Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
BrandThink
•
ติดตาม
15 ก.ย. 2021 เวลา 03:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
TECH&SCI: รู้ไหม Elon Musk คือเจ้าพ่อดาวเทียม
เขาคือคนที่ครอบครองดาวเทียมมากที่สุดในโลก
.
Elon Musk เป็นหลายอย่างสำหรับหลายคน เขาเคยเป็นเจ้าพ่อรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด เป็น Iron Man ในชีวิตจริง เป็นฮีโร่ช่วยทีมหมูป่า เป็นคนรวยที่สุดในโลก เป็นเจ้าพ่อปั่นคริปโต เป็นคนที่พยายามจะเชื่อมมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์ ฯลฯ
.
แต่สิ่งที่คนไม่ค่อยรู้ว่าเขาเป็นอีกอย่างหนึ่งก็คือ เขามีดาวเทียมในครอบครองมากที่สุดในโลก โดยดาวเทียมที่ใช้การได้และวนอยู่รอบๆ โลกเวลานี้ราวๆ 1 ใน 3 เป็นของ Elon Musk (หรือให้ตรงคือเป็นของ SpaceX)
.
ทำไมเขาถึงมีดาวเทียมเยอะขนาดนี้ แล้วมันเอาไปใช้ทำอะไร
.
เอาล่ะ เราจะค่อยๆ เล่าไปทีละเรื่องนะครับ
.
สำรวจประชากรดาวเทียม
.
รอบโลกนี้มีดาวเทียมมากมาย ซึ่งก็เรียกได้ว่ายิ่งส่งดาวเทียมง่ายเท่าไร ก็ยิ่งเยอะเท่านั้น และดาวเทียมที่อยู่รอบโลกนั้นปัจจุบันมีประมาณ 6,000-7,000 ดวง
.
ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งใช้การไม่ได้ เป็นขยะอวกาศลอยอยู่ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังไม่เป็นปัญหา เพราะวงโคจรรอบโลกนั้นกว้างใหญ่ไพศาล และเอาจริงๆ แต่ละชาติก็ไม่ได้มีโควตาว่าส่งดาวเทียมไปได้เท่าไร เรียกได้ว่ามีงบ เช็กวงโคจรว่าจะไม่ชนดวงอื่น ก็ส่งขึ้นไปได้เลย
.
ดังนั้น ปัจจุบันนี้มีดาวเทียมโคจรรอบโลกที่ใช้งานได้อยู่ราวๆ 3,000 ดวงด้วยกัน
.
ทีนี้ชาติไหนส่งดาวเทียมไปบ้าง?
.
ดาวเทียมในโลกนี้ ราวครึ่งหนึ่งเป็นของอเมริกา และรองลงมาเป็นของจีนและรัสเซียเพียง 15% และ 6% เท่านั้นตามลำดับ นอกนั้นเป็นของประเทศอื่นๆ ดังนั้นจะพูดก็ได้ว่า ดาวเทียมส่วนใหญ่ที่โคจรอยู่เป็นของอเมริกา
.
2
ทำไมอเมริกาถึงดาวเทียมเยอะที่สุดก็คงไม่ต้องอธิบายกันมากนัก แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ สาเหตุที่ดาวเทียมอเมริกาเยอะที่สุด นั้นไม่ใช่ดาวเทียมของกองทัพหรือของรัฐบาล แต่เป็นดาวเทียมของเอกชนเพื่อการพาณิชย์เป็นส่วนใหญ่
.
และนี่คือจุดที่ Elon Musk ของเราเข้ามามีบทบาท
.
Elon Musk เจ้าอวกาศ
.
นับตั้งแต่อเมริกาเปิดให้เอกชนส่งดาวเทียมขึ้นไปได้ ก็แน่นอนว่าเอกชนก็ส่งรัวๆ เมื่อมีโอกาส ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ ต้องพ่วงไปกับโครงการส่งจรวดของรัฐ
.
แต่ทีนี้ถ้าใครรู้ประวัติ SpaceX ก็จะรู้ว่านี่คือบริษัทเอกชนบริษัทแรกของโลกที่ส่งจรวดไปอวกาศได้ ซึ่งถ้าใครตามก็คงจะรู้อีกว่านี่ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะบริษัทตั้งมาปี 2002 เริ่มปล่อยจรวดครั้งแรกปี 2006 แต่ล้มเหลว อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ปี 2008 บริษัทก็ส่งจรวดไปสู่อวกาศสำเร็จ และก็ส่งต่อเนื่องรัวๆ มาจนถึงตอนนี้
.
ทีนี้ เวลาส่งจรวดไปอวกาศ สิ่งที่ส่งแถมไปด้วยคือ “ดาวเทียม” พูดง่ายๆ ทุกครั้งที่ SpaceX ส่งจรวดไปอวกาศ ก็จะมีการค่อยๆ ส่งดาวเทียมไปอวกาศ ซึ่งก็แน่นอน เริ่มจากหลักหน่วย หลักสิบ และก็ขยายมาเป็นหลักร้อย ก็ส่งเพิ่มๆ ไปสะสมเรื่อยๆ
.
และนี่ทำให้ในกลางปี 2021 จำนวนดาวเทียมของ SpaceX มีรวมๆ กันราวๆ 900 ดวงแล้ว หรือราวๆ 1 ใน 3 ของดาวเทียมที่ทำงานอยู่ในวงโคจรของโลกเกือบ 3,000 ดวง และนี่คือจำนวนที่มากกว่าบริษัทใดๆ หรือกระทั่งรัฐบาลใดๆ มีในอวกาศ แม้แต่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเอง
.
แต่คำถามคือ Elon Musk ส่งดาวเทียมขึ้นไปทำไม?
.
โปรเจค Starlink
.
ณ กลางปี 2021 คนที่ตามข่าวเทคโนโลยีก็คงจะรู้จักโครงการ Stalink ของ SpaceX ซึ่งเป็น “อินเทอร์เน็ตดาวเทียม” เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเอาจริงๆ นี่ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ เพราะอินเทอร์เน็ตดาวเทียมมีมานานมากๆ แล้ว แต่ความต่างของ Starlink ก็คือเร็วกว่ามากๆ และมันอยู่ในมือเอกชนโดยสมบูรณ์
.
และความต่างที่ว่าก็มาจาก “จำนวนดาวเทียม” ที่เล่ามา
.
บริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียมมีมานานแล้วก็จริง แต่หลักๆ คือไม่มีบริษัทเอกชนบริษัทไหนจะมีดาวเทียมของตัวเองมากมายพอที่จะสร้าง “เครือข่ายของตัวเอง” ได้ และต้องพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานและดาวเทียมของรัฐทั้งนั้น พูดง่ายๆ คือจะส่งดาวเทียมไปก็ต้อง “ติดจรวด” ของรัฐไป และนี่ทำให้บริษัทเหล่านี้ต้องมีสายสัมพันธ์กับรัฐอย่างลึกซึ้งพอควรทั้งนั้น
.
และ Starlink เป็นบริษัทแรกในโลกที่ส่งดาวเทียมไปอวกาศได้โดยไม่ต้องพึ่งรัฐ และการส่งดาวเทียมไปอย่างต่อเนื่องมีดาวเทียมของตัวเองมากพอในอวกาศระดับที่สร้างเครือข่ายของตัวเองแบบไม่ต้องพึ่งพารัฐได้
.
หรือจะพูดให้โหดกว่านั้น Starlink น่าจะเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตแรกในโลก ที่มี “โครงสร้างพื้นฐาน” เป็นของตัวเองโดยสมบูรณ์
.
อะไรพวกนี้ยิ่งใหญ่สุดๆ ในยุคที่รัฐชอบทำการบล็อกอินเทอร์เน็ต และไปกดดันผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ่งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ก็ต้องยอมทั้งนั้นถ้ามีโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ของรัฐ แต่อีกด้านหนึ่งนี่หมายความว่า Starlink มีอำนาจพอจะไม่ต้องก้มหัวให้รัฐใดๆ ทั้งนั้น เพราะโครงสร้างพื้นฐานอยู่ “นอกโลก” ทั้งหมด
.
และนี่คือ “ความหมายที่แท้จริง” ของการส่งดาวเทียมไปสู่อวกาศอย่างต่อเนื่องนับ 10 ปีของ Elon Musk ความได้เปรียบที่ “เริ่มก่อน” นี้ทำให้ทุกวันนี้ไม่มีบริษัทใดในโลกมีดาวเทียมหรือประสบการณ์ส่งดาวเทียมและดูแลเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอวกาศเท่ากับ Starlink อีกแล้ว พูดอีกแบบคือบริษัทนี้นำหน้าบริษัทอื่นๆ ในโลกไปอย่างต่ำๆ 10 ปี
.
เครือข่ายนอกโลก อำนาจของ Elon Musk
.
ถ้ามองจากฝ่ายรัฐ มันน่าขนลุกมาก เพราะชายอย่าง Elon Musk นี้มีเครือข่ายที่อยู่เหนือการควบคุมของรัฐโดยสิ้นเชิง
.
หรือเอาง่ายๆ ถ้าในสมัยก่อน เราจะบอกว่าการมีอินเทอร์เน็ตเนี่ย สุดท้าย “ถูกตัดสาย” ก็จบ ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะถ้าใครมีปัญญาตัดสายเคเบิลจนหมด โลกนี้ก็ไม่เหลืออินเทอร์เน็ต เพราะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทุกวันนี้ทำงานผ่านสายเคเบิลทั้งนั้น
.
2
คือเราใช้ “สัญญาณไร้สาย” ก็จริงในส่วนของสมาร์ตโฟน แต่สัญญาณมันก็วิ่งเข้าออกที่เสาสัญญาณใกล้ๆ อยู่ดี และถ้าสายตรงนั้นโดนตัด เราก็จะเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไม่ได้
.
แต่สิ่งที่ Elon Musk เปลี่ยนก็คือ ต่อให้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตแบบ “มีสาย” ล่มทั้งโลกด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ต่อให้มีรัฐบาลเผด็จการอะไรก็ตามพยายามตัดเน็ต ก็มี Starlink นี่แหละที่จะให้บริการได้ เพราะเครือข่ายมันอยู่นอกโลกทั้งหมด
.
1
หรือถ้าจะอธิบายให้เวอร์หน่อย ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบเอานิวเคลียร์ยิงกัน จนเกิดภาวะแบบ “วันสิ้นโลก” แล้วพวกคอมพิวเตอร์ที่คุมเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในโลกพังหมด สายเคเบิลโดนระเบิดหมดแล้ว โลกนี้ก็ยังจะเหลือเครือข่าย Starlink ให้สื่อสารกันในยุค “หลังวันสิ้นโลก”
.
นี่เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่สุดๆ ระดับที่คู่ควรกับมนุษย์สุดอีปีคอย่าง Elon Musk
.
ซึ่งที่โหดคือ มันเป็น “อำนาจ” ที่เขาสั่งสมมาเงียบๆ ที่ไม่มีใครมองเห็น แม้ว่ามันจะทำงานได้จริงแล้ว
1
8 บันทึก
19
11
8
19
11
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย