20 ก.ย. 2021 เวลา 11:00 • ธุรกิจ
มิเชลล์ แม็กกาห์ – ชาวอังกฤษที่ลองไม่ใช้เงิน 1 ปี นอกจากค่าอาหารและบิลรายเดือน
1
หากท้าให้ลองใช้ชีวิตโดยไม่ชอปปิง ไม่ซื้อเสื้อผ้า ไม่ขึ้นแท็กซี่ และไม่มีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกจากบิลรายเดือนกับค่าอาหาร คุณคิดว่าจะสามารถทำได้นานแค่ไหน ?
3
‘มิเชลล์ แม็กกาห์’ (Michelle McGagh) นักข่าวสายการเงินจากประเทศอังกฤษ ได้เริ่มชาเลนจ์นี้ในปี 2015 โดยสามารถทำได้นานถึง 1 ปี และประหยัดเงินไปกว่า 22,000 ปอนด์ หรือประมาณ 998,024.40 บาท
“ในฐานะนักข่าวสายการเงิน ผู้คนคิดว่าฉันเก่งเรื่องเงิน แต่ในขณะที่ฉันเขียนเกี่ยวกับข้อดีของการออมไว้มากมาย ฉันกลับไม่ได้ฝึกฝนสิ่งเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย”
มิเชลล์ แม็กกาห์ เริ่มตระหนักเรื่องนี้ได้ เมื่อเธอต้องเก็บของย้ายบ้านแล้วพบว่าเต็มไปด้วยของที่ซื้อมาแต่ไม่ได้ใช้ หรือไม่จำเป็นจนต้องทิ้งไป บวกกับกระแส Buy Nothing Day ที่ออกมาโต้กลับ ‘Black Friday’ เทศกาลที่ผู้คนจะออกมาชอปปิงแบบถล่มทลายเพราะราคาสินค้าที่พร้อมใจกันลดแลกแจกแถม
3
‘ชาเลนจ์ 1 ปีที่จะไม่ใช้เงิน’ ของเธอจึงเริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ปี 2015 โดยแม็กกาห์ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ใช้จ่ายอะไรเลย นอกจากค่าอาหารและบิลที่จำเป็นต้องจ่ายในแต่ละเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ พร้อมตั้งงบประมาณ 31.60 ปอนด์ต่อสัปดาห์ สำหรับการซื้อของกินของใช้ในบ้าน นั่นหมายความว่า จะไม่มีมื้ออาหารนอกบ้าน ซื้อตั๋วหนัง ดื่มกาแฟ แม้แต่ตั๋วรถไฟหรือขนส่งสาธารณะเพราะเธอใช้จักรยานเป็นพาหนะแทน
6
“ฉันจะไม่แสร้งบอกว่าทุกอย่างมันง่ายแสนง่าย โดยเฉพาะช่วงเดือนแรก ๆ”
3
แม็กกาห์เล่าถึงช่วงเริ่มต้นที่เธอเป็นทุกข์กับการพยายามใช้ชีวิต ‘แบบเดิม’ ให้ประหยัดขึ้น เช่น การหาตั๋วคอนเสิร์ต ชิมอาหารหรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย แถมยังกดดันจากคำพูดของหลายคนที่บอกว่า “เธอทำไม่ได้อย่างแน่นอน”
วันเวลาผ่านไปหลายเดือน แม็กกาห์เริ่มตระหนักได้ว่า การใช้ชีวิตแบบเดิมให้ประหยัดมากขึ้นอาจไม่ใช่คำตอบ เธอจึงสรรหาวิธีสร้างความสุขแบบใหม่ที่ไม่ต้องใช้งบใด ๆ อย่างการปั่นจักรยานระยะไกลไปยังชายหาด การเดินเล่นในสวนสาธารณะ หรือกิจกรรมที่เธอไม่เคยสนใจมาก่อน
2
“ฉันมีความสุขมากกว่าตอนที่ฉันเริ่มต้น ฉันตอบตกลงในสิ่งที่ไม่เคยนึกถึงเลย เช่น ช่วยเพื่อนทำละครเวที และอาสาทำความสะอาดสวนสาธารณะในท้องถิ่น การทำเช่นนี้ทำให้ฉันได้รู้จักเพื่อนใหม่และได้รู้จักเพื่อนที่มีอยู่มากขึ้น จากบทสนทนาของเราที่เป็นไปในเชิงลึกมากกว่าเดิม”
1
นอกจากนี้เธอยังได้ฝึกทำอาหาร ดูแลจักรยาน ใช้เว็บไซต์อย่าง Eventbrite เพื่อหาอีเวนต์ชมภาพยนตร์ ชิมไวน์ และการแสดงละครฟรี ใช้ SRO Audiences เพื่อดูรายการตลกและรายการทีวีที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แม็กกาห์พบว่าในลอนดอนมีกิจกรรมฟรีใกล้บ้านมากกว่าที่คิด โดยสิ่งที่เธอชอบที่สุดคือ ทุกวันพฤหัสบดีแรกของเดือน แกลเลอรีในลอนดอนตะวันออกกว่า 150 แห่งจะยืดเวลาปิดออกไป ทำให้สามารถดื่มด่ำกับงานศิลปะได้อย่างเต็มที่และเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
2
แต่ใช่ว่าจะมีเพียงช่วงเวลาดี ๆ เพราะแม็กกาห์ต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยวเหงาในบางคราวที่เธอไม่สามารถออกไปสังสรรค์ กินอาหารดี ๆ กับกลุ่มเพื่อนได้ หรือช่วงเวลาแสนอึดอัดใจ เมื่อไปกินมื้อเย็นบ้านใครสักคนแบบมือเปล่า เพราะไม่สามารถซื้อไวน์สักขวดแทนคำขอบคุณ แม็กกาห์จึงใช้เวลาช่วงปีนั้นทำความสะอาดบ้านเพื่อนหลายครั้งเพื่อเป็นการตอบแทน
6
1 ปีผ่านไป เธอกลายเป็นคนที่กล้าผจญภัย กล้าทำสิ่งใหม่ ๆ มากขึ้น รู้จักมองหาความสุขจากเรื่องใกล้ตัวที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อ นอกจากนี้ เธอยังพบว่า 5 สิ่งที่คิดถึงและอยากจะใช้เงินเพื่อสิ่งเหล่านี้มากที่สุด อย่างแรกคือ แกงกะหรี่รสอร่อย เพราะที่ผ่านมาเธอไม่สามารถทำแกงกะหรี่ได้อร่อยเท่าร้านโปรดของเธอ อย่างที่สองคือดอกไม้สด เพราะเธอคิดถึงการมีดอกไม้ในบ้านที่ทำให้บรรยากาศรอบกายและอารมณ์สดใสขึ้น อย่างที่สามคือ มอยส์เจอไรเซอร์ เพราะลมพัดระหว่างปั่นจักรยานทำให้เธอผิวแห้ง อย่างที่สี่คือ น้ำหอมระงับกลิ่นกายจากเหงื่อตอนปั่นจักรยาน และสุดท้ายคือ ตั๋วรถเมล์สำหรับเดินทางในวันที่อากาศหนาวเย็นและฝนตก
9
จะเห็นได้ว่าทั้ง 5 อย่างนี้ ไม่ได้มีเพียงปัจจัยสี่เท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่เธอมองว่าสำคัญและทำให้เธอมีความสุขได้จริง ๆ
“หนึ่งปีที่ไม่มีการใช้จ่าย ได้สอนฉันถึงสิ่งที่ฉันต้องการจริง ๆ และมันก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้น…หลังจากวันสุดท้ายของชาเลนจ์นี้ มีเพียงสองสิ่งที่ฉันจะซื้อในสุดสัปดาห์ นั่นคือ เครื่องดื่มสักแก้วให้เพื่อนและครอบครัวของฉัน กล่าวขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของพวกเขา ตามด้วยเที่ยวบินไปหาคุณปู่ของฉันในไอร์แลนด์
1
“ฉันได้ตระหนักว่าการบริโภคนิยม ทำให้เราถูกล่ามโซ่กับโต๊ะทำงานของเรา ทำงานเพื่อหารายได้ เพื่อใช้จ่ายในสิ่งที่เราคิดว่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้น และเมื่อสิ่งนั้นไม่ทำให้เรามีความสุข เราก็กลับไปทำงานหาเงินเพื่อซื้ออย่างอื่น
7
“12 เดือนที่ผ่านมาทำให้ฉันก้าวออกจากวงจรนี้ได้ และฉันสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าตอนนี้ฉันมีความสุขมากขึ้น ฉันได้รับความมั่นใจและทักษะ ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน และได้พบกับผู้คนแสนน่ารักที่ยังไม่เคยเจอมาก่อนหน้านี้”
1
การไม่ใช้เงิน 1 ปี ไม่ได้สอนให้แม็กกาห์ตระหนี่ถี่เหนียวมากยิ่งขึ้น แต่เธอค้นพบวิธีใช้การเงินอย่างชาญฉลาด เป็นอิสระจากความต้องการเพียงชั่ววูบของตัวเอง และคิดถึงความสุขระยะยาวมากขึ้นเพื่อวางแผนการใช้จ่ายในระยะสั้น
1
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้แม็กกาห์ก้าวผ่าน 1 ปีอันแสนท้าทายไปได้คือ ‘สวัสดิการของรัฐ’ ที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตและหาความสุขโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อย่างแกลเลอรีจัดแสดงงานศิลปะฟรีจำนวนมาก สวนสาธารณะที่เหมาะแก่การทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือถนนหนทางที่เอื้อต่อการปั่นจักรยาน แต่หากย้อนกลับมาที่บ้านเราก็อาจจะใช้วิธีแบบแม็กกาห์ไม่ได้เสียทีเดียว
5
ดังนั้น เรื่องราวตลอด 1 ปีที่ไม่ใช้เงินของแม็กกาห์ นอกจากจะทำให้เรากลับมาทบทวนถึงการจับจ่ายใช้สอยของตนเองแล้ว ยังชวนให้เราตั้งคำถามว่า เหตุใดการใช้ชีวิตหรือหาความสุขโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายจึงไม่ใช่เรื่องง่ายในประเทศไทย แม้กระทั่งการเดินทางระยะสั้นที่เราสามารถเดินเท้าได้ฟรี แต่กลับกลายเป็นเรื่องยาก เพียงเพราะทางเท้าที่ไม่ปลอดภัยและไม่เอื้อต่อการเดินของผู้คน หรือทางจักรยานที่ไม่สามารถปั่นระยะไกลได้สบาย ๆ แบบที่แม็กกาห์ทำได้ในชาเลนจ์นี้
2
ที่มา:
ที่มาภาพ
โฆษณา