22 ก.ย. 2021 เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์
ในจีนโบราณ ผู้หญิงดื่มสารที่มีตะกั่วและปรอทเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ ในกรีกโบราณ พวกเธอใช้เมล็ดทับทิมเพื่อคุมกำเนิด (เชื่อว่าผูกพันกับเทพีเพอร์ซีโฟนี ที่การกินเมล็ดทับทิมของพระนางขณะที่อยู่ในโลกบาดาล ทำให้เกิดฤดูหนาวที่ปลูกพืชพันธุ์ไม่ได้) ผู้หญิงยุโรปยุคกลางห้อยลูกอัณฑะของพังพอน ช่อสมุนไพร เครื่องรางที่ทำจากกระดูกแมวไว้ที่ต้นขา ใช้ของหมักและขี้ผึ้งผสมกับเลือดประจำเดือน เดินรอบบริเวณที่สุนัขจิ้งจอกตั้งท้องปัสสาวะสามรอบ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ตั้งครรภ์
1
ไม่ใช่เพียงเพราะการตั้งครรภ์และการคลอดบุตรนั้นเป็นสาเหตุของการบาดเจ็บและเสียชีวิตหลักสำหรับผู้หญิงที่ยังอยู่ในวัยสาว หรือเพราะการตั้งครรภ์โดยไม่ได้แต่งงานเป็นบาปเท่านั้น แต่การตั้งครรภ์ยังหมายถึงการสิ้นสุดสภาพความเป็นอิสระเสรี ถูกจำกัดโอกาส และเป็นจุดเริ่มของชีวิตความรับผิดชอบของครอบครัว สิ่งใดก็ตามที่ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ไม่ว่าจะมีความหวังน้อยเพียงใดก็ยังคุ้มค่าที่จะลอง
1
พอมาถึงในศตวรรษที่ 18 และ 19 ชีววิทยาเรื่องการตั้งครรภ์ก็ยังเป็นเหมือนกล่องดำ ไม่มีใครรู้กลไกใดๆเบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้นในมดลูกของผู้หญิงในช่วงเวลาเก้าเดือนของการตั้งครรภ์และการคลอด แน่นอนการหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ทำได้โดยงดการมีเพศสัมพันธ์ และผู้ชายที่ใช้ถุงยางอนามัยยุคแรก ซึ่งทำจากทุกอย่างตั้งแต่ลำไส้แกะดองหรือถุงผ้าลินินที่พันรอบองคชาตด้วยริบบิ้นหลากสี แต่มันก็ไม่ให้ผลที่เชื่อถือได้แน่นอนเลย
จนช่วงเปลี่ยนเข้าสู่คริสต์ศตวรรษที่ยี่สิบ เราจึงเห็นถึงความสำคัญของเหตุผลใหม่ที่สำคัญในการคุมกำเนิด ซึ่งได้แก่ ภัยคุกคามจากการขาดแคลนอาหารเนื่องจากประชากรที่มากเกินไป การเคลื่อนไหวเพื่อความเท่าเทียมของสตรีที่เพิ่มขึ้น และความต้องการที่จะควบคุมแรงผลักดันอันควบคุมไม่ได้ ที่ตามมาด้วยผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการ ซึ่งรวมถึงเรื่องเพศด้วย
หนึ่งในกลุ่มหลังสุดนี้คือเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งในช่วงทศวรรษ 1930 ได้ใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมากในสาขาใหม่ทางชีวโมเลกุล เหตุผลหนึ่งที่ความพยายามนี้ดึงดูดนักธุรกิจและนักวิทยาศาสตร์ คือสาขานี้เป็นความหวังที่จะทำให้เกิดความเข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่างชีววิทยาและพฤติกรรมได้ชัดเจนขึ้น และเกิดสาขาความรู้ใหม่ที่นิยมกัน เรียกว่า “จิตชีววิทยา” หรือ Biopsychology นั่นเอง
อ่านประวัติศาสตร์การค้นพบยาสำคัญของโลกได้ในหนังสือ
"Ten Drugs สิบยาเปลี่ยนโลก" เขียนโดยโทมัส เฮเกอร์
สำนักพิมพ์ Sophia
โฆษณา