันนั้น เป็นวันเกิดครบรอบ 15 ปี ของเด็กสาว...
.
15 ปี ที่ ทรมานอยู่บนโลกนี้
15 ปี ที่ ผมไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เคยฉลองวันเกิดกับครอบครัวที่อบอุ่นกี่ครั้ง
15 ปี ที่ วันนั้นแม่ที่ให้กำเนิด...ตัดสินใจ...
ตอนนั้น ผมเห็นภาพนี้...ภาพที่แม่ร้องไห้ สะพายกระเป๋าเตรียมไปกับตำรวจ เดินไปหาร่างของลูก กอดลูก แล้วพูดว่า "แม่ขอโทษ...อย่าโกรธแม่นะ" ซ้ำไปซ้ำมา ทุกคนตรงนั้นเงียบ...ตำรวจ,มูลนิธิ เงียบ...สะเทือนใจกับภาพตรงหน้า
.
ผมเดินกลับลงมาจากตึกเงียบๆ บรรยากาศไม่แตกต่างจากตอนขาไป เพียงแต่ตอนนั้นผมสะเทือนใจ และไม่คิดว่าชีวิตนักข่าวภาคสนาม จะต้องมารับรู้เรื่องราวที่น่าหดหู่แบบนี้ แต่มันก็คือเรื่องจริง...ชีวิตจริง...ของคนที่ไร้ทางออก
.
ไม่ว่าจะตัดสินใจทำอะไรลงไป ผลกระทบที่ย้อนกลับมาก็จะส่งผลถึงไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเสมอ
.
นี่คือเรื่องเล่า จากนักข่าวภาคสนาม ที่บางวันอาจเจอเรื่องดี บางวันอาจเจอเรื่องหดหู่ แต่ทุกเรื่องที่พบเจอ จะเป็นการสอนให้รู้จักชีวิตมากขึ้น
.
ใครที่อ่านจบ กราบขอบพระคุณมา ณ ที่นี้นะครับ หวังว่าจะมีโอกาสได้เขียนเรื่องเล่านักข่าวภาคสนามอีก🙂
โฆษณา