13 ก.ย. 2021 เวลา 12:20 • สุขภาพ
งาดำงาขาว เมล็ดเล็กประโยชน์เยอะ
ภาพโดย Enotovyj จาก Pixabay
เมล็ดพืชสีดำ สีขาว ขนาดเล็กจิ๋ว มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ มักถูกนำไปใส่ในอาหาร เครื่องดื่มและขนม ทั้งช่วยสร้างกลิ่นหอม ตกแต่งอาหารให้น่ารับประทาน อีกทั้งยังมีประโยชน์ เป็นของดีที่ทั้งบ้านเราและต่างชาติก็รับประทานกัน เป็นพืชที่มีประโยชน์มากครับ
ภาพโดย dabok2014 จาก Pixabay
#งา คืออะไร?
งา เป็นพืชล้มลุกสกุลงา(Sesamum) มีผลเป็นฝัก เป็นเมล็ดเล็กๆ สีขาว สีดำ และสีแดง ซึ่งงามีการเพาะปลูก มาอย่างยาวนานเพราะมนุษย์ต้องการใช้เมล็ดงา เป็นอาหาร เครื่องเทศ และบีบเอามาทำน้ำมัน และมีการใช้เมล็ดงากันจำนวนมาก ในแถบตะวันออกกลาง และเอเชีย
เดิมนั้นงาอาจจะเป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียและตะวันออกของแอฟริกา แต่ปัจจุบันพบได้ในพื้นที่เขตร้อน กึ่งร้อน และเขตร้อนทางใต้ในทุกเขตทั่วโลก
ในสมัยโมเสส ชาวไอยคุปต์(อียิปต์โบราณ) ใช้เมล็ดงาป่นแทนแป้งธัญพืช ส่วนชาวจีนรู้จักงามาอย่างน้อยก็ 5,000 ปีมาแล้ว ชาวจีนเผาเมล็ดงาเพื่อใช้ทำแท่งหมึกจีนที่มีคุณภาพดี ส่วนชาวโรมันบดเมล็ดงาผสมใส่ขนมปังเป็นอาหาร ส่วนในไทยก็มีขนมที่ใช้เมล็ดงา อย่าง ขนมงาตัด ใช้โรยบนขนม อย่าง ข้าวโปง บัวลอยมีไส้หรือบัวลอยญวน ซึ่งเพิ่มความหอมได้เป็นอย่างดี
(ขนมข้าวโปง)https://www.youtube.com/watch?v=tSvK5Ebn_y0
#การใช้เมล็ดงา
องค์ประกอบสำคัญในเมล็ดงาก็คือน้ำมัน มีอยู่ประมาณ 44-60% มีการใช้ในอาหารจำพวกสลัด เป็นน้ำมันปรุงอาหารและทำเป็นมาการีนได้
ส่วนมากงามักจะนำไปโรยบนอาหารคาวและอาหารหวาน ช่วยเพิ่่มความหอมได้เป็นอย่างดี หรือ อาจจะเป็นวัตถุดิบหลักในการประกอบอาหาร
บางครั้งนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย เช่น สบู่งาดำ และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางบางชนิด เช่น ครีมงาดำ และยังมีในน้ำมันหล่อลื่นบางประเภทด้วย
ภาพโดย Cathleen Cawood จาก Pixabay
#ความนิยมของงา
งาเป็นพืช ที่แทบจะทั่วโลกรู้จักและปรากฎการใช้มาอย่างยาวนาน จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เสื่อมคลาย
นอกจากการใช้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพแล้ว งายังได้รับความนิยมจากเรื่องอื่นๆด้วย เช่น ผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม จากที่เราได้เห็นได้ทั่วไป อย่าง ครีมงาดำ สบู่งาดำ แชมพูงาดำ จะเห็นได้ว่า นอกจากงาจะได้รับความนิยมจากการบริโภคแล้ว ยังได้รับความนิยมจากการนำมาเป็นผลิตภัณฑ์ ทำความสะอาดร่างกายและบำรุงผิวและผมด้วย
ประเทศผู้ส่งออกเมล็ดงาที่สำคัญ ได้แก่ อินเดีย ซูดาน จีน ไนจีเรีย และเอธิโอเปีย เป็นต้น
ประเทศผู้นำเข้าเมล็ดงาที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ตุรกี สหรัฐอเมริกา และซีเรีย เป็นต้น
ภาพโดย humlan จาก Pixabay
#ประโยชน์ของงาดำงาขาว
อาการไอ จากการระบุประสิทธิภาพการรักษาโรคของเมล็ดงา โดยฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ว่าช่วยบรรเทาอาการไอ นับเป็นประโยชน์ข้อเดียวของงาดำและงาขาวที่มีข้อมูลมากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในระดับที่อาจจะได้ผล ต่างจากโรคชนิดอื่นๆ ที่ยังศึกษาไม่มากพอ ที่จะระบุประสิทธิภาพในการรักษาได้
ลดระดับคอเลสเตอรอล น้ำมันงาเป็นหนึ่งในน้ำมันจากพืชที่กล่าวกันว่าดีต่อสุขภาพ โดยเชื่อว่าอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งเป็นไขมันชนิดดีที่อาจช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลได้ ซึ่งมีงานวิจัยหนึ่งที่ทดลองทานน้ำมันมะกอกเปรียบเทียบกับน้ำมันมะกอก พบว่าน้ำมันงาและน้ำมันมะกอกต่างช่วยลดระดับไขมันในเลือดได้ แต่น้ำมันงาจะช่วยให้ระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์และไขมันชนิดไม่ดีในเลือดลดลงได้มากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งส่งผลให้ระดับไขมันดีในเลือดสูงขึ้น น้ำหนักและรอบเอวลดลงเช่นเดียวกันกับกลุ่มบริโภคน้ำมันมะกอก แต่ปัจจุบันยังไม่มีการแนะนำให้ใช้น้ำมันงา ในการลดระดับคอเลสเตอรอล นอกจากน้ำมันงา ยังจัดเป็นหนึ่งในอาหารที่มีไขมันสูง การรับประทานในปริมาณมากๆ เพราะต้องการใช้รักษาโรค จึงไม่ควรอย่างยิ่ง ควรใช้สำหรับปรุงอาหารแทนน้ำมันชนิดอื่นเท่านั้น
เบาหวาน ในการทดสอบประสิทธิภาพของน้ำมันงาเมื่อใช้ร่วมกับยารักษาเบาหวานอย่างยาไกลเบนคลาไมด์ ในผู้ป่วยเบาหวานระดับไม่รุนแรงถึงระดับรุนแรงปานกลาง โดยให้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกได้รับน้ำมันงาแทนน้ำมันชนิดอื่นๆ จากอาหาร กลุ่มที่ 2 ได้รับไกลเบนคลาไมด์ 5 มิลลิกรัมต่อวัน และกลุ่มสุดท้ายได้รับน้ำมันงาผสมกับยาไกลเบนคลาไมด์ ใช้เวลาทั้งหมด 60 วัน ผลการศึกษาพบว่า น้ำมันงาทำงานร่วมกับยาไกลเบนคลาไมด์ได้ดี โดยส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการลดระดับน้ำตาลในเลือดได้มากขึ้นและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่ยังไม่สรุปว่าน้ำมันงาใช้ลดได้จริงหรือไม่ ต้องรอผลในอนาคต
ความดันโลหิตสูง ประสิทธิภาพของการใช้น้ำมันงากับการรักษาภาวะความดันโลหิตสูงนั้นมีการศึกษาโดยให้ผู้ป่วยจำนวน 32 คน ใช้น้ำมันงาประกอบอาหารแทนน้ำมันชนิดอื่นเป็นเวลา 45 วัน ซึ่งผลการทดลอง ได้ผลลัพธ์คือ การใช้น้ำมันงาช่วยให้ระดับความดันโลหิตของผู้ป่วยภาวะความดันโลหิตสูงลดต่ำลง รวมถึงลดปฏิกิริยาระหว่างไขมันกับออกซิเจน และเพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งส่งผลดีต่อร่างกาย
โรคข้อเสื่อม เชื่อกันว่างาดำอาจเป็นทางเลือกเสริมในการรักษาโรคนี้ ซึ่งทางวิทยาศาสตร์ได้มีการศึกษากับผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม 50 คน ทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มจำนวนเท่าๆ กัน กลุ่มแรกรับการรักษาตามมาตรฐานปกติ ส่วนอีกกลุ่มให้รับประทานงาวันละ 40 กรัม นาน 2 เดือนควบคู่กับการใช้ยารักษาโรค ผลลัพธ์ที่ได้ชี้ว่าในอาการของผู้ป่วยกลุ่มโรคข้อเข่าเสื่อมที่รับประทานงานั้นดีขึ้น แต่การใช้งาร่วมรักษากับโรคนี้ยังไม่มีการแนะนำอย่างเป็นทางการ เพราะมีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ที่น้อยเกินไป
โรคข้ออักเสบ การศึกษาชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับประสิทธิภาพของน้ำมันงาในการบรรเทาอาการที่เกิดจากโรคข้ออักเสบพบว่าการรับประทานน้ำมันงา 1 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทานทุกวันต่อเนื่องนาน 28 วัน มีประโยชน์ในการช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระและสารเคมีที่ก่อการอักเสบในร่างกายของผู้ป่วย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการผ่อนคลายของของหลอดเลือดแดงเอออร์ตา(ท่อเลือดแดง เป็นหลอดเลือดแดงที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายมนุษย์ เริ่มต้นจากหัวใจห้องล่างซ้าย ทอดยาวลงไปในช่องท้อง และแยกออกเป็นหลอดเลือดแดงที่เล็กลงมาสองเส้น) และมีแนวโน้มที่จะลดการบวมของเท้าด้านหลัง ซึ่งประโยชน์เหล่านี้ส่งผลดีต่อตัวผู้ป่วยเอง ทั้งนี้งาดำจะนำมาใช้รักษาผู้ป่วยโรคข้ออักเสบได้จริงหรือไม่ ก็คงต้องรอผลการศึกษาในอนาคตที่แน่นอนกว่าตอนนี้
ลดผมขาดหลุดร่วง โดยส่วนมากเชื่อกันว่า งาดำงาขาวจะช่วยรับมือกับปัญหาผมขาดหลุดร่วง บำรุงผมให้ดกดำ โดยเฉพาะงาดำที่นิยมนำมาเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์บำรุงผมต่างๆจำนวนมาก ตามที่บอกไปในหัวข้อที่แล้ว แต่ถึงจะได้รับความนิยมมากเพียงใด ข้อเท็จจริงที่ยืนยันคุณประโยชน์สรรพคุณข้อนี้มีไม่มากพอ ต้องรอการวิจัยเพิ่มเติมในอนาคต
ชะลอการเสื่อมโทรมของผิวหนัง ด้วยคุณสมบัติของงาดำและงาขาวที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แคลเซียม และวิตามินต่างๆ ที่เชื่อกันว่ามีคุณสมบัติในการซ่อมแซมและสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิว และลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยกักเก็บออกซิเจน ทำให้เป็นผลดีต่อ ความอ่อนเยาว์และชะลอความเสื่อมโทรมของผิวหนัง แต่ประโยชน์ที่กล่าวมานี้ยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันได้ จึงยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่ามีประโยชน์จริงหรือไม่
#ข้อดีเยอะแค่ไหน สุดท้ายก็มีข้อเสีย
เพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็งลำไส้ เนื่องจากงาดำมีขนาดเล็กมาก เวลารับประทานเข้าไปบางคน อาจจะเคี้ยวไม่ละเอียดทุกเม็ดแต่จะกลืนเข้าไปเลย เมื่อไปถึงลำไส้ที่ต้องทำหน้าที่ย่อยอาจจะย่อยไม่หมด ทำให้งาเม็ดเล็กๆ จำนวนมากยังคงตกค้างอยู่บริเวณลำไส้ ก่อให้เกิดการอุดตันและนำไปสู่มะเร็งลำไส้ได้ ดังนั้นการรับประทานงาดำในแต่ละครั้งควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมและเคี้ยวให้ละเอียดทุกครั้งก่อนกลืน
น้ำหนักตัวผิดปกติ งาเป็นอาหารที่มีกากใยมากและมีไขมันมาก เมื่อรับประทานจะทำให้รู้สึกอิ่มนาน หลายคนจึงทานงา เป็นอาหารสำหรับลดน้ำหนัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว งาเพียงแค่ 1 กำมือให้พลังงานแคลอรีสูงถึง 590 แคลอรี ซึ่งคิดเป็น 40% ของปริมาณไขมันที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ดังนั้นหากรับประทานครั้งละมากๆ จะกลายเป็นเพิ่มไขมันแทนสลายไขมัน
ทำให้เกิดอาการท้องร่วงรุนแรง ข้อดีของการรับประทานงาคือช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น ช่วยในการขับถ่าย แต่หากทานมากเกินไปจะทำให้เกิดการระบายมากผิดปกติจนนำไปสู่อาการท้องร่วงได้ ซึ่งการที่ร่างกายขับถ่ายมากเกินไปหรือขับถ่ายไวเกินไป จะทำให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์ ออกมากับอุจจาระโดยที่ยังไม่ถูกดูดซึมและทำให้สูญเสียเกลือแร่ เสียสารอาหาร ไปเปล่าประโยชน์อีกด้วย
อาจทำให้ผมร่วง คุณสมบัติเด่นของงาคือให้โปรตีนสูง ซึ่งโปรตีนดังกล่าวสามารถไปซ่อมแซมปลายผมที่แห้งเสีย ช่วยให้ผมสุขภาพดี แต่หากรับประทานมากจนเกินไป โปรตีนและสารอื่นๆ จากงาจะให้ผลตรงกันข้าม เนื่องจากการที่ได้รับงา มากผิดปกติจะทำให้ฮอร์โมนเกิดความไม่สมดุล ส่งผลต่อระบบความคุมและผลิตไขมันในร่างกาย ทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะแห้งแต่หนังศีรษะมัน ผมร่วงได้
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่างาเป็นอาหารที่มีประโยชน์มาก แต่หากทานมากเกินไปจะนำโทษมหาศาลมาให้กับท่านแทน สำหรับคนที่จะลดน้ำหนัก ให้เลือกทานน้อยๆ อย่าทานมากจนเกินไป สำหรับคนที่จะรักษาโรค ให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชียวชาญจะดีกว่า
https://www.pholfoodmafia.com/tag/bua-loy/
ก็จบไปแล้วสำหรับ งาดำงาขาว เมล็ดเล็กประโยชน์เยอะ งาเป็นพืชที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน ปรากฎในหลักฐานมากมาย และยังเป็นพืชที่มีประโยชน์มากอีกด้วย
อ้างอิง
โฆษณา