13 ก.ย. 2021 เวลา 02:01 • การศึกษา
อ่านอังกฤษทุกวัน เก่งกันแบบไม่ตั้งใจ
Read English daily,
you will be unintentionally good at it.
credit : canva.com
การอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ
ถือเป็นการ input คำศัทพ์และรูปประโยคที่ใช้จริง
ที่เราควบคุมสถานการณ์ได้เองมากที่สุด เพราะ
1. เราอยากเพิ่มศัพท์เกี่ยวกับอะไร เราก็อ่านเรื่องนั้น
2. เลือกความยากง่ายตามพื้นฐานภาษาของเราเอง
3. อ่านตามวันและเวลาที่เราสะดวก
แต่ต้องทำแพลนให้ชัดเจนนะคะ
ว่าจะอ่านวันละกี่หน้า หรือกี่นาที
4. มีหนังสือที่มี audio ให้เลือกมากมาย
เพื่อที่ให้มีคนอ่านให้ฟัง เราจะได้อ่านตาม
ออกเสียงตาม เพื่อเกิดการชินสำเนียง
และฝึกการมีจังหวะในการพูดให้เป็นธรรมชาติ
วันนี้เรามาเริ่มต้นการอ่านให้เด็ก ๆ
กันตั้งแต่ยังเล็ก ๆ เลยนะคะ
เพื่อลดเวลา หรือถ่วงเวลาในการติดเกมของพวกเขา
ครูสุขอเสนอหนังสืออังกฤษเด็กชุดของ
Se-Ed Enjoy Reading ซึ่งมีด้วยกัน
หลาย series มาก ทั้งที่มี
• audio และ ไม่มี
• แปลไทยเทียบเคียงหน้าต่อหน้า และ ไม่มี
• แยกตามความยากง่าย
• แยกตามประเภทของหนังสือ
หลังจากได้รื้อชั้นหนังสือที่บ้านแล้ว
ก็คิดว่าขอเริ่มต้นที่ series “เก่งอังกฤษ” ของ Se-Ed
ซึ่งเป็นหนังสือ นิทาน นิยาย สั้น ๆ ไปจนเป็น เรื่องยาว
มีด้วยกัน 3 ระดับ
1. ชุดหนูน้อยเก่งอังกฤษ
Se-Ed First Readers มี stage 1-4
2. ชุดอ่านสนุกเก่งอังกฤษ
Se-Ed Young Readers มี stage 1-3
3. ชุดอัจฉริยะเก่งอังกฤษ
Se-Ed Genius Readers มี stage 1-4
โดยแต่ละ stage มีจำนวนคำศัพท์หลักดังนี้
a. Stage 1 = มีคำศัพท์หลัก 350 คำ
b. Stage 2 = มีคำศัพท์หลัก 450 คำ
c. Stage 3 = มีคำศัพท์หลัก 600 คำ
d. Stage 4 = มีคำศัพท์หลัก 800 คำ
e. Stage 5 = มีคำศัพท์หลัก 1,000 คำ
เนื้อหาของ series เก่งอังกฤษนี้ จะเป็นนิทาน นิยาย
สั้น-ยาว ตาม level
เป็นภาษาอังกฤษล้วน ไม่มีแปลไทยเทียบเคียง
แต่มีการทำ list คำศัพท์พร้อมคำแปล
ไว้ในหน้าเดียวกันกับเนื้อหา
เมื่อเจอศัพท์ยาก ก็มีคำศัพท์พร้อมคำแปล
ให้เช็คได้เลยทันที ไม่ต้องไปเปิด dictionary ต่างหาก
ทำให้ไม่เสียอรรถรสในการอ่าน
โดยคำศัพท์เหล่านี้
ก็จะยังถูกรวมรวมเรียงตามลำดับตัวอักษร
ไว้ที่ท้ายเล่ม เพื่อความสะดวกในการค้นหาภายหลัง
(ยกเว้นระดับ genius readers
จะไม่มีรวบรวมคำศัพท์ท้ายเล่ม)
หนังสือตั้งแต่ระดับ Young Readers ขึ้นไป
มีการอธิบายสำนวนภาษาอังกฤษที่ได้จากเนื้อเรื่อง
ส่วนระดับ Genius Readers
ในเล่มมีการอธิบาย Grammar ง่าย ๆ ด้วย
รวมทั้ง มี cd มาให้เด็ก ๆ ฟังการอ่านออกเสียงเนื้อเรื่องในหนังสือด้วย
ซึ่งอันนี้ถือว่าต๊าซมากค่ะ ให้ฟังหลังจากที่
อ่านหนังสือและเข้าใจเนื้อหามาก่อน
จะได้เข้าใจในสิ่งที่ได้ฟังค่ะ
(ถ้าเป็นก่อนโควิด ก็ฟังในรถขาไปและกลับโรงเรียนได้เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งค่ะ)
credit : ภาพถ่ายหนังสือที่บ้านครูสุ
นอกจากนี้ ยังมีแบบฝึกหัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ท้ายเล่ม
หรือ ท้ายบท เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ลองทดสอบตัวเอง
ว่าอ่านเข้าใจมากน้อยแค่ไหน
แต่ถ้าอยาก search หาที่เว็บ se-ed
ก็กดตาม link นี้ไปได้เลย
จะเป็นหน้าที่มีรายการหนังสือในกลุ่ม
Se-Ed Enjoy Reading อยู่แล้ว
credit : se-ed.com
ขอ confirm เลยค่ะว่า การอ่านมันดีมาก
ครูสุเองได้ใช้หนังสือใน series นี้
สอนนักเรียนหลายต่อหลายคน
เพื่อเพิ่มคำศัพท์ให้นักเรียน
วิธีนี้สนุกค่ะ โดยส่วนใหญ่
นักเรียนมักจะอยากรู้เรื่องราวของเรื่องที่อ่าน
ว่าสุดท้ายจะจบยังไง มีบ้างที่ถึงขั้น
แย่งหนังสือไปจากมือ เพื่อเปิดอ่านตอนจบหน้าตาเฉย ❗❔❗
ครูสุจะดีใจ หรือ เสียใจกับการกระทำของนักเรียนดี สภาพพพ
การอ่านยังเพิ่มรูปแบบประโยคในคลังสมองของนักเรียนด้วย
เวลาจะสร้างประโยค ไม่ว่าการพูด หรือ การเขียน
ก็ให้เลียนแบบรูปแบบประโยคที่อ่านไป
เพราะจะฟังเป็นธรรมชาติที่สุด
และหลายครั้ง ที่ฟังเป็นธรรมชาติมากกว่า
ที่จะแต่งขึ้นเองตาม grammar อย่างเดียว
เด็ก ๆ อ่านไปเรื่อย ๆ เถอะค่ะ
แต่กำหนดชัดเจนนะคะ ว่าอ่านวันละ ครึ่ง หรือ 1 ชั่วโมง
หรือ วันละ 2 หรือ 3 หน้า อ่านตั้งแต่เล่มง่าย มาเล่มยาก
อ่านตั้งแต่เด็ก ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องพาอ่าน
(เพราะถ้าไม่เริ่มตอนเด็ก
ตอนโตเด็ก ๆ อาจจะไม่ยอมอ่าน)
จนเริ่มโตขึ้น เริ่มอ่านเองได้ เริ่มจดศัพท์ใหม่
จดรูปแบบประโยคใหม่ ๆ ที่ได้เจอ
หัดสร้างประโยคเลียนแบบ
ซึ่งแน่นอน ต้องสอดคล้องกับการเรียน grammar
ที่โรงเรียนอยู่แล้ว เพราะเป็นระดับพื้นฐาน
คุณพ่อ คุณแม่ แนะนำ ให้คำอธิบายเพิ่มเติม
ถ้าไม่ถนัด ให้ครูสอนพิเศษช่วย
เดี๋ยวครูสุจะมารีวิวหนังสือที่อ่านสนุก
รวมถึงกิจกรรมในการอ่านกับนักเรียน
มาเป็นตัวอย่างให้ เผื่อจะเป็น idea ให้คุณพ่อคุณแม่ค่ะ
มาอ่านกันอย่างสม่ำเสมอ
จนเป็นนิสัยกันเถอะ เพราะอย่างที่ทุกคนก็รู้ดี
ว่านิสัยรักการอ่าน เป็นนิสัยหนึ่งของคนสำเร็จทุกคน
1
วอร์เรน บัฟเฟตต์ กล่าวว่า
“เคล็ดลับการเพิ่มความรู้ของผม
คือการอ่านหนังสือเหล่านั้นวันละ 500 หน้า
ซึ่งความรู้มันจะสะสมไปเรื่อยๆ
เหมือนดอกเบี้ยที่ทบต้นทบดอก”
เราเริ่มอ่าน ด้วยการอยากพัฒนาภาษาอังกฤษ
แต่เมื่อได้เสพนิสัยการอ่านเป็นนิสัยแล้ว
ประโยชน์ได้มากกว่านั้นล้นเหลือ
เรื่องประโยชน์ของการอ่าน ก็เขียนได้อีกบทความหนึ่งเลยค่ะ
แล้วจะเอาอะไรมาไม่เก่ง..ถาม
ถ้าเราจะอยากเก่งอังกฤษ แต่เราไม่ทำอะไรเลย
นั้นไม่ได้ นะน้องนะ
ภาษาเป็นเรื่องของทักษะ
ต้องใช้เวลาในการสะสม เรียนรู้
หัดพูดโต้ตอบกับตัวเองไปเถอะค่ะ
ช่วยได้แน่นอน
เพราะถ้าเมื่อถึงเวลาต้องใช้ภาษาแล้ว
เราจะได้ไม่สู่ขิตนะน้องนะ
credit : ภาพถ่ายหนังสือที่บ้านครูสุ
โฆษณา