15 ก.ย. 2021 เวลา 07:06 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
หายไปนาน วันนี้ได้ไปอ่านเจอ บทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับ
ทฤษฎี "พระเจ้าอวกาศ!" ยังไงลองอ่านกันดูนะคะ
แม้จะยังไม่ใช่เรื่องที่ยังมีหลักฐานน้อยนิด แต่ก็อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้
ทฤษฎี พระเจ้าอวกาศ หรือ นักบินอวกาศโบราณ ("Ancient Astronaut", "Ancient Alien" หรือ "Alien God") เป็นอีกทฤษฎีสำคัญ ที่ทรงอิทธิพลและได้กลายมาเป็นวัตถุดิบทางจินตนาการของหนังไซ-ไฟ หลายต่อหลายเรื่องด้วยกัน โดยได้หยิบยืมเอาไอเดียมาดัดแปลงใช้เป็นโครงเรื่อง-บทภาพยนตร์ สร้างความตื่นตาตื่นใจต่อท่านผู้ชมได้เป็นอย่างดีเยี่ยมตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน อาทิ 2001 A Space Odyssey, The Third Encounters of the Third Kind, Star Trek, The X-Files, Star Gate, Mission to mars, Alien VS Predator, Transformers และ Prometheus เป็นต้น...
- ในอดีตช่วงสงคราม อเมริกามักตั้งฐานทัพลับบนเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ชนพื้นเมืองที่ยังเป็นคนป่า เมื่อพวกเขาเห็นนกยักษ์เครื่องบินรบบินว่อนท้องฟ้า-ร่อนลงจอด ก็เป็นที่ตื่นตระหนก บางโอกาสพวกทหารก็ให้สินค้า-อาหารกระป๋องแด่พวกเขาด้วย บ้างก็ส่งลงมาจากเครื่องบิน สำหรับพวกเขาแน่นอนว่ามันเป็นอะไรที่อัศจรรย์เหลือเชื่อ...ผลคือคนพื้นเมืองเหล่านั้นมองบรรดาทหาร-นักบินราวผู้วิเศษมาจากฟากฟ้าสรวงสวรรค์ เมื่อสิ้นภารกิจพวกทหารนักบินก็จากไป คนป่าชนพื้นเมืองจึงเข้าไปสำรวจฐานทัพลานบิน-อุปกรณ์ที่ทิ้งไว้เบื้องหลังอย่างถี่ถ้วน เก็บเศษสิ่งของเป็นที่ระลึก ที่น่าสนใจมากที่สุด
ต่อมาพวกเขาได้เลียนแบบสร้างเครื่องบินจำลองจากไม้-หญ้า เป็นสัญลักษณ์ ไว้บูชา! ทั้งรอคอยการกลับมาของนักบิน แจกสินค้า-อาหารกระป๋องอีกครั้ง...นี่คือกรณีตัวอย่างสำคัญตัวอย่างหนึ่ง ที่นักทฤษฎีพระเจ้าอวกาศอ้างอิง...ในอดีตดึกดำบรรพ์อาจมี มนุษย์ต่างดาวบินมาเยือนคนป่ามนุษย์โบราณทำนองเดียวกัน และความคิด-ตำนานเกี่ยวกับทวยเทพเจ้า-ศาสนานับถือพระเจ้าต่างๆ ก็อาจถือกำเนิดจากสิ่งนี้นี่เอง!
ทฤษฎี พระเจ้าอวกาศ มาจากการตั้งข้อสังเกตของนักวิชาการหลากหลายท่านด้วยกัน แต่ที่จุดประกายแนวคิดได้โดดเด่นเป็นที่กล่าวขวัญถึงคนแรกๆก็คือ "อีริช ฟอน ดานิเกน" (Erich Von Daniken) ดานิเก้นได้เขียนหนังสือเล่มนึงออกมาในชื่อ "Chariots of the Gods"(1968) แปลไทยเป็น "รถม้าของพระผู้เป็นเจ้า" อันอุปมาถึง ยานอวกาศ! ซึ่งเป็นที่ฮือฮาสนใจกันมาก ขายดีกว่า 40 ล้านเล่มทั่วโลก เนื้อหาหนังสือเป็นเชิงสารคดี ว่าด้วยแนวคิดมองประวัติศาสตร์-อารยธรรมโลกในมุมมองใหม่ เกี่ยวกับหลักฐานทางโบราณคดีที่แปลกประหลาดไม่ปกติ!ต่างๆ
เขาตั้งได้ข้อสังเกตโดยกว้างๆ ทำนอง...ในอดีตโลกของเราอาจได้รับการมาเยือนจากมนุษย์ต่างดาวหรือสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากนอกโลก โดยเฉพาะในช่วงที่เผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณเพิ่งเริ่มสร้างเป็นสังคม-ก่อเกิดอารยธรรมต่างๆเมื่อหลายพันปีก่อน และมนุษย์ต่างดาวอาจได้ใช้ภูมิปัญญา-เทคโนโลยีล้ำสมัยของพวกเขา เข้ามามีส่วนช่วยอยู่เบื้องหลังบางอารยธรรมโบราณของมนุษย์ด้วย มนุษย์โบราณในอดีตจึงให้ความชื่นชมเคารพมนุษย์ต่างดาวเหล่านั้น ส่งผลให้กำเนิดเป็นความเชื่อว่าพวกเขาคงเป็น พระเจ้า เทพ-เทวา ฯลฯ ผู้มาจากสวรรค์ชั้นฟ้า เมื่อพวกมนุษย์ต่างดาวจากไป ก็ได้เกิดการเล่าขานสืบต่อกันมาจนเป็นตำนาน ทั้งยังมีจารึก-บันทึกในสถานที่สำคัญต่างๆ และก็ได้ต่อยอดกลายมาเป็น ลัทธิความเชื่อ-ศาสนา!ต่างๆของสังคมมนุษย์ในเวลาต่อมาจวบจนปัจจุบัน
ข้อเสนอของทฤษฎีพระเจ้าอวกาศอื่นๆ อาทิ สิ่งทรงภูมิปัญญามนุษย์ต่างดาวอาจมีส่วนในการก่อสร้างมหาพีระมิด หรือสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมาอันน่าทึ่งต่างๆของอารยธรรมโบราณต่างๆทั่วโลก แม้กระทั่งอาจเข้ามามีส่วนในการจัดการกับวิวัฒนาการบางส่วนของเผ่ามนุษย์โบราณด้วย(ปรับ DNA!?) เพื่อให้มีโครงสร้างร่างกายที่ดีขึ้น-ฉลาดมากขึ้นกลายเป็นพันธุ์ที่ศัพท์วิชาการเรียกว่าพันธุ์ "Homo sapiens" และได้วิวัฒนาการต่อจนกลายมาเป็นมนุษย์พวกเราในปัจจุบันนั่นเอง
ข้อเสนอของทฤษฎีพระเจ้าอวกาศอื่นๆ อาทิ สิ่งทรงภูมิปัญญามนุษย์ต่างดาวอาจมีส่วนในการก่อสร้างมหาพีระมิด หรือสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมาอันน่าทึ่งต่างๆของอารยธรรมโบราณต่างๆทั่วโลก แม้กระทั่งอาจเข้ามามีส่วนในการจัดการกับวิวัฒนาการบางส่วนของเผ่ามนุษย์โบราณด้วย(ปรับ DNA!?) เพื่อให้มีโครงสร้างร่างกายที่ดีขึ้น-ฉลาดมากขึ้นกลายเป็นพันธุ์ที่ศัพท์วิชาการเรียกว่าพันธุ์ "Homo sapiens" และได้วิวัฒนาการต่อจนกลายมาเป็นมนุษย์พวกเราในปัจจุบันนั่นเอง
อย่างกรณี มหาพีระมิดแห่งอียิปต์ ประเมินโดยภาพรวมแล้วว่าชาวไอยคุปต์โบราณ ไม่น่าจะมีทางสร้างพีระมิดยักษ์ขนาดนี้ได้เลย หากปราศจากเทคโนโลยีชั้นสูง หลักฐานอันน่าทึ่งต่างๆในพีระมิดยังอาจสื่อถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างจักรวาล - เลขฐานสิบ - กับโครงสร้างของมหาพีระมิด นอกจากนั้นยังมีหลักฐานโบราณอันน่าสงสัยอีกมากมาย อาทิ สัญลักษณ์ ลายเส้นและลานกว้างคล้ายลาดจอดสนามบิน บนยอดเขาแห่ง ทะเลทรายนาซคา(Nazca Lines) ประเทศเปรู ลายเส้นเหล่านี้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากที่สูงทางอากาศเท่านั้น ชาวนาซคาโบราณจะทำเช่นนี้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร? และหากเป็นลานบินจริงๆ เมื่อหลายพันปีที่แล้ว ยังไม่พบหลักฐานใดๆเลยว่ามนุษย์โบราณเคยมีพาหนะในเชิงเครื่องบิน
2
- หลักฐานทางโบราณคดีปริศนา-น่าสงสัยต่างๆมากมาย สถาปัตยกรรม รูปปั้น รูปสลัก รูปวาด ฯลฯ ปรากฏกระจายทั่วภูมิภาคทั่วโลก บรรพบุรุษของมนุษยชาติได้เห็นอะไรบางอย่าง! อันมีแนวโน้นที่อาจสื่อไปในทางการเกี่ยวโยงไปถึงการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว!ในอดีต ในแง่ใดแง่หนึ่ง หรือเปล่า ?
- ลายเส้น สัญลักษณ์ และลานกว้าง คล้ายลาดจอดสนามบิน บนยอดเขาแห่งทะเลทรายนาซคา(Nazca Lines) ประเทศเปรู พื้นที่เส้นที่ ยาวที่สุดถึง 23 กม.
และจากหลักฐานจารึก-ตำนานเรื่องเล่าโบราณ ในบรรดาหลายๆชนชาติที่เจริญรุ่งเรืองในอดีต กรณีของการปรากฏของพระเจ้า-ทวยเทพผู้ทรงพาหนะบินไปมาในอากาศ น่าสังเกตว่ามักมีการกล่าวถึงเป็นไปในทำนองเดียว ยานพาหนะเหล่านั้นค่อนข้างมีโครงสร้างที่มีหลักการ หาใช่ว่าจะเป็นไปเชิงอิทธิปาฏิหาริย์เวทย์มนต์เสียทีเดียว ตัวอย่างในตำนานมหากาพย์ "มหาภารตะ" ของอินเดียเมื่อหลายพันปีก่อน มีการกล่าวถึงยานอวกาศของเหล่าเทพ เรียกว่า "วิมานะ" สิ่งที่เรียกว่าวิมานะนี้สามารถขับเคลื่อนไปมาในอากาศ โดยอาศัยโครงสร้างที่ทำจากโลหะผสมอันเบาบาง ขับเคลื่อนได้ด้วยพลังงานความร้อน มีหมอกควัน-ไฟ ฟุ้งกระจาย และเสียงกึกก้องคำรามน่าเกรงขาม
1
- ในพระคัมภีร์หลายคัมภีร์ของหลายลัทธิ-ศาสนา เมื่อหลายพันปีก่อนมักเอ่ยถึงการมาเยือนของ พระเจ้า-ทวยเทพ-ทูตสวรรค์ ฯลฯ ที่มาพร้อมกับพาหนะประหลาดหรือมีปีก เรื่องทำนองนี้อาจมาจากเค้าความจริง ? มันอาจเป็นเทคโนโลยียานอวกาศสุดล้ำ ? ที่คนโบราณได้เห็น และสรรหาคำมาอธิบายเท่าที่จะทำได้ในยุคนั่น ?
นอกจากดานิเก้นแล้ว ก็ยังมีนักเขียนนักวิชาการอีกหลายคนที่ได้ตั้งข้อสังเกตและตั้งทฤษฎีในแนวพระเจ้าอวกาศ บางคนก็เจาะค้นคว้าไปในคัมภีร์ทางศาสนา-ลัทธิโบราณ ไบเบิล, พระเวทย์, วรรณคดีโบราณต่างๆ ฯลฯ ตลอดจนหลักฐานทางโบราณคดีปลีกย่อยอื่นๆ ซึ่งพบว่ามีหลายแง่มุมที่น่าพิศวงซ่อนอยู่มากมาย บางกรณีตีความออกมาแล้วก็ได้แง่มุมอันน่าทึ่งเป็นอย่างมาก อาทิ มีการสื่อไปในเชิงเหมือนมีการผ่าตัดดัดแปลง DNA จนถึงการทำโคลนนิ่ง!ได้ เพียงแต่ว่าวิธีการอธิบายของคนโบราณอาจจะแสดงออกในรูปของภาษาทางวรรณกรรมโบราณที่มักเป็นไปในเชิง อิทธิปาฏิหาริย์ เวทย์มนต์คาถา ก็ด้วยยุคโบราณยังไม่มีภาษาวิชาการเชิงวิทยาศาสตร์ ในแบบปัจจุบันนั่นเอง
- รูปซ้าย คือ ตัวอย่างภาพวาดโบราณพบในหุบเขา วาล คามอนิกา(Val Camonica) ประเทศอิตาลี สันนิษฐานว่าวาดไว้ตั้งแต่ราว 10,000ปี! ก่อนคริสตกาล ซึ่งผู้เสนอทฤษฎี Ancient Astronaut อ้างว่าภาพเหล่านี้รูปลักษณ์คล้ายกับมนุษย์อวกาศสมัยใหม่ (บนหัวเหมือนจะเป็นหมวกอวกาศ-ในมือถือเครื่องมืออุปกรณ์บางอย่าง?)...ส่วนภาพกลาง-ขวา สิ่งทรงผู้ปัญญาต่างดาวรูปลักษณ์คล้ายมนุษย์ ปรากฏในภาพยนตร์ Prometheus(2012) สื่อออกมาในเชิง เป็นต้นกำเนิดมนุษยชาติ
" เขาคือ เทพเจ้า 'รา' (แห่งอิยิปต์) ผู้เดินทางจากดาวไกลโพ้นที่กำลังจะดับสูญ จึงต้องหาทางต่ออายุของตัวเอง ร่างกายเขาอ่อนแอและเสื่อมสภาพ ไม่สามารถระงับความตายที่คืบคลาน เผ่าพันธุ์ของเขากำลังจะสิ้นสูญไป เขาต้องเดินทางไปหาหมู่ดาวเพื่อค้นวิธีอยู่รอดปลอดภัย และเขา ก็มาถึงดาวที่อุดมสมบูรณ์ โลกกับชาวโลกที่ยังล้าหลังป่าเถื่อน เขารู้ว่าถ้าเขาอยู่ในร่างมนุษย์เขาจะสามารถเริ่มชีวิตใหม่ และที่สำคัญเป็นอมตะ! " --- จาก Stargate (1994) ก็เป็นตัวอย่างภาพยนตร์ไซไฟอีกเรื่อง สะท้อน ทฤษฎี "พระเจ้าจากอวกาศ!" แบบเต็มๆ
จะเห็นว่าแนวคิดของทฤษฎีพระเจ้าอวกาศ จัดเป็นมุมมองที่บรรเจิดน่าสนใจมาก(ถ้าในแง่ไอเดียพล็อตเรื่อง ก็ต้องนับว่าเป็นสุดยอดไซ-ไฟ :) แต่แน่นอนว่า ถึงแม้จะมีหลักฐานไม่น้อยอ้างอิงสนับสนุน แต่ยังไงเสียทฤษฏีพระเจ้าอวกาศก็ยังคงเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน และยังคงเป็นประเด็นโต้แย้งกันรุนแรงในแวดวงวิทยาศาสตร์-โบราณคดี ด้วยยังไม่มีการพิสูจน์ออกมาแจ่มแจ้ง 100% (ก็คงจนกว่าจะมีปรากฏตัวของ มนุษย์ต่างดาวตัวเป็นๆกันเลย) แต่ก็นับว่าเป็นการเปิดมุมมองใหม่ต่อประวัติศาสตร์-อารยธรรมโลกได้ล้ำลึกแหวกแนวมากทีเดียว
โฆษณา