17 ก.ย. 2021 เวลา 11:36 • ปรัชญา
@@@...พระอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉทที่ ๙...กัมมัฏฐานสังคหวิภาค ....( ต่อ)...
@@@...หมวดที่ ๑ กสิณ ๑๐...
"กสิณ" คือ กัมมัฏฐานที่ว่าด้วย "ทั้งปวง" หมายความว่า เช่นเพ่งปฐวีกสิณ ก็เหมือนกับว่า เพ่งดินทั้งปวง หรือว่า ดินทั้งปวงก็เหมือนกับดินที่ดวงกสิณนี้เอง
อีกนัยหนึ่ง หมายว่า ทั่วไป ทั้งหมด คือการเพ่งดวงกสิณจะต้องเพ่งให้ทั่วทั้งดวงกสิณ เพ่งให้ตลอดทั่วถึงหมดทั้งดวงกสิณ เพ่งให้ทั่วถึงทุกระเบียดนิ้ว
กสิณ มี ๑๐ อย่าง แม้จะเพ่งอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างแน่แน่ว ก็จะทำให้จิตไม่ดิ้นรนไม่กระสับกระส่าย ทำให้กิเลสเครื่องเศร้าหมองเร่าร้อนต่างๆ สงบระงับ สามารถทำให้เกิดฌานจิตตั้งแต่ปฐมฌาน ขึ้นไปตามลำดับจนถึงปัญจมฌานได้ กสิณ ๑๐ คือ...
๑.ปฐวีกสิณ คือเพ่ง ดิน
๒.อาโปกสิณ คือเพ่ง น้ำ
๓.เตโชกสิณ คือเพ่ง ไฟ
๔.วาโยกสิณ คือเพ่ง
กสิณทั้ง ๔ นี้ เนื่องด้วยมหาภูตรูปทั้ง ๔ จึงรวมเรียกว่า "ภูตกสิณ"
๕.นีลกสิณ คือเพ่ง สีเขียว
๖.ปีตกสิณ คือเพ่ง สีเหลือง
๗.โลหิตกสิณ คือเพ่ง สีแดง
๘.โอทาตกสิณ คือเพ่ง สีขาว
กสิณทั้ง ๔ นี้ เนื่องด้วยมหาภูตรูปทั้ง ๔ จึงรวมเรียกว่า "วัณณกสิณ"
๙.อากาสกสิณ คือเพ่ง ที่ว่างเปล่า
๑๐.อาโลกกสิณ คือเพ่ง แสงสว่าง
๑.ปฐวีกสิณ...
การทำดวงปฐวีกสิณนั้น ใช้ดินสีแดงเหมือนแสงอาทิตย์เมื่อแรกขึ้น มาตำให้ละเอียดร่อนหรือกรองอย่าให้มีเม็ดกรวดเม็ดทราย ใบไม้ ใบหญ้า หรือ เศษผงอย่างใดๆ ติดอยู่ด้วยเลย เอาดินนั้นผสมน้ำ ทำให้เป็นแผ่นกลม โตประมาณ ๑ คืบ ๔ นิ้ว ทำให้เรียบเสมอกันอย่างให้สูงๆ ต่ำๆ หรือเป็นหลุมเป็นบ่อ แล้วขัดด้วยไม้ให้เกลี้ยงดังหน้ากลอง อย่าให้มีแม้แต่รอยขีดรอยข่วนเสร็จแล้วตั้งไว้เฉพาะหน้า ห่างประมาณสัก ๒ ศอก สูงพอดีสายตาได้ถนัดไม่ต้องก้มไม่ต้องเงย
ขั้นต้นให้ลืมตาเพ่งพร้อมกับบริกรรมในใจว่า ปฐวี ปฐวี หรือ ดิน ดิน ตามความถนัด เพ่งไปจนกว่าจะเกิด "อุคคหนิมิต" "ปฏิภาคนิมิต" และจนกว่าจะเป็น "อุปจารสมาธิ" อัปปนาสมาธิ"
เรื่อง นิมิต และสมาธิ จะได้กล่าวต่อไปข้างหน้า...
๒.อาโปกสิณ
ให้ตักน้ำใส่บาตร หรือจะใส่หม้อน้ำ อ่างน้ำ ขันน้ำ ก็ได้ ที่ปากกว้างคืบเศษใส่น้ำให้เสมอปากภาชนะนั้น พอเต็มพอดี วางให้ห่างสักศอกคืบ พอเพ่งได้ถนัด ให้เพ่งพร้อมกับบริกรรมในใจว่า "อาโป อาโป หรือ น้ำ น้ำ"
๓.เตโชกสิณ
ก่อไฟให้ลุกเป็นเปลว ใช้เสื่อลำแพน หนังสัตว์ ผ้า หรือสิ่งใดก็ได้ เจาะให้เป็นช่องกลมโตสัก ๑ คืบ ๔ นิ้ว เอาตั้งบังไฟเข้าเฉพาะหน้า แล้วเพ่งเปลวไฟตามช่องนั้น พร้อมกับบริกรรมว่า "เตโช เตโช หรือ ไฟ ไฟ
๔.วาโยกสิณ
ให้เพ่งดูลม โดยอาศัยความไหวของใบไม้ ยอดหญ้า เส้นผล หรือสิ่งใดก็ได้เป็นเครื่องกำหนด คือเอาความไหวของวัตถุนั้นๆ เป็นอารมณ์ พร้อมกับบริกรรมว่า วาโย วาโย หรือ ลม ลม
๕.นีลกสิณ
ให้หาดอกไม้ที่มีกลีบสีเขียว เช่น ดอกอัญชัน (สีครามแก่) เป็นต้น มาประดับในขัน โอ ชามหรือ ภาชนะอะไรก็ได้ ปากกว้างสัก ๑ คืบ ๔ นิ้ว ให้เรียบเสมอปากภาชนะนั้น อย่าให้เห็นก้านและเกสร เพราะก้านคงเป็นสีเขียวใบไม้ เกสรโดยมากสีเหลือง ซึ่งไม่ใช่สีเดียวกับกลีบที่เป็นสีเขียวครามแก่ นำมาตั้งไว้เฉพาะหน้าห่างสักศอกคืบ ให้เพ่งสีเขียวนั้นเป็นอารมณ์ พร้อมกับ บริกรรมว่า นีลํ นีลํ หรือ เขียว เขียว ก็ได้
นอกจากใช้ดอกไม้สีเขียวแล้ว จะใช้ผ้าหรือกระดาษสีเขียว ตัดเป็นแผ่นกลมโตคืบเศาสำหรับเพ่งก็ได้เหมือนกัน
๖.ปีตกสิณ ๗.โลหิตกสิณ ๘.โอทาตกสิณ
ทั้ง ๓ กสิณนี้ มีวิธีทำเช่นเดียวกับนีลกสิณนั่นเอง ต่างกันแต่ว่านีลกสิณที่กล่าวนั้นใช้ ดอกไม้ ผ้า กระดาษ ที่เป็นสีเขียว
ส่วน ปีตกสิณ ใช้ดอกไม้ ผ้า กระดาษสีเหลือง เป็นอารมณ์สำหรับเพ่ง พร้อมกับบริกรรมว่า ปีตํ ปีตํ หรือ เหลือง เหลือง
โลหิตกสิณ ใช้ดอกไม้ ผ้า หรือ กระดาษสีแดง เป็นอารมณ์สำหรับเพ่ง พร้อมกับบริกรรมว่า โลหิตํ โลหิตํ หรือ แดง แดง
โอทาตกสิณ ใช้ดอกไม้ ผ้า หรือ กระดาษสีขาว เป็นอารมณ์สำหรับเพ่ง พร้อมกับบริกรรมว่า โอทาตํ โอทาตํ หรือ ขาว ขาว
โดยเฉพาะ โอทาตกสิณนี้เป็นกสิณที่ประเสริฐ เพราะสามารถทำให้จิตใจโยคีที่เจริญภาวนาอยู่นั้นผ่องใส ปราศจาก ถีนะ มิทธะ เป็นพิเศษ
๙.อากาสกสิณ
ให้ตัด ลำแพน แผ่นหนัง หรือ ผ้า ให้เป็นช่องกลมโตสัก ๑ คืบ ๔ นิ้ว แล้วเพ่งความสว่างเปล่าที่ช่องนั้น พร้อมกับบริกรรมว่า อากาโส อากาโส หรือ ว่างเปล่า ว่างเปล่า
มีข้อที่ควรทราบอยู่ว่า อากาสกสิณนี้เพ่งความว่างเปล่าภายในช่องนั้นอันเป็นความว่างเปล่า ที่มีขอบเขตโดยจำกัด ไม่ใช่ว่างเปล่าเวิ้งว่างทั่วไปที่ไม่มีขอบเขตขีดขั้นนั้นเลย
๑๐.อาโลกกสิณ
ใช้ความสว่างเป็นอารมณ์ หมายถึงแสงอาทิตย์ แสงจันทร์ แสงไฟที่ส่องลอดเข้ามาตามช่องฝาเป็นวงกลม ให้เพ่งความสว่างที่เป็นวงกลมนั้น ถ้าไม่มีอย่างนี้ ก็ให้ทำข้นโดยใช้ปีบมาเจาะข้างหนึ่งให้เป็นวงกลม เอาไฟเช่นตะเกียงใส่ลงไปในปีบนั้น ปิดฝาปีบเสีย หันปีบให้ด้านที่เจาะเข้าข้างฝา ให้เพ่งแสงสว่างที่ส่องออกมาจากปีบเป็นดวงกลมที่ติดอยู่ที่ข้างฝานั้น พร้อมกับบริกรรมว่า โอภาโส โอภาโส หรือ อาโลโก อาโลโก หรือ สว่าง สว่าง
โฆษณา