Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
รักสยาม หนังสือเก่า
•
ติดตาม
17 ก.ย. 2021 เวลา 13:24 • ประวัติศาสตร์
เจ้าศรีพรหมา "สตรีผู้กล้าปฏิเสธการเป็นเจ้าจอม รัชกาลที่ 5"
1
เจ้าศรีพรหมา เป็นพระธิดาในพระเจ้าสุริยะพงศ์ผริตเดช เจ้าประเทศราชผู้ครองนครน่าน กับหม่อมศรีคำ (ชาวเวียงจันทน์) เป็นหม่อมเอกในหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร
เจ้าศรีพรหมาเกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2431 มีพระนามเดิมว่า เจ้าศรี เป็นพระธิดาในพระเจ้าสุริยะพงศ์ผริตเดช เจ้าประเทศราชผู้ครองนครน่าน กับหม่อมศรีคำ (ชาวเวียงจันทน์) มีเจ้าพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน 5 องค์ เป็นชาย 3 องค์ (ถึงแก่กรรมหมด) หญิง 2 องค์ คือ เจ้าบัวแก้ว ณ น่าน และเจ้าศรีพรหมา ณ น่าน (ซึ่งท่านเป็นองค์สุดท้อง)
พระยามหิบาลบริรักษ์ (สวัสดิ์ ภูมิรักษ์) และคุณหญิงอุ๊น ภริยา ได้ทูลขอเจ้าศรีพรหมา ณ น่าน กับพระเจ้าสุริยะพงศ์ผลิตเดชเป็นธิดาบุญธรรมเมื่ออายุได้ 3 ปีเศษ ตามบิดาและมารดาบุญธรรมไปกรุงเทพ เข้าศึกษาที่โรงเรียนสุนันทาลัย เป็นเวลา 5 เดือน และโรงเรียนกุลสตรีวังหลัง (โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย) 8 เดือน
ปี พ.ศ. 2442 พระยามหิบาลฯ และภริยา ต้องเดินทางไปรับราชการที่ประเทศรัสเซีย จึงต้องถวายตัวเจ้าศรีพรหมา ณ น่าน ไว้ในพระอุปการะสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 5 เจ้าศรีพรหมา ณ น่าน จึงใช้ชีวิตและทรงเรียนหนังสืออยู่ในวังกับเจ้านายในพระบรมราชวงศ์ เป็นเวลา 3 ปี ต่อจากนั้นจึงตามพระยามหิบาลฯ และครอบครัวไปอยู่ที่ประเทศรัสเซีย และประเทศอังกฤษ ตามลำดับ หลังจากกลับจากต่างประเทศ ก็กลับเข้ารับราชการ ในพระราชสำนักของสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ ในหน้าที่นางสนองพระโอษฐ์ ในบางครั้งยังทำหน้าที่เป็นล่ามติดต่อกับชาวต่างประเทศ
มีเรื่องเล่าว่า "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรเจ้าศรีพรหมา ณ น่าน ทรงพึงพอพระราชหฤทัย ถึงกับทรงออกพระโอษฐ์ ตรัสขอเจ้าศรีพรหมาด้วยพระองค์เอง ให้รับราชการในตำแหน่งเจ้าจอม เจ้าศรีพรหมาได้กราบบังคมทูลพระกรุณาปฏิเสธเป็นภาษาอังกฤษว่า "ท่านเคารพพระองค์ท่าน ในฐานะพระเจ้าอยู่หัว แต่มิได้รักใคร่พระองค์ในทางชู้สาว" ในกราบบังคมทูลปฏิเสธ โดยเลี่ยงไม่ใช้ภาษาไทย แต่กลับใช้ภาษาอังกฤษ" เป็นการง่ายต่อการกราบบังคมทูลปฏิเสธ และไม่ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท รัชกาลที่ 5 ก็ทรงเมตตาให้เป็นไปตามอัธยาศัย เรื่องความกล้าของเจ้าศรีพรหมาครั้งนี้ และพระมหากรุณาของรัชกาลที่ 5 ที่มีต่อเจ้าศรีพรหมาเสมอมา มิทรงได้ถือโทษ ยังพระราชทานเมตตาต่อเจ้าศรีพรหมาเสมอมาตราบจนเสด็จสวรรคต
ในสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เปลี่ยนนามเจ้าศรี เป็น "เจ้าศรีพรหมา" ต่อมาในปี พ.ศ. 2459 ทรงขอเจ้าศรีพรหมาให้อภิเษกสมรสกับหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร เจ้าศรีพรหมาจึงมีฐานะเป็น “หม่อมศรีพรหมา” มีบุตรธิดาด้วยกัน 2 คน คือ หม่อมราชวงศ์อนุพร และหม่อมราชวงศ์เพ็ญศรี หม่อมเจ้าสิทธิพร ซึ่งรับราชการในตำแหน่งอธิบดี
ในกระทรวงเกษตร ถวายบังคมลาออกจากราชการซึ่งก็ถูกห้ามปรามอย่างมาก ทั้งสองพระองค์ประกอบอาชีพเกษตรกรรม อยู่ที่บางเบิด (ปัจจุบันคือตำบลทรายทอง อำเภอบางสะพานน้อย) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เริ่มทำการเกษตรบนที่ดินของหม่อมเจ้าศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา ที่ได้รับเป็นมรดกจากท่านเจ้าคุณมหิบาลฯ โดยปลูกผักสวนครัว พืชไร่ เลี้ยงไก่ สุกรพันธุ์เนื้อ และโคนม และต่อมาขยายกิจการเป็นฟาร์ม มีผลผลิตประสบความสำเร็จครั้งแรกของไทย ฟาร์มนี้ยังเป็นสถานีทดลองทางการเกษตรที่มีผลต่อ กสิกรรมในวงกว้าง เป็นผลทำให้หม่อมเจ้าสิทธิพรได้รับยกย่องว่า เป็นบิดาแห่งการเกษตรแผนใหม่ของไทย
แต่ต่อมาเกิดเหตุการณ์ทางการเมือง ทำให้หม่อมเจ้าสิทธิพรต้องออกจากราชการ และเกิดกบฏบวรเดช ซึ่งพระเชษฐา คือพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดชทรงเป็นหัวหน้าในการก่อการแย่งชิงอำนาจกลับคืนจากคณะราษฎรผู้ปกครองแผ่นดิน ซึ่งเปลี่ยนระบบการปกครองระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย หม่อมเจ้าสิทธิพรได้รับการชักชวนให้เข้าร่วมก่อการด้วย แต่การก่อการไม่สำเร็จ ทำให้หม่อมเจ้าสิทธิพรต้องโทษจำคุกตลอดพระชนม์ชีพ ที่เกาะตะรุเตา และเกาะเต่า ภายหลังได้รับพระราชทานนิรโทษกรรม จึงจำคุกเพียง 11 ปี หม่อม เจ้าศรีพรหมาต้องรับภาระหนักทั้งเลี้ยงดูโอรสธิดา ดูแลกิจการที่อำเภอบางเบิด และ ตามไปส่งอาหารและยาให้หม่อมเจ้าสิทธิพรตามสถานที่ต่างๆ ที่ถูกคุมขังไว้
ในรัฐบาลของนายควง อภัยวงศ์ หลังจากหม่อมเจ้าสิทธิพรพ้นโทษแล้ว ก็ได้ทรงเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ถึง 2 สมัย หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา จึงได้กลับมาอยู่ที่กรุงเทพฯ อีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งหม่อมเจ้าสิทธิพรสิ้นชีพิตักษัย เมื่อ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2514 หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา จึงได้ผลักดันให้เกิด “มูลนิธิสิทธิพร กฤดากร” เพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของหม่อมเจ้าสิทธิพร และส่งเสริมการจัดตั้งโรงเรียนเพื่อประโยชน์ทางการเกษตร
หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา พิราลัยเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2521 ชันษาได้ 90 ปี พระอัฐิของท่านได้นำมาประดิษฐานไว้ที่ ณ วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหารร่วมกับพระอัฐิของหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร
ได้มีการพิมพ์หนังสือ "อัตชีวประวัติ หม่อมศรีพรหมา กฤดากร" พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2522 โดยการจัดทำของ ส.ศิวรักษ์ แบ่งเป็นสี่ภาค คือ ประวัติ,ข้อเขียนของท่าน,บทสัมภาษณ์ และ จาก กสิกร และมีการตีพิมพ์ใหม่ในปี 2550 โดยคงโครงและเนื้อหาเดิมไว้เกือบทั้งหมด แต่ตั้งชื่อหมวดใหม่ คือ “ประวัติเจ้าศรีพรหมา เรียบเรียงโดย ส.ศิวรักษ์” “อัตชีวประวัติ” ” สัมภาษณ์หม่อมศรีพรหมา กฤษดากร” “การถนอมอาหาร จากหนังสือพิมพ์กสิกร” ตามลำดับ และเพิ่มภาคผนวก “เล่าเรื่องแม่” ของ
ม.ร.ว. เพ็ญศรี กฤดากร เข้าไว้ด้วย หนังสือ "อัตชีวประวัติ หม่อมศรีพรหมา กฤดากร" ติดอยู่ใน รายชื่อหนังสือดี 100 เล่ม ที่คนไทยควรอ่าน (พ.ศ. 2408-2519)
เครดิต ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
ขอเชิญแวะชมหนังสือเก่า หนังสือหายากของทางร้านมากกว่า 1,000 รายการ ผ่าน website
www.lovesiamoldbook.com
#โปรดนำหนังสือของท่านมาขายกับเราซิครับขายให้เราดีกว่าทิ้งหรือชั่งกิโลขาย #รับซื้อหนังสือเก่าถึงบ้านให้ราคาสูง
โทร.062-253-9423
ทางร้านมีนโยบาย "รับประกันคุณภาพสินค้าที่ซื้อกับทางร้านฯ มีบริการหลังการขาย "หากไม่พอใจในคุณภาพสินค้า" ดำเนินการตามนโยบายและขั้นตอนที่ร้านฯ ได้กำหนดไว้
ขอขอบคุณที่ท่านได้สนับสนุนสินค้าของทางร้านฯ
ช่องทางร้านค้า
website :
www.lovesiamoldbook.com
Line shop :
https://shop.line.me/@lovesiamoldbook
Lazada :
https://s.lazada.co.th/s.WaaEq
shopee :
https://shopee.co.th/lovesiamoldbook?smtt=0.0.9
ร่วมติดตาม แฟนเพจ "รักสยาม หนังสือเก่า" ไม่พลาดเรื่องราว หนังสือ ชีวิตผู้คน เหตุการณ์ต่าง ๆ บนแผ่นดินสยาม
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย