Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
17 ก.ย. 2021 เวลา 07:36 • หุ้น & เศรษฐกิจ
CV ราคาน่าผิดหวัง สวนทางข่าวดี “ซีอีโอ” เคลียร์ชัด!! ผถห.ใหญ่อยู่ครบ ผลประกอบการยังเติบโต
วันนี้ทีมข่าวจะพานักลงทุนมาย้อนไทม์ไลน์หุ้นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และผู้ให้บริการด้านงานวิศวกรรมแบบครบวงจร อย่างบริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV ที่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา
หากย้อนไปตั้งแต่เข้าเทรดในวันแรก ราคาหุ้น CV ได้สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยทำราคาเปิดการซื้อขายของวันแรกเพียง 3.96 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท หรือเหนือจอง 1.54% จากราคา IPO ที่ 3.90 บาท หลังจากนั้นราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนไปทำจุดสูงสุดของวันที่ 4.32 บาท และนับเป็นจุดสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น
จากจุดสูงสุดดังกล่าวอยู่ได้ไม่นานนัก ราคาหุ้นก็ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปิดการซื้อขายของแรกวันที่ 3.92 บาท เพิ่มขึ้นเพียง 0.02 บาท จากราคา IPO ที่ 3.90 บาท หรือเหนือจองเพียง 0.51% เท่านั้น ซึ่งทำให้นักลงทุนหลายๆคนต่างผิดหวังกับราคาหุ้นในวันแรกเป็นอย่างมาก
วันต่อๆ มา ราคาหุ้นกลับเคลื่อนไหวในแดนลบ แม้ในบางวันจะปิดในแดนบวกบ้าง แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับราคาปิดของวันก่อนหน้า และล่าสุดใน 2 วันย้อนหลัง (15-16 ก.ย.64) ราคาหุ้นทิ้งดิ่งอย่างรุนแรง และถือว่าทำจุดต่ำสุดอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น
โดยจากการสำรวจความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นนับจากวันเข้าเทรดวันแรก จนถือปัจจุบัน ( 16 ก.ย.64) ที่ล่าสุดทำราคาต่ำสุดของวันที่ระดับ 3.32 บาท ลดลง 14.87% จากราคา IPO และลดลง 23.14% จากจุดสูงสุดที่ระดับ 4.32 บาท ในเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น นับจากเข้าเทรดในวันแรก หรือ CV จะหมดเสน่ห์กับนักลงทุนไปเสียแล้ว?
จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงอย่างร้อนแรง นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CV เปิดเผยกับทีมข่าว Wealthy Thai ว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงนั้น ตนเองก็ไม่รู้จริงๆว่าทำไมถึงเกิดแรงขายจำนวนมากขนาดนี้ ทั้งที่บริษัทก็ทำตามแผนการเติบโตตามที่รายงานไปก่อนหน้านี้ และปัจจุบันหลังเข้าตลาดหุ้นนั้น ยังมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเซ็นสัญญาเพิ่มเติมเข้ามาจำนวนมาก
“ราคาหุ้นไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร หากดูจากข้อมูลเราเห็นแรงเทขายจำนวนมาก ซึ่งไม่รู้ว่าการเทขายของนักลงทุนรายย่อยเพราะเปลี่ยนหุ้นเล่นหรือไม่ แต่บริษัทไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆภายในบริษัท ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ยังอยู่ครบไม่มีการเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารยังอยู่ครบ นอกจากนี้เรายังมีการเสริมทีมเข้ามาอีกด้วยทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยแผนธุรกิจยังเหมือนเดิม งาน EPC เข้ามาจำนวนมาก แต่ก็ไม่เข้าใจว่าประกาศข่าวดีขนาดนี้ ทำไมหุ้นต้องลงเยอะแบบนี้”
อย่างไรก็ตามสิ่งที่บริษัททำอยู่ คือ การให้ข้อมูลความคืบหน้าตามแผนงานที่ได้ประกาศไปในช่วงที่ผ่านมา ของทั้ง 3 ธุรกิจ โดยธุรกิจแรก ผลิตไฟฟ้า โดยโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนามีความคืบหน้าอย่างมาก และค่อนข้างเร็วกว่าแผน ซึ่งอีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะจบแล้ว
ส่วนธุรกิจงานด้านวิศวกรรม (EPC) ปัจจุบันมีออเดอร์เข้ามาจำนวนมาก ทั้งการเซ็นสัญญางานใหม่ๆ ที่จะเข้ามาสนับสนุน Backlog ให้เพิ่มขึ้น โดยเตรียมประกาศให้ข่าวเพิ่มเติมอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีงานโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ระหว่างเซ็นสัญญา ขณะที่โปรเจคขนาดเล็ก ทั้งโซลาร์รูฟฯ และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก ก็มีเข้ามาต่อเนื่องและกำลังส่งมอบตามแผนขณะที่ธุรกิจด้านจัดหาแปรรูปเชื้อเพลิงฯ ได้มีการลงนาม MOU เพิ่มเติมคาดจะประกาศข่าวดีในสัปดาห์หน้า ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่สามารถดำเนินงานได้เร็วกว่าแผน
“ต้องเรียนว่าตอนนี้บริษัทเราสปีดมากเลย กับเรื่องการสร้างความคืบหน้าตามแผนที่ได้ประกาศไว้ โดยงานเป็นไปตามแผนและเร่งรัดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันงาน EPC มี Backlog เพิ่มขึ้นมาราวๆ 300 กว่าล้านบาท เฉพาะส่วนที่เซ็นสัญญาไปแล้ว โดยยังมีงานรอเข้ามาอีกจำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถบอกมูลค่าได้ ซึ่งจะทยอยประกาศให้ทราบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้เงินระดมทุนที่ได้มาทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นมากในการทำดีลต่างๆ จึงมั่นใจในพื้นฐานของบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง”
เล็งเข้าซื้อโรงไฟฟ้าชีวมวลเสริมทัพ
.
ส่วนแผนการเข้าซื้อกิจการยังเป็นไปตามแผน โดยการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก กำลังการผลิตติดตั้ง 7.36 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอบริษัทเป้าหมายเตรียมเรื่องของการโอนให้แล้วเสร็จ โดยบริษัทเตรียมพร้อมในเรื่องของเงินจ่ายชำระ คาดใช้เวลาราว 2-3 สัปดาห์จะแล้วเสร็จ
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาเข้าซื้อโรงไฟฟ้าโครงการอื่นๆเข้ามาเพิ่มเติม หลังจากบริษัทเข้าตลาดหุ้นไปแล้ว มีผู้ประกอบการเข้ามาเสนอขายจำนวนมาก โดยเป็นโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิตราว 9 เมกะวัตต์ต่อโรง เพื่อสร้างการเติบให้กับธุรกิจ
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการปี 2564 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2563 โดยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 จะเห็นผลประกอบการที่เติบโตอย่างโดดเด่นเทียบกับครึ่งปีแรก จึงเชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนสบายใจ และเชื่อมั่นบริษัทเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงสนับสนุนจากธุรกิจ ECP ที่มีงานไว้ก่อนหน้านี้จำนวนมาก ซึ่งทยอยออกมาเรื่อยๆ ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้าก็รับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
“สุดท้ายนี้ผมมองว่าภาวะที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นลง ถือเป็นปัจจัยที่บริษัทไม่สามารถความคุมได้ แต่อยากให้นักลงทุนมาดูที่ปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจที่เราทำอยู่ เป็นธุรกิจมีความมั่นคง และมองที่บริษัทเราเข้าตลาดหุ้นแล้ว ทุนที่ค่อนข้างแข็งแรง ทำให้เราสามารถขยายธุรกิจ ทั้งด้วยการซื้อกิจการ หรือการลงทุนใหม่ๆ ต่อเนื่อง เชื่อว่าแนวโน้มของบริษัทจะมีการเติบโตมากขึ้น ส่วนการบริษัทงานก็มีการเสริมทีมให้ครอบคลุม มีความแข็งแรงมากขึ้น ดังนั้น 4 เรื่องสำคัญ ทั้งบริษัท ธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ เทรนด์ที่กำลังอยู่ และความแข็งแรงจากภายใน เรามีพร้อมเหมือนเดิม และดีกว่าเดิมด้วย ดังนั้นด้วยปัจจุบันพื้นฐานเหล่านี้อยากให้นักลงทุนมั่นใจว่า CV เติบโตแน่นอน” นายเศรษฐศิริ กล่าวปิดท้าย
อะไรเกิดขึ้นหลังเข้า IPO
.
นอกจากนี้ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงทีมข่าว Wealthy Thai พบว่า ดูเหมือนว่าจะสวนทางข่าวดีที่บริษัทประกาศออกมาเป็นระยะๆ อย่างมาก หรือข่าวดีไม่มีผลต่อความน่าสนใจกับหุ้นแล้วจริงหรือ? ซึ่งเชื่อว่าคงเป็นคำถามกับนักลงทุน และผู้ถือหุ้น CV ที่ไม่สามารถมองหาเหตุผลพยุงราคาหุ้นให้ยืนเหนือราคาจอง IPO ได้เลย
หากเราย้อนกลับไปดูข่าวดีที่บริษัทประกาศออกมา ซึ่งข่าวแรกก็ถือว่าได้รับความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว จากรายงานของบริษัทเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับประเด็น นักลงทุนรายใหญ่อย่าง 'หมอพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี' และ 'สุระ คณิตทวีกุล' ที่ได้รับการจัดสรรหุ้น IPO
ถัดมาเมื่อวันที่ 9 กันยายนบริษัทประกาศข่าวดีอีกครั้ง โดยได้ลงนามสัญญางาน EPC จำนวนทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่ารวม 216 ล้านบาท คาดทยอยรับรู้รายได้ตามความคืบหน้าของงานตั้งแต่ไตรมาส 3/2564 เป็นต้นไป โดยแบ่งเป็น 1.โครงการสัญญาซื้อขายเครื่องจักรและออกแบบติดตั้งระบบผลิตเชื้อเพลิง โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ เดือนสิงหาคม 2564 - เดือนมีนาคม 2565
2.โครงการสัญญาซื้อขายระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์โครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้ง Solar PV บนหลังคา เริ่มต้นระยะการทำโครงการสิงหาคม 2564 - ธันวาคม 2564 และ3.โครงการงานติดตั้งระบบบริหารจัดการพลังงานรวม 3 โครงการ เริ่มต้นระยะการทำโครงการสิงหาคม 2564 - ธันวาคม 2564 ซึ่งจะทยอยรับรู้ในไตรมาส 3/2564 เป็นต้นไป และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้งาน ที่เกี่ยวข้องกับทางด้านทั้งการออกแบบ ก่อสร้างโรงไฟฟ้า ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้า บริการเดินเครื่องและบำรุงรักษาจะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564 สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ประกาศผลผู้ผ่านการพิจารณาอุทธรณ์ ด้านเทคนิคโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) โดย CV ผ่านคุณสมบัติเพิ่มจากเดิมอีก 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนคำเตย จ.นครพนม กำลังผลิตติดตั้ง 3 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนนาทราย จ.อุดรธานี กำลังผลิตติดตั้ง 6.6 เมกะวัตต์ รวมเป็นโครงการที่ผ่านด้านเทคนิคทั้งหมด 6 โครงการ กำลังการผลิตรวมที่ผ่านด้านเทคนิคทั้งหมด 36 เมกะวัตต์ แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องรอลุ้นประกาศผลรายชื่อผู้ผ่านการพิจารณาคัดเลือกเข้าร่วมโครงการฯ อย่างเป็นทางการ ภายในวันที่ 23 กันยายน 2564
และล่าสุดวันที่ 16 กันยายน 2564 คว้างานใหญ่เข้ามาเสริมพอร์ตอีกครั้ง บริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท ศแบง คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ บริษัท ศแบง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) การออกแบบและติดตั้ง (EPC) ในโครงการผลิตเชื้อเพลิง Bio Fusion ร่วมกับ บริษัท พรีเมี่ยม เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด จำนวน 4 โครงการ มูลค่างานรวมทั้งสิ้น 528 ล้านบาท ซึ่งเป็นความร่วมมือกันในการพัฒนาโครงการออกแบบ ก่อสร้าง และทดสอบเดินเครื่อง ระบบผลิตเชื้อเพลิง Bio fusion
โดยปัจจุบัน ได้ลงนามเป็นสัญญา EPC แล้วจำนวน 1 โครงการ คาดว่าจะสามารถติดตั้งและดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในต้นปี 2565 นับจากลงนามสัญญาซื้อขายเครื่องจักรและสัญญาออกแบบ ติดตั้ง ทดสอบเดินเครื่อง และรับมอบพื้นที่ของโครงการ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะมีความร่วมมือในด้านอื่นๆ ทยอยออกมาเพิ่มเติมอีกด้วย
สำรวจเป้าหมายนักวิเคราะห์
.
บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ให้ราคาเป้าหมายสูงลิ่วถึง 5.60 บาทต่อหุ้น (ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 65) เพื่อสะท้อนผลประกอบการที่มีความสม่ำเสมอต่อเนื่องในระยะยาวตามอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 20 ปี และสมมุติฐานกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้นที่ 73.36 เมกะวัตต์ในปี 2566 จาก 26.20 เมกะวัตต์ในปี 2563 ซึ่งประเมินว่าในปี 2564-66 คาดกำไรสุทธิเติบโตราว 27% ต่อปี (CAGR)
เช่นเดียวกันกับนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ที่ให้ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท โดยคาดกำไรสุทธิจะโตในอัตรา 11.87% CAGR ในปี 63-66 โดยจะเพิ่มขึ้นจาก 94 ล้านบาทในปี 63 เป็นระดับกว่า 177 ล้านบาทในปี 66
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินเป้าหมาย 5 บาท โดยแนวโน้มกำไรเติบโตสูงถึง 29% (CAGR) ในปี 2564-66 จากปี 2564 คาดอยู่ที่ 142 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 239 ล้านบาทในปี 65 หลังจากนั้นปี 2566 คาดจะเพิ่มมาอยู่ที่ 304 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่โดดเด่นเทียบกับกลุ่ม โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในปัจจุบัน
ติดตามอัพเดตความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
.
Facebook : Wealthy Thai
Website :
www.wealthythai.com
Twitter :
www.twitter.com/WealthyThai
YouTube :
https://bit.ly/2GoS9Z4
LINE :
http://nav.cx/hm9uy1i
Blockdit :
https://www.blockdit.com/wealthythai
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย