17 ก.ย. 2021 เวลา 18:44 • กีฬา
#สุดยอดวิสัยทัศน์ของเอ็ดวู้ดเวิร์ด
คอลัมน์ #ผีเคาะหัว ประจำวันศุกร์ที่ 17 กันยายน 2564
สวัสดีทุกท่าน วันนี้มาดึกหน่อย ตอนอัพนี้ก็ใกล้ๆตีหนึ่งละ แล้วก็คงไม่มีคนอ่านนักหรอก แต่ก็ได้แต่ภาวนาว่า จะมีคนมาอ่าน และเห็นว่าเนื้อหามันดีแล้วก็ช่วยแชร์หน่อย เพราะจริงๆแล้วแอดเขียนตั้งแต่หัวค่ำ กว่าจะเสร็จดีก็ตีหนึ่ง เพราะงั้นมันเลยเลทหน่อย และผมไม่สามารถอัพในช่วงไพรม์ไทม์ได้ อันนี้ขออภัยนิดนึง เอาเป็นว่าภาวนาว่า ท่านผู้อ่านจะได้เห็นโพสต์นี้ ในคืนนี้ก่อนนอน หรือไม่ก็ พรุ่งนี้เช้าตื่นมา ไถหน้าฟีด แล้วเจอโพสต์นี้ของศาลาผี จากนั้นก็เตรียมกาแฟสักแก้ว จิบอ่านไปเพลินๆเหมือนอ่านหนังสือพิมพ์ดิจิตอลเป็นคอลัมน์แมนยูสักคอลัมน์นึง
ถึงแม้ชื่อคอลัมน์จะเหี้ยไปหน่อยก็ตาม(ฮา) แต่มันมีความหมายแบบนั้นจริงๆสำหรับ คอลัมน์ผีเคาะหัว ข่าว[ผี] ที่จะนำมาวิ[เคราะห์] กันในแต่ละ[หัว]ข้อข่าว
ผมก็ตั้งใจจริงๆนะครับ ตั้งใจเขียนทุกข่าวของแมนยู รวมมาให้ทุกประเด็น และวิเคราะห์ วิพากษ์ คุยข่าวไปด้วยในตัว แบบโพสต์เดียวจบๆ ไม่ต้องมาอัพหลายๆโพสต์เพื่อเรียกยอดไลก์ได้หลายๆครั้ง
คุณเอาไปโพสต์เดียวนี่แหละ เน้นๆเนื้อๆแบบเต็มๆ ไลก์ผมไม่ได้ต้องการมาก ผมอยากให้คนอ่านของผมเห็นว่า คุณคิดถูกแล้วที่ตามเพจนี้ เพราะจะได้เนื้อหาสาระดีๆกลับไป สลับกับอะไรปัญญาอ่อนบ้าง ซึ้งๆโรแมนติคบ้าง
เขียนเรื่องราวดีๆบ้าง ตลกกระโปกฮาบ้าง รีวิวแทคติกบ้าง เล่าเรื่องเก่าของคนแก่ๆบ้าง สลับกับอะไรเนิร์ดๆที่แฟนเพจผู้หญิงอ่านแล้วงง แต่แฟนบอยผู้ชายอ่านแล้วกรี๊ด(ฮา)
วันนี้มีอะไรบ้าง ไปตามอ่านกันได้เลย แล้วเดี๋ยวจะอัพเวอร์ชั่นบล็อคดิทที่มีภาพคั่นหัวข้อให้ จะได้อ่านง่ายๆ เดี๋ยวแอดแปะไว้ให้ในเม้นนะสักครู่ และหัวข้อข่าวทั้้งหมดวันนี้ บอกไว้เลยว่า ไฮไลต์อยู่ที่คำสัมภาษณ์ของ "เอ็ด วู้ดเวิร์ด" ที่ผมอ่านแล้วชอบมากเลยครับ
ว่าแล้วก็ ไปลุยก้ันเลย อินโทรววววว มาาาาาาาาาาาาา!!!!
ตึง ตึง ตึง ตึ่งตึ๊งตึง ตึ่งตึ๊งตึง
ตืง ตืง ตืง ตื๊งตืงตึง ตึ่งตึ๊งตึง
- เมสัน กรีนวู้ด มีรายชื่อผ่านเข้ารอบต่อไปในการติดเป็น 40 คนสุดท้ายของนักเตะดาวรุ่งที่มีโอกาสได้รางวัล Golden Boy 2021 [@tuttosport]
: ขอให้ได้สักปีวะเขียวเอ๊ย ประดับบารมีไว้หน่อยว่าเทพจริงตั้งแต่เด็กๆ โปรไฟล์นี้ใช้ได้อีกยาวๆเลยนา
ส่วนนักเตะ 40 คนที่มีชื่อในลิสต์ว่ามีใครติดมาบ้าง ตัวเด่นๆก็เช่นพวก ซาลิบา ซาก้า, เปดรี้, โมริบา, นูโน่ เมนเดส, เอท-นูริ, น้องจู๊ด, กราเวนเบิร์ช และรวมถึง เอดูอาร์โด้ คาเมวิงก้า ก็ติดมาในลิสต์นี้ด้วย
ผมว่าปีนี้กรีนวู้ดก็พอจะมีลุ้นนิดๆ เอาเป็นว่าดูที่ภาพกันเองนะครับว่ามีใครบ้าง ไม่เอามาพิมพ์หมด จะได้ไม่ยาวเกะกะในโพสต์นี้เกินไป ใครสนใจไปตามได้ เผื่อใครเล่นFMอยู่ มีตังค์ก็ไปสอยเด็กพวกนี้มาซะ :)
- ความคิดเห็นของพี่เบิร์บต่อเกมเจอยังบอยส์ และ โซลชา
"ในเหตุการณ์เช่นนั้น ถ้าเสมอก็คงจะเป็นผลการแข่งขันที่ดี และผลที่ออกมาแสดงให้เห็นว่ายูไนเต็ดจำเป็นต้องเล่นให้ดีกว่านี้ในแชมเปี้ยนส์ลีก นักเตะไม่ควรจะมาโดนใบแดงในครึ่งแรกของเกมเยือน แต่มันก็มีโอกาสเกิดขึ้นกับนักเตะได้ ทำให้การชั่งน้ำหนักตัดสินใจต่างๆมันไม่เต็มที่ และก็ทำให้เกิดการตัดสินใจที่ไม่รอบคอบเกิดขึ้น"
การเริ่มต้นมาก็แพ้เลยตั้งแต่นัดแรกนั้นมันแย่ แต่มันก็แค่นั้น มีเกมรอบแบ่งกลุ่มเหลืออีก5เกมในกรุ๊ปF และผมเชื่อว่ายูไนเต็ดจะผ่านเข้ารอบไปได้ ส่วนการนำเรื่องของอนาคตของโซลชามาพูดถึงกันเลยในเวลานี้นั้นมันยังเร็วเกินไปในฤดูกาลนี้"
"เก้าอี้ของเขาสั่นคลอนเลยทันทีเหรอเพราะว่าไปแพ้เกมนี้มาที่สวิตเซอร์แลนด์ ไม่เอาอย่าเพิ่งจับเรื่องนี้มาซีเรียสเกินไป ยูไนเต็ดเพิ่งจะเตะไป 4 เกมเองนะในพรีเมียร์ลีก แถมชนะมา3ด้วย การแพ้หนึ่งเกมในแชมเปี้ยนส์ลีกไม่ทำให้เก้าอี้ของเขาสะเทือนหรอก"
- ความเห็นพี่เบิร์บต่อVDB
"เวลาของ ดอนนี่ ฟานเดอเบค หมดลงไปเรื่อยๆเพื่อที่จะรักษาเส้นทางการค้าแข้งของเขาที่นี่ให้ได้ เขาอุตส่าห์ได้ลงเล่นเกมเจอยังบอยส์ ก็ยังโดนถอดออกอีกช่วงพักครึ่ง นี่คือเรื่องราวของเขาตอนอยู่แมนยู มันมีแต่แบบนี้ คือ วันไหนได้ลงเล่น ก็มักจะโดนถอดออก หรือไม่งั้นก็ได้ลงมาเพราะเป็นสำรอง เขาก็มีเวลาพิสูจน์ตัวเองแค่10นาทีเท่านั้น"
"เขาไม่เคยได้รับโอกาสในการยึดตำแหน่ง หรือโอกาสในการแสดงความสามารถที่มีเลย"
"ผมยังหวังว่าเขาจะได้รับโอกาสลงสนามที่เหมาะสมนะ แต่คงยากแน่ๆสำหรับเขา และสโมสรอาจจะตัดสินใจยอมขายขาดทุน หากมีโอกาสทำได้"
(ต้นทางพี่เบิร์บพูดคำว่า cut their losses หรือคัทลอส นั่นแหละ สายเทรดคงเข้าใจคำนี้ดี)
"คงไปต่อไม่ได้แล้วสำหรับฟานเดอเบค น่าเสียดายมากเพราะยูไนเต็ดจ่ายเงินก้อนโตเป็นค่าตัวของเขา แต่นี่ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นเวลาที่คุณจ่ายเงินซื้อนักเตะแค่เพื่อเอาใจแฟนบอล"
[@Betfair]
: ทั้งหมดนี้คือความคิดเห็นของเบอร์บา ต่อกรณีของเกมที่แพ้ยังบอยส์ เก้าอี้โซลชา และอนาคตของฟานเดอเบค ซึ่งทุกอย่างที่แกพูดรอบนี้ ก็คิดตรงกันกับแอดทั้งหมดในแง่มุมดังกล่าว
อย่างเรื่องเก้าอี้โซลชา มีหลายๆท่านพูดถึงการเปลี่ยนผู้จัดการทีมแล้ว ซึ่งไม่ผิดอะไร เพราะเค้าก็พูดกันเยอะแยะ คนOleout ก็มี คอมเม้นต่างประเทศก็มีเพียบถ้าไปหาอ่านกันดูจริงๆ มันไม่แปลกอะไร แฟนบอลมีสิทธิ์พูดได้หรือคิดได้ครับ ก็เหมือนที่ผมออกมาวิพากษ์เรื่องattitudeแกนั่นแหละ
แต่ถ้าหลายคนสังเกตดีๆในโพสต์ร่ายยาว มีประเด็นเรื่องนึงที่ผมไม่เขียนถึงเลย นั่นก็คือ เรื่องที่พี่เบิร์บพูดนั่นแหละ เรื่องเก้าอี้และการอยู่ในตำแหน่งmanagerของSolskjaer
ตัวผมเองได้พูดคุยในเม้นกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆในโพสต์นั้นไปเยอะแล้ว หลายๆท่านทราบแล้วว่าส่วนตัวผมคิดยังไง
เรื่องโซลชานั้นผมก็จะดูเขาต่อไปเหมือนที่เคยทำมา ทั้งดีทั้งไม่ดีเราพูดหมด ส่วนเรื่องที่จะตัดสินเลย ณ ตอนนี้ หลังจากที่ผ่านนัดที่แล้วมานั้น ผมยังไม่ทำ เหมือนที่เฮียเบิร์บพูดนั่นแหละ มันเพิ่งต้นฤดูกาล เตะมา5นัดเอง ไม่รีบขนาดนั้น
ส่วนตัวผมยังขอดูก่อน ดูสภาพและทิศทางการทำทีมโดยรวมว่ามันโอเคไหม หรือมันเป็นยังไงไง ท้ายๆซีซั่นเราก็ค่อยมาว่ากันอีกที เพราะจะตัดสินการทำงานของคนมันก็ต้องเห็นทั้งหมดก่อนเราถึงจะรู้ว่า เขาทำดีหรือไม่ดีพอจริงๆหรือ
เพราะงั้นเรื่องที่ว่าจะเปลี่ยนไม่เปลี่ยนนั้น แอดก็พูดคำเดิมครับว่า ขอพิจารณาภาพรวมของทีมก่อนว่า ทีมพัฒนามากน้อยแค่ไหน โดยที่ไม่ได้เอาเรื่อง Silverware (แชมป์) มาเป็นตัวตั้งด้วย แม้ในใจผมจะแอบคิดว่ามันควรจะต้องมีสักถ้วยได้แล้วในปีนี้ไม่ว่าถ้วยอะไร
เพราะงั้นเรื่องนี้ก็ได้แต่หวังว่าคนอ่านจะเข้าใจผู้เขียนเนอะ แล้วก็รอคอยพิจารณาผลงานของพี่แกกันต่อไป
ถ้ามันจะดีหรือไม่ดีเราค่อยว่าค่อยไล่กันทีหลังก็ได้ ส่วนใครที่รู้สึกว่า "I'm done" แล้ว ก็ไม่ผิดเลยนะครับ ผมก็เข้าใจเหมือนกันว่าคุณคิดยังไง ผมรู้หมดทุกอย่างแหละครับ
เพราะงั้นใครจะพอแล้วและอยากเปลี่ยนเลยก็ไม่ผิดเหมือนกันครับ เรื่องพวกนี้เราแบ่งปันความเห็นกันได้นะครับผม (ถ้ามาคุยดีๆ ถึงจะคิดต่างก็ไม่มีปัญหาเลย มันก็ยังdiscussกันได้ หลายๆท่านไม่รู้ว่าการทำเพจ ผมเจออะไรบ้าง บางคนมาถึงง้างด่าคนเขียนมาแต่ไกลเลย อันนี้ก็ไม่รู้จะคุยด้วยยังไงได้เหมือนกัน - -)
1
ป.ล. แต่บอกก่อนเรื่องนึงเลยคือ ถ้าจะได้ ผจก. ใหม่ ผมกับคุณแนท (ชบกน) คิดเหมือนกันนะว่าไม่อยากได้คอนเต้ ถ้าจะต้องมีเปลี่ยนจริงๆเกิดขึ้น ขอซีดานจะดีกว่า ผมไม่เอาคอนเต้อ่ะ
ส่วนเรื่องที่พี่เบิร์บ พูดถึง ดอนนี่นั้น ผมอยากจะบอกว่า มันค่อนข้างตรงทั้งหมด และอาจจะจริงทั้งหมดเลยด้วย สิ่งสำคัญคือ อย่างที่ทุกคนทราบ ดอนนี่มันจะเอาเวลาที่ไหนได้พัฒนาตัวเอง หรือได้พิสูจน์ตัวเอง
เมื่อเขาได้โอกาสแค่ 5นาที หรือ 6-7นาที ในสนามช่วงท้ายๆที่มักถูกเปลี่ยนแบบ นาที85-87 อะไรแบบนี้ ซึ่งเป็นชุดความคิดการเปลี่ยนตัวที่ส่วนตัวแอดไม่ชอบมากๆ ถ้าจะทำอะไรก็ทำตั้งแต่นาที 80 เลย อย่างน้อยเวลา 10นาทีกว่าๆมันยังพอจะให้นักเตะคนนึงพิสูจน์ตัวเองได้บ้าง
นั่นเรื่องแรก
อย่างที่สองคือ แล้วเวลาได้โอกาสลงตัวจริง ซึ่งนานๆจะเกิดสักครั้งนึง ก็ยังโดนเปลี่ยนตัวถอดออกอีก ทั้งๆที่น่าจะได้ลงตัวจริงเต็มเกม .. อันนี้ก็คืออีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้โอกาสเขาน้อยลงไปอีก
ปัญหาเรื่องการเล่นที่ไม่โดดเด่น เวลาได้ลงแล้วก็ยังทำอะไรไม่ได้มากนั้น แอดเข้าใจ แอดเป็นคนเขียนรีวิวและดูเทปทุกนัด แอดก็รู้แหละครับ
แต่อย่างที่บอกไป ปัจจัยในการวิพากษ์มันเยอะ เช่น เวลาลงสนาม หรือ ตำแหน่งหน้าที่ที่ได้รับ มันส่งเสริม หรือให้โอกาสเขาได้เต็มที่จริงๆรึเปล่า? นั่นแหละคือสิ่งที่เป็นคำถามอยู่
เรื่องดอนนี่ผมดูจากอนาคตแล้ว ผมค่อนข้างเชื่อว่าสุดท้ายคงจะหนีไม่พ้นแบบที่เฮียเบิร์บบอกนั่นแหละครับ ถ้ายังไม่มีปาฏิหาริย์ใดๆเกิดขึ้น เช่น อยู่ดีๆหาจังหวะของตัวเองเจอ เล่นลงล็อค โชว์ฟอร์มสุดยอด หรืออยู่ดีๆโซลชาให้โอกาสเขาเยอะมากขึ้น ก่อนนักเตะตัวอื่นบางตัว ถ้าเป็นงั้นก็โชคดีไป
แต่อย่าลืมว่า "ตามตำแหน่ง" ที่ตัวเขาจะมีศักยภาพสูงสุดนั้น คือตำแหน่งอะไร?
"มิดฟิลด์ตัวรุก" ครับ แถมเป็นตัวพิเศษสาย Shadow Striker ด้วย ซึ่งเหมาะกับเกมเจออุดกรอบแน่นๆอย่างแมตช์เจอนิวคาสเซิลนั่นแหละ
เงื่อนไขการใช้เยอะ แถมยังเจอนักเตะระดับ ป็อกบา กับ บรูโน่ ขวางอยู่ถึงสอง โอกาสมันน้อยเลยอันนี้คือต้องทำใจนะ เพราะสองคนนั้นเค้าโหดกว่าจริงๆ
ยังรัก และยังเชียร์อยู่เหมือนเดิมครับ แฟนเพจคงจะรู้ใจผมดี แต่เดาอนาคตผมว่าก็คงเป็นแบบที่เฮียมาเฟียแกบอกนั่นแหละ
1
"คัทลอส" .. วันใดก็วันหนึ่งครับ
ข่าวคอมโบจากด้านบน
- ดอนนี่ ฟานเดอเบค ไม่ติดทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ในทีมชั่วคราวของทีมชาติฮอลแลนด์
: ก็คงต้องแบบนั้นแหละ ไม่ได้ลงสนามเลย เรียกคนอื่นที่ลงสนามสม่ำเสมอไปก่อนแล้วกัน
- หลุยส์ นานี่ : "ผมว่าเขา(โรนัลโด้) จะเล่นร่วมกับบรูโน่ แฟร์นันด์ส, ปอล ป็อกบา รวมถึงสตาร์คนอื่นๆของยูไนเต็ดได้อย่างเข้าขา พวกเขาทั้งหมดจะคอยช่วยเหลือเขา เพราะตัวเขาเอง(โรนัลโด้)ก็ต้องการทีมที่จะผลักดันเขาจากแง่มุมอื่นๆด้วยในจุดของเส้นทางอาชีพ ณ ปัจจุบัน"
: คิดถึงแกตลอดนะนานี่ เขาคืออีกหนึ่งอดีตนักเตะแมนยูที่โคตรพ่อโคตรแม่เก่ง และยังรักทีม คิดถึงแมนยูไนเต็ดอยู่เสมอ คอมเม้นดีๆมีไม่ขาด ในขณะที่ "นานี่ร่างอวตาร" เอาจริงๆแล้วแม่งโหดกว่าโด้สมัยตอนอยู่กับเราในบางครั้งซะด้วยซ้ำ
1
ที่แน่ๆ นานี่คือปีกที่เก่งที่สุดอีกคนนึงของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่ต้องยกเอาไว้บนหิ้งรวมของ "Wingerเทพ" ของปีศาจแดงอย่างแน่นอน ซึ่งแม้แต่นักเตะหลายๆคนอย่าง แอชลีย์ ยัง หรือ วาเลนเซีย ยังมีสแตนดาร์ดที่ไม่ใกล้นานี่เลยในแง่การทำเกมรุก
1
- ซอนเฮืองมิน "ทีมที่ผมเชียร์ตอนเด็กๆเหรอ? แมนยูไนเต็ดครับ แน่นอน เพราะว่าจีซุง(พาร์ค)เล่นอยู่ในทีมนี้ เขาเป็นฮีโร่ในทีมชาติ เขาเป็นเพื่อนที่ดีของผมด้วย เพราะงั้นผมก็เลยเชียร์ยูไนเต็ด แต่ตอนนี้ผมทำงั้นไม่ได้ครับ"
[@ProD_Soccer]
: เอ็ดดดดดดด กดอัลติทิ้งทวนก่อนไปได้ป่าว!!! ให้ไวเลยมึ้งงงง (ฮาาา)
ยากครับเรื่องหนูมิน เสียดายเนอะ นักเตะชอบทีมเราด้วย แต่ตัวรุกในตำแหน่งถนัดของซอนเฮืองมินมันเต็มทีมแล้ว แถมเป็นเด็กปั้นสโมสรด้วย ต้องทำใจ
แต่แค่รู้ว่า มีใจให้แมนยู แค่นี้พวกกูก็ฟินแล้วววววว <3
- มาร์คัส แรชฟอร์ด ยังคงกลับมาลงเล่นไม่ได้อีกหลายสัปดาห์ และได้แต่"หวังว่า" เขาจะได้ลงเล่นเล็กๆน้อยๆในเกมซ้อมแข่งแบบปิด
[@dnmaysportsmgt]
- การฟื้นสภาพปัญหาบาดเจ็บบริเวณไหล่ของแรชฟอร์ดดำเนินไปตามกำหนดการ เขาใช้เวลา 3 เซสชั่น ในแต่ละวัน ในการเป็นเซสชั่นฟื้นฟู (rehabilitation) และพยายามที่จะขึ้นสู่การฝึกซ้อมในระดับถัดไปให้เร็วที่สุด
[@henrywinter]
1
: มีภาพซ้อมของแรชฟอร์ดเต็มๆมาให้เราเห็นนะครับ แต่อย่าเพิ่งดีใจ ยังไม่ได้กลับมาลงสนามแน่นอน ความคืบหน้าก็ตามข่าวนี้
ยังคงต้องรอต่อไป อย่างที่คาดๆกันไว้ก็คงนู่นน่ะครับ อาจจะกลางๆตุลาคมนะผมว่า ที่จะฟิต100%จริงๆ
- มิโน่ ไรโอล่า กล่าวถึงป็อกบาว่า "ปอล ป็อกบา จะหมดสัญญาในเดือนมิถุนายน เพราะงั้นเราจะคุยกับแมนยูไนเต็ดแล้วดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น สำหรับยูเวนตุสเหรอ? ปอลยังรักตูรินอยู่ เพราะงั้นก็ ใช่ ยังมีโอกาสที่ว่าป็อกบาจะกลับไปยูเวนตุสอยู่ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับแพลนของยูเวนตุสด้วย"
[@CorSport,@RaiSport]
: ใครจะว่าไงไม่รู้ แต่ผมอยากให้แมนยูยอมจ่ายเงินเพื่อรั้งตัวมันเอาไว้ให้ได้ ค่ากินเปล่าของเอเย่นต์อาจจะแพงหน่อย แต่ให้คิดซะว่า เหมือนใช้เงินซื้อ "มิดฟิลด์คนใหม่" เข้ามาแล้วกัน เช่นค่าต่อทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น agent fee หรือ clause ต่างๆในcontractที่จะเกิดขึ้นใหม่นั้น อาจจะสูงก็จริง แต่ถ้ารวมๆแล้วมันสักประมาณ 30-40ล้านอะไรแบบนี้
แง่มุมคิดตรงนี้ผมอยากให้ทุกคนลองนึกภาพว่า มันก็เหมือนกับการ "จ่ายเงินซื้อมิดฟิลด์ใหม่" ไปก็ได้ครับ ซึ่งถ้าเอาเงินตรงนี้ไปซื้อตัวใหม่ มันอาจจะไม่ดีเท่าป็อกบาก็ได้ไง นึกออกไหม
แต่.. แน่นอนว่า แอดไม่เคยลืมที่จะระวังเรื่อง "เพดานค่าเหนื่อย" ที่ต้องระมัดระวัง รวมถึงการที่อย่าไป "ยอมเป็นลูกไล่" ของเอเย่นต์นักเตะด้วย ข้อนี้แอดนึกถึงอยู่ตลอดนะครับไม่ใช่ไม่นึกถึง เพราะมันเกี่ยวข้องโดยตรง
ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ ผมได้แต่หวังว่า สโมสรเราจะยอมจ่ายเงินในระดับที่พอเหมาะ และสมเหตุสมผล เพื่อรั้งตัวป็อกบาเอาไว้ให้ได้ โดยที่อาจจะยอมจ่ายเงินนิดนึงในก้อนนี้เพื่อดีลป็อกบาให้อยู่ต่อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อย่าไปยอมซะทุกอย่าง ให้มันบาลานซ์กันพอดีๆครึ่งทาง จะดีที่สุดครับ
ผมยังมองเห็นอยู่ว่า ป็อกบาสำคัญกับทีมมากๆที่จะเป็นกาวประสานสุดยอดนักเตะในทีมเข้าด้วยกัน ด้วยคลาสระดับโลกของเขา มันจะทำให้ทีมเราแข็งแกร่งไปอีกนาน
ก็อย่างที่บอก เหมือนเอาตังไปทุ่มซื้อมิดฟิลด์เก่งๆตัวใหม่เข้ามา สู้เอาเงินมาทุ่มต่อไอ้ป็อกดีกว่า ไม่ต้องปรับตัวด้วย วัฒนธรรมสโมสรอะไรมันก็รู้ดี
ตัวแปรสุดท้ายในดีลนี้ผมว่ามีสามอย่าง
ใจป็อกบา / ลิมิตการ"ทุ่ม"ของสโมสรและมุมมองต่อป็อก / ไรโอล่า
หวังว่าจะต่อสัญญาเขาได้ครับ ^^
G/A/F#m/Bm/G/A/F#m/F#
- มอยส์ พูดถึงเคสลินการ์ดเอาไว้ว่า "โอเล่เคลียร์กับผมชัดเจนตั้งแต่ช่วงต้นๆของตลาดซื้อขายแล้วว่าเขาต้องการจะเก็บเจสซี่เอาไว้ ผมรู้ตั้งแต่แรกๆเลยของตลาดว่าเขาจะอยู่ที่นั่นต่อ [eurosport]
: แผนงานชัดเจนนะครับ เพราะงั้นการปล่อยตัวของลินการ์ดจึงดูจะเป็นไปได้ยาก ในตลาดที่ผ่านมา แม้จะมีทีมติดต่อเข้ามาก็ตาม
คนที่ย้ายออกไปจากทีมเพราะต้องโหลดนักเตะออกบ้างก็คือแดนเจมส์แทน
- โซลชาให้สัมภาษณ์เอาไว้ในเพรสคอนฯ มีประเด็นต่างๆดังนี้
"ก็ธรรมดา เราเซ็นนักเตะเก่งๆเข้ามา ดังนั้นคนจึงสนใจคริสเตียโน่กันอย่างมาก เขารับมือกับมันได้ แล้วเหล่านักเตะคนอื่นทั้งหลายก็ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป"
"ดิโอโก้ (ดาโลต์) มีซัมเมอร์ที่ดีมากๆด้วยการถูกเรียกติดทีมในบอลยูโร ในปีก่อนเขาทำได้ดีกับทีมชาติโปรตุเกส U-21s และมีฤดูกาลยืมตัวที่ดีที่ได้เรียนรู้มาจากเอซีมิลานมากมาย"
"เขารักษาระดับความฟิตเอาไว้ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ และเขาก็มีคุณสมบัติที่เรามองว่าสามารถสร้างประโยชน์ได้มากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ แน่นอนว่าเขามีประสบการณ์มากขึ้น เราไม่ได้ปล่อยยืมนักเตะออกไปเป็นปีแบบไม่มีจุดหมายนะ การยืมตัวปีที่แล้วมอบประสบการณ์ให้เขา และมอบเวลาการลงเล่นให้กับเขาด้วย ซึ่งผมคิดว่าเขาทำได้ดี และเมื่อเขากลับมาที่นี่ในอีกคำรบหนึ่ง"
"เอดินสันนั้น ผมหวังว่าเขาจะกลับมาซ้อมกับเราช่วงหลังสุดสัปดาห์นี้ อาจจะเป็นวันจันทร์ก็ได้ เพราะงั้นเกมวันพุธเอดี้อาจจะมีส่วนร่วม เรารู้สึกได้ว่าเราจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากเขา(คาวานี่)ในซีซั่นนี้ เราต้องการให้เขาฟิต100%เต็ม และไม่ต้องไปรีบเร่งใช้งานเขา"
"เรามีทีมที่แข็งแกร่งพอจะรับมือกับการปล่อยให้นักเตะได้พักฟ้นบ้าง และไม่ให้ใครต้องเสี่ยงลงเล่นแล้วเกิดอาการบาดเจ็บ"
"ผมมองว่าเอดินสันมีอิมแพ็คสำคัญมากๆ เขามีบุคลิกภาพและความเป็นนักเตะเช่นนั้น เขาแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะได้ลงเล่นอีกครั้ง และเขาทำงานโคตรหนักมากๆเพื่อที่จะได้กลับมาลงสนาม"
"ผมก็มีงานของผมที่ต้องทำ และเราต่างคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป คุณมักจะถูกตัดสินในสื่อต่างๆ จากผลลัพธ์และพฤติกรรม มากกว่าที่จะมองเรื่องความตั้งใจ คือถ้าไม่ขาวก็ดำไปเลย"
"เราลงสนาม มีการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆในทีม เราเข้าแทคเกิล เราสร้างการจ่ายบอล ทุกๆอย่างนี้ทำด้วยความตั้งใจที่ดีทั้งสิ้น"
"ผลลัพธ์มักเป็นตัวตัดสินว่าพาดหัวข่าวจะเป็นยังไง ไม่เคยมีหรอก ว่ามันเป็นเกมที่โคตรมหัศจรรย์ หรือ โคตรของโคตรแย่ไปเลยอะไรขนาดนั้น มันวนเวียนอยู่แค่ว่า ดีพอ หรือ ไม่ดีพอ เท่านั้นเอง"
"ผมไม่ได้มีหน้าที่ต้องมาอธิบายดีเทลอะไรซะทุกๆเรื่องว่า ผมต้องการให้ทีมเล่นอะไรยังไงบ้าง เช่น เราอยากได้มิดฟิลด์ตัวกลางนะ เพราะฟุตบอลทุกวันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบว่า นักเตะคนนี้เล่นได้ดีทั้งตำแหน่งเบอร์ 6, 8 ,10"
"คุณจะเห็นว่านักเตะที่สามารถบุกได้ และเล่นเกมรับได้ด้วย คือสิ่งที่พวกเราตามหา มิดฟิลด์ที่จะมาเติมเต็มได้ และเราพยายามที่จะพัฒนามิดฟิลด์ของเราอยู่"
"ปรัชญาการเหนือกว่า.. ผมไม่มานั่งพูดอะไรแบบนั้นตรงนี้ ฟุตบอลมันเรียบง่ายนะ มันมีแค่เรื่องการตัดสินใจที่ดีและการมีความเป็นทีม แค่นั้น บางทีเรามองมันซับซ้อนจนเกินไปซะทุกอย่าง แต่มันมีแค่ passion ความกระหาย ใครต้องการจะชิงบอลมาได้? กองหน้าแบบไหนที่มีความกระหายที่จะจบสกอร์"
"คุณสามารถพูดอะไรก็ได้ มันดูดีบนหน้ากระดาษนะเรื่องพวกนี้ แต่เมื่อคุณลงสนาม มันก็มีแค่ว่า ใครคือผู้ที่ต้องการจะชนะ นั่นคือหนึ่งในเรื่องที่สำคัญ คุณต้องการผู้ชนะ และผมคิดว่าผมจะไปยังจุดนั้นด้วยทีมของผม นักเตะในทีม"
"พูดถึงลินการ์ด เขาเหลือสัญญาหนึ่งปี และแน่นอนว่าสโมสรกำลังพูดคุยกับเขาและคุณพ่ออยู่ เรามองเขาในฐานะนักเตะที่จะอยู่เป็นผู้เล่นที่นี่ในอนาคตด้วย เราอยากจะเห็นฟอร์มที่ดีที่สุดของเจสซี่อย่างมากในซีซั่นนี้ เราสนับสนุนเขา และหวังว่าจะเก็บเขาไว้กับเราที่นี่ได้ เขามีเลือดปีศาจแดงตลอดมา"
"สก็อตต์ กับ อเล็กซ์ มาร่วมซ้อมเต็มรูปแบบแล้วเมื่อเช้านี้ พวกเขาดูดีเลย แน่นอนว่าเราอยากให้พวกเขาผ่านการซ้อมบางเซสชั่นก่อนที่เราจะตัดสินใจได้ว่าพวกเขาจะพร้อมจริงๆเมื่อไหร่" [mu]
: นี่คือคำให้สัมภาษณ์ของโซลชานะครับ อัพเดทภาพรวมก็อย่างที่เห็นกันไปแล้วนะ น้องแม็ค กับ อเล็กซ์ เตลีส กลับมา full training แล้ว แต่ว่ายังต้องประเมินความฟิตกันก่อน ส่วนคาวานี่ จะกลับมาซ้อมกับทีมต้นสัปดาห์หน้า ถ้าฟิตพร้อมก็น่าจะมีส่วนร่วมกับเกมกลางสัปดาห์ด้วย
(กลางสัปดาห์หน้า คืนวันพุธ เวลาตี1.45 มีเกมถ้วยน้าแอ๊ด รอบสามนะครับ เฝ้าบ้านเจอเวสต์แฮมต่อเนื่องสองเกมนี่แหละ)
ส่วนเรื่องประเด็นที่โอเล่พูดถึงการที่เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องผลลัพธ์การแข่งขันนั้น เอาจริงๆนะ แอดไม่อยากขยี้ หรือบ่นอะไรเพิ่มแล้วนะ เพราะทุกอย่างถูกเขียนไปแล้ว ผมอยากจบมันแล้ว และไม่อยากให้แฟนเพจพูดถึงประเด็นนี้ต่อแล้วด้วย (เพราะมันเซ็งอะเนาะ หวังว่าทุกท่านจะเข้าใจนะ)
แต่ผมจะพูดแทนพวกคุณตรงนี้เลยว่า คำพูดต่อเรื่องนี้ของโซลชา ในเรื่องที่ว่า การลงสนามมันก็มีแค่ว่า ใครต้องการที่จะ"ชนะ" มากกว่ากันนั้น มันช่างลักลั่นย้อนแย้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นสิ้นดี
"ถ้าการเขียนวิพากษ์มันดูดีแต่บนหน้ากระดาษ คำสัมภาษณ์เรื่องนี้มันก็ดูดีแค่คำพูดเหมือนกัน"
2
แอดใส่หนักๆไว้ตรงนี้ และ แค่นี้พอนะครับ ทุกคนไม่ต้องต่อเรื่องนี้แล้วนะแอดขอ เพราะแอดก็อยากให้ประเด็นมันจบๆไปเหมือนกัน แต่มันมีข่าวสัมภาษณ์ออกมา แอดก็ต้องเขียนวิเคราะห์ออกมาให้ฟ้งนะครับ
อันนี้เข้าใจกันนะครับผม ไหว้ล่ะนะคร้าบบบ อย่าด่าแอดเล้ย แอดต้องเขียนถึงเพราะมันอยู่ในข่าวนี้จริงๆ 🙏 T_T
ไม่ได้อยากจะพูดถึงเลยแม้แต่นิดเดียว ผมเลิกสนใจเกมนั้นไปแล้ว - -''
- เฟร็ด ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า
"ผมพยายามจะปรับปรุงพัฒนาการจ่ายบอล และทำงานหนักกับมันหลังจากซ้อมปกติเสร็จ พยายามซ้อมพลิกบอลตรงกลาง และอีกหลายอย่างเพิ่มมากขึ้นสำหรับการเล่นในตำแหน่งของผม"
"เหมือนอย่างที่ผมเคยบอกไว้ เป้าหมายของผมคือการพยายามเข้าไปเอาบอลเพื่อส่งให้เหล่าตัวรุกให้ได้ ผมต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอในการรอรับบอลต่อมาจากเซ็นเตอร์แบ็ค, รับบอลมาและเคลื่อนไหวร่างกายให้ถูกต้องเพื่อคอนโทรลบอลและหาช่องจ่ายที่ดีต่อ"
"ผมพยายามจะพัฒนาในภาคส่วนตรงนี้ นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อปรับปรุงการเล่นในตำแหน่งของผม ผมมองถึงภาพตรงนี้ทุกๆวัน ดังนั้นผมจึงพยายามที่จะพัฒนาเรื่องการยืนตำแหน่งในสนาม จ่ายบอลเติมเกม พลิกบอล สิ่งทั้งหลายเหล่านี้คือสิ่งที่ผมพยายามจะทำงานกับมันในทุกๆวัน"
- เฟร็ดเมื่อถูกถามถึงเรื่องที่ว่า จะเป็นไงถ้าปีนี้มันเป็นปีฟอร์มพีคของเขา
"ผมก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ ในยามที่คุณอยู่ในช่วงอายุที่กำลังดีเลย มันเป็นอายุที่คุณมีทั้งประสบการณ์มามากมายนับตั้งแต่เทิร์นโปร ผมผ่านเรื่องราวมามากมายทั้งดีและร้าย"
"แล้วยิ่งต้องเล่นให้กับสโมสรที่ใหญ่มากอย่างแมนยูไนเต็ด ซึ่งถือว่า ใหญ่ที่สุดในโลก สำหรับผมนะ ผมคิดว่าช่วงนี้คือช่วงพีคในอาชีพผมแล้ว เป็นช่วงเวลาที่มหัศจรรย์สำหรับผม ช่วงที่ดีที่สุดสำหรับผม"
"ผมอยากจะทำงานให้ยอดเยี่ยมต่อไปที่นี่ อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า ฤดูกาลนี้เป็นปีที่พวกเราจะคว้าแชมป์ ในช่วงเวลาของอายุนี้ ของสเตจนี้ในเส้นทางอาชีพนักฟุตบอล ผมอยากที่จะทำให้ดีที่สุด พัฒนาตัวเองทุกๆวัน และผมหวังว่ามันจะเป็นฤดูกาลแห่งความสุขของพวกเรา"
- เฟร็ด -
: อ่านแล้วก็อยากให้แฟนผีเห็นใจ และมอบโอกาสให้เฟร็ดมันหน่อยนะครับ มันก็พยายามแล้วแหละถึงจะไม่ดีและยังด้อยอยู่(มาก)ก็ตาม แต่สัมภาษณ์แบบนี้ มันรู้ตัวเองอยู่แล้วแหละว่าอ่อนตรงจุดไหน
และจากคำพูดที่กล่าวมาของเฟร็ด ก็ยิ่งชัดเจนอยู่แล้วครับว่า หน้าที่ของแก การเล่นของแก มันคือมิดฟิลด์ "Carrilero" แบบที่แอดพยายามเขียนไว้บนเพจเสมอๆ ว่าเฟร็ด คือกองกลางสายไหน แฟนเพจคงจะเข้าใจกันดีแล้ว ว่าลูกหาบ มันไม่ใช่ลูกหาบ ไม่ใช่ลูกกระจ๊อก แต่เป็นตัว "ซัพพอร์ต" ให้เพื่อนนั่นเอง
อ่ะ คิดเป็นภาษาเกมง่ายๆ มันคือฮีโร่ "ซัพพอร์ต" ที่ตัวบางๆ เคลื่อนที่เร็วๆ พริ้วๆ ตัวปั้นให้เพื่อนคิล นั่นแหละ
Alice? เกือบใช่ เปรียบเฟร็ดเหมือนเป็น Krizzix (พี่กบล่องหน) น่าจะได้อยู่
ส่วนมุมมองของผมที่มีต่อเฟร็ดนั้น ผมบอกเสมอแบบชัดเจนว่า ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากได้ตัวที่ "ดีกว่าเฟร็ด" เข้ามาเป็นตัวจริงในแดนกลาง แทนเขาเท่านั้น อันนี้ก็พูดตรงๆเหมือนกัน แม้จะให้กำลังใจแต่ก็ต้องบอกตรงๆ
4
แต่ถามว่า เฟร็ดไร้ประโยชน์เลยไหม กากเลยไหม เหมือนที่แฟนบอลบางส่วนด่าเขาสาดเสียเทเสียอะไรซะขนาดนั้น ข้อนี้ผมเถียงและยืนยันว่า ไม่มีทาง และไม่ใกล้เคียงกับคำว่าไร้ประโยชน์เลยสำหรับเฟร็ด
ถ้าปรับแทคติก เลือกใช้ดีๆ เฟร็ดจะเป็นตัวrotation ให้กับ "มิดฟิลด์ตัวหลัก" ได้อย่างดีมากๆ และใช้ลงเล่นในเกมที่ต้องรับมือสถานการณ์ที่ทีมจะลำบากได้เยอะ เช่นเกมที่คู่แข่ง "ครองบอลเหนือกว่า" และเราต้องเป็นฝ่ายไล่บอล เฟร็ดจะโคตรสำคัญที่สุดในทีมเลยด้วยซ้ำ เพราะปริมาณการวิ่งคุมพื้นที่ของแกโหดมากๆ ขยันซอย(ยิกๆๆ) แถม "อึด" มากๆด้วย
ตัวอย่างง่ายๆเช่นเกมเจอซิตี้ เจอเชลซี หรือทีมอื่นๆในยุโรปที่แผงกองกลางโหดๆ เกมครองบอลดีๆ มีปรัชญาแบบนี้ เช่นบาร์ซ่า อาแจ็กซ์ นั่นแหละ เฟร็ดคือคีย์แมนเลยนะ
ซื้อCMตัวใหม่เก่งๆเข้ามาแทน แล้วใช้เฟร็ดในฐานะ "Squad Player" ไว้โรเตชั่นและปรับใช้ตามแทคติกพิเศษ นี่คือสิ่งที่ถูกต้องกว่าการจะขายๆเขาไปให้พ้นสโมสรเพื่อเอาสะใจกันอย่างเดียวครับ
- มีการให้สัมภาษณ์ของฝ่ายบริหารระดับสูงของยูไนเต็ดออกมา หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการไตรมาส4ออกมา ซึ่งแอดพยายามนั่งงมและอ่านอยู่เป็นชั่วโมงชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่กล้าออกมาสรุปให้อ่าน
ใครไหว ไปก่อนเลย ผมพยายามละ +_+ ที่ไม่เก็ทเพราะงงบริบทของช่วงเวลาที่เอามาคิดในข้อมูลนี้
ถ้าไม่ชัวร์จริงๆแอดก็จะไม่ฝืนเขียนในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้นะ เรื่องรายได้ในเชิงบัญชี เช่นพวก net debt / loss per share / total revenue ต่างๆ พวกนี้ขอหาข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ หรือค้นคว้าด้วยตัวเองก่อน ซึ่งมันไม่ใช่สายที่แอดเรียนจบมาเลยสักใบ เพราะงั้นคงขอข้ามตรงนั้นไปก่อนนะครับ มีโอกาสว่างๆจะทำมาให้อ่าน "ถ้ามีปัญญาเข้าใจและเขียนออกมาได้นะ" (แฮ่ๆ)
แต่ถ้าจะให้ลองอธิบายแค่คร่าวๆก็คือ ตอนแรก แอดงงที่ความหมายของข้างบนว่า จบสามเดือนหลังจาก 30มิถุนา คอลัมน์ทางด้านขวา พอเข้าใจได้ว่าเปรียบเทียบกันได้ เพราะตอนนี้ก็สามปีพอดี
แต่ทางซ้าย มันเป็น 12เดือนหลังจากวันที่30มิถุนา มันจะเปรียบเทียบกันได้ยังไงครับ เพราะของปีที่แล้วมันครบ12เดือนแล้ว แต่ปีนี้หลังจากมิถุนา เพิ่งผ่านมา3เดือนเอง
โชคดี มีคุณ Pat Kumsawat มาอธิบายให้ครับว่า คอลัมน์รวมรายรับรายจ่าย12เดือน ช่องปี2021 นับตั้งแต่ 1 กค. 2020 ถึง 30 มิย. 2021
ส่วนของ 2020 ก็คือนับจาก 1 กค. 2019 - 30มิย 2020 นั่นเอง
พอเข้าใจตรงนี้ก็เก็ททุกอย่างในข้อมูลผลประกอบการนี้เลย
พอเป็นงั้นผมก็เก็ทแล้วว่าทำไม Matchday Revenue 2021 ถึงได้น้อยกว่า 2020 เพราะของ 2020 นับจากตั้งแต่ 1 กค 2019 ช่วงนั้นยังไม่มีโควิดมาเกินครึ่งฤดูกาลนั่นเอง รายได้ของวันแข่งเลยเยอะกว่า เพราะคนยังเข้าสนามอยู่ตอนนั้น
ส่วนของ 2021 ก็คือของช่วงปีที่แล้ว ที่ไม่มีคนเข้าสนามเลย รายได้ทั้งหมดที่ได้จากวันแข่ง รวม12เดือน 89.8 ล้านปอนด์ ปีที่แล้วไม่มีคนเข้า เลยมีรายได้แค่ 7.1 ลดลงมา 92.1% อ่ะอันนี้เข้าใจแล้ว
ส่วนเรื่อง Net debt หนี้สินสุทธิ ที่ดูเหมือนว่าหนี้สโมสรจะลดลงมา จาก 474 ล้านปอนด์ กลายเป็น 419 ล้านปอนด์ มีคอมเม้นบอกว่า มันเป็นภาพลวงตา
เพราะหลักๆแล้วแล้วเราทำกำไรได้ 95 ล้านปอนด์ ที่เป็นกำไรก่อนหักค่าเสื่อม หักค่าจ้าง ค่าใช้จ่ายต่างๆ (EBITDA คือกำไรจริงนั่นแหละ) กำไร 95ล้านปอนด์ ที่ได้ระหว่างช่วง 1 July 2020 - 30 June 2021 มันลดลง 28% จากปีก่อนหน้านี้ (1 July 19 - 30 June 20) ที่ได้ 132.1ล้านปอนด์
รวมถึงการขาดทุนจากการดำเนินงานอีก 92ล้านปอนด์ หนี้จึงแทบไม่ต่างกัน ส่วน หนี้สินสุทธิมันลดลง เพราะเงินสด(cash)เพิ่มขึ้น ช่องล่างรองสุด้าย Cash 110.7ล้านปอนด์ จากเดิม 51.5ล้านปอนด์นับของปีที่แล้ว
หนี้สุทธิ(Net debt) ที่ลดลงเป็นภาพลวงตาเนื่องจาก "เงินที่กู้มายังเท่าเดิม" (530 ปีนี้ 525 ปีที่แล้ว) เพียงแค่ว่ามีการเพิ่มขึ้นของเงินสดในงบดุล เงินกู้ยืมเองก็ยังคงเพิ่มขึ้นมา0.9% ซึ่งสวนทางกับกำไรจริงที่ลดลง 5.5 เท่าของยอดรวม ซึ่งทำให้เราอยู่ในกลุ่ม "Highly Leverage" เป็นcategoryของกลุ่มที่มีการกู้ยืมสูง ซึ่งยังไม่ดีอยู่นนั่นเอง
ดังนั้น ใครที่เห็นเลข Net debt ลดลงแล้วดีใจ จะบอกว่า มันลดลงเพราะCashมันเพิ่มขึ้นมาในงบดุลเท่านั้น ก็เลยไปหักจากหนี้เยอะขึ้นกว่าเดิมราวๆ60ล้าน ไอ้ตัว Net debt เลยหายไปแถวๆนั้นน่ะครับ (530.2-110.7=419.5 ล้านปอนด์)
ส่วนบทสัมภาษณ์ฝ่ายบริหาร คนแรกที่จะนำบทสัมภาษณ์ออกมาแปลให้อ่านกัน คือจาก "Richard Arnold" เค้าคือผู้บริหารฝ่ายบัญชีของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
อาร์โนลด์พูดเอาไว้ดังนี้
"ต้องขออธิบายให้ชัดเจนในเรื่องที่เราเปิดเผยออกมาดังกล่าวในวันนี้ว่า มันไม่ได้รวมเอฟเฟ็กต์ที่มาจากคริสเตียโน่ และเห็นได้อย่างรวดเร็วเลยว่า การมาของเขามันสร้างอิมแพ็คในสนามได้ทันทีทันใดและชัดเจนสุดๆ
[men]
"เราจะพยายามอัพเดทสถานการณ์ของสโมสรอยู่ตลอดในเรื่องของกิจกรรมนอกสนามและผลกระทบใดๆก็ตามที่จะเกิดเป็นผลลัพธ์ในสิ่งที่เราทำ"
"วัตถุประสงค์หลักของทัวร์ปรีซีซั่นเพื่อที่จะเตรียมทีสำหรับฤดูกาลใหม่ที่จะมาถึง ดังนั้นมันบางอย่างจึงถูกกำหนดเอาไว้ตามแผนปกติที่วางกันเป็นปีๆ แต่ก็มีการปรับปรุงพัฒนาในแต่ละปีด้วย"
"สิ่งที่เรามองในปีหน้า กับกิจกรรมช่วงเบรคซีซั่น เราอยู่ในจุดที่กำลังประเมินทางเลือกอื่นๆ เหมือนอย่างที่ปีนี้เราอยู่กันแค่ที่นี่ และมันยังห่างไกลความเป็นจริงอยู่มากว่าจะสามารถเดินทางไปปรีซีซั่นยังต่างประเทศได้"
[men]
: ริชาร์ด อาร์โนลด์ กล่าวไว้แบบนี้นะครับ ซึ่งก็คงจริง เราคงไม่เห็นการทัวร์ปรีซีซั่นที่มีทางเลือกเยอะมากนักในช่วงปีสองปีข้างหน้านี้ เรื่องที่จะมาเอเชียอะไรนี่ลืมๆไปก่อนเลย
เพราะงั้นใครอยากไปดูก็เก็บตังค์บินไปดูเองเลย ส่วนเรื่องผลประกอบการ สโมสรเราก็มีการรายงานตัวเลขอะไรต่างๆให้ได้เห็นอยู่ตลอด
แฟนบอลก็สามารถที่จะมองดูและก็มองเห็นถึงการบริหารในด้านรายได้ของสโมสรได้ อันนี้เป็นสิ่งที่ดี ซึ่งก็คงต้องเปิดเผยอยู่แล้วเพราะยูไนเต็ดอยู่ในตลาดหุ้น และเป็น บมจ ด้วย., PCL(Public Company Limited) บริษัทจำกัด(มหาชน)
1
- เอ็ด วู้ดเวิร์ด : "เป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่น่าตื่นเต้นที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ด้วยผู้ชมเต็มความจุเป็นครั้งแรกในรอบ18เดือน และพวกเราก็ดีใจกันอย่างมากที่ได้ต้อนรับคริสเตียโน่ โรนัลโด้กลับบ้าน เคียงคู่กับการเข้ามาของ ราฟาเอล วาราน เจดอน ซานโช่ และ ทอม ฮีตัน เพื่อผนึกกำลังปรับปรุงทีมชุดใหญ่ของเราภายใต้การคุมทีมของโอเล่ กุนนาร์ โซลชา"
"สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เพราะความมั่นคงในเรื่องรูปแบบการดำเนินงานของเรา ด้วยการลงทุนที่ยั่งยืนในทีมซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรายได้เชิงพาณิชย์ที่แข็งแกร่ง"
"ทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกับยูไนเต็ดสามารถภูมิใจกันได้เลย กับการผ่านช่วงเวลายากลำบากมาได้อย่างดีที่เราถูกท้าทายจากปัญหาการแพร่ระบาด และเราเฝ้ารอที่จะชมสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นมากยิ่งขึ้นไปอีกของซีซั่นนี้ ในแง่มุมที่ดี"
"เราพูดในระหว่างสถานการณ์ที่เกิดการระบาดว่า สโมสรอยู่ในสถานะที่แข็งแรงกว่า และผมเชื่อว่าตอนนี้เราเห็นสิ่งนั้นแล้ว ว่าเราฟื้นฟูขึ้นมา และก้าวต่อไปข้างหน้าได้จากรากฐานอันมั่นคง"
"เราเสริมแกร่งให้ทีมอย่างมากในช่วงซัมเมอร์นี้ด้วยโรนัลโด้ วาราน ซานโช่ และฮีตัน การเซ็นสัญญาเหล่านี้โชว์ให้เห็นถึงความสามารถของเราในการดึงดูดบางส่วนของเหล่านักเตะที่ดีที่สุดในโลกเข้ามาสู่โอลด์แทรฟฟอร์ดได้ และมีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะช่วยเหลือโอเล่ให้ประสบความสำเร็จในสนาม"
 
"เราชัดเจนในยุทธศาสตร์ที่จะสร้างทีมโดยเบลนด์นักเตะท็อปคลาสที่ซื้อเข้ามา ร่วมกับเหล่านักเตะพรสวรรค์จากท้องถิ่น อีกทั้งยังการบาลานซ์ของนักเตะอายุน้อยๆ กับผู้เล่นมากประสบการณ์ เพื่อมุ่งหวังที่จะคว้าแชมป์และเล่นในแนวทางของบอลบุก"
"เรายังคงเสริมทีมอย่างต่อเนื่อง และมีโพรเซสการค้นหานักเตะอยู่ตลอด และเรายังเพิ่มการลงทุนในระบบเยาวชนอีกด้วยเพื่อให้มั่นใจว่าจะสร้างความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน"
"กระบวนการสร้างทีมของเราทำได้อย่างมั่นคง และเรายิ่งมั่นใจมากกว่าเดิมว่าเรามาถูกทางแล้ว"
"มันไม่ใช่เหตุบังเอิญที่เราสามารถลงทุนได้ขนาดนั้นในซัมเมอร์นี้ แต่มันคือผลสะท้อนมาจากโมเดลเชิงพาณิชย์ที่แข็งแกร่งซึ่งเราสร้างมาหลายปี เพื่อรับประกันว่าการทุ่มเงินเสริมทีมนั้น มันได้รับการสนับสนุนมาจากรายได้ที่พวกเราหากันมาเองได้"
"เราต้องการเป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่ง เป็นแนวหน้าระดับภายในประเทศ และเป็นหนึ่งในพีระมิดของฟุตบอลยุโรป โดยการทำงานร่วมกันของภาคองค์กร และส่วนที่สำคัญที่สุดอย่างแฟนบอล เพื่อที่จะรักษาและเพิ่มพูนความมหัศจรรย์ในเกมการแข่งขันของเรา
"ในฐานะสโมสร เรามุ่งมั่นเป็นอย่างมากเพื่อวัตถุประสงค์เหล่านั้น และเรารอคอยที่มันจะสำเร็จในช่วงหลายเดือนหรือช่วงปีข้างหน้านี้"
-เอ็ด วู้ดเวิร์ด-
1
: หลังจากที่ผมนั่งอ่านและแปลทุกคำของเอ็ด วู้ดเวิร์ดออกมาแล้ว ผมบอกได้คำเดียวเหมือนเดิมว่า ยังไงก็ "เสียดาย" สุดๆ ที่แกกำลังจะออกจากตำแหน่งฝ่ายบริหารของทีมเราไปหลังจากสิ้นปีนี้
ไม่ว่าบอร์ดจะเป็นยังไง แต่เอ็ด วู้ดเวิร์ด คือสุดยอดCEOอีกคนที่สร้างอะไรให้สโมสรเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความมั่นคงทางการเงินที่ทำให้ทีมมีรายได้เยอะพอจะดูแลตัวเองได้สบายๆในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา
แถมยังเป็นสโมสรเดียวในโลกด้วยมั้งที่ยังช็อปมือเติบแบบชิลๆ ทั้งที่เพิ่งผ่านปีดังกล่าวมา ที่หลายๆทีมก็แทบไม่มีเงินใช้จ่ายแล้ว ยกเว้นพวกทีมปั๊มเงินเองได้เหมือนมีที่ขุดน้ำมัน+เหมืองและรถขุดเงินไม่อั้น จาก"เศรษฐี" เป็นเจ้าของทั้งหลายเหล่านั้น
ทีมเราควรจะภูมิใจในแง่มุมตรงนี้ด้วย ซึ่งผมชอบมาก เพราะมันยั่งยืนมากกว่าในด้านของprocessการดำเนินงาน และที่มาของ "finance & resources" ของสโมสร
คำพูดของเอ็ดในครั้งนี้ สะท้อนได้ดีว่า เขาไม่ใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับฟุตบอล เขารู้ดีเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กร เขารู้ถึงเรื่องที่ต้องเบลนด์นักเตะอายุน้อยเข้ากับตัวเก๋า และตัวท็อปคลาสที่จะเสริมทีมเข้ามา ซึ่งเป็นปรัชญาที่เซอร์อเล็กซ์เองก็ทำเช่นนี้มานานแล้ว ไม่ได้ปั้นแต่เด็กลูกหม้ออย่างเดียวแบบที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นภาพมายาคติแบบนั้น
ผมเซ็งนะบอกตรงๆ เอ็ดควรจะได้อยู่ที่นี่ต่อไปอีกยาวๆ และหวังว่าแกจะเปลี่ยนใจ เพราะทีมอุตสร้างปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ เพิ่มตำแหน่งผู้อำนวยการฟุตบอลขึ้นมาแล้ว เพิ่มผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคมาแล้ว ทั้งจาก จอห์น เมอร์ทัฟฟ์ และ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์
เอ็ดไปอยู่หลังฉากคอยเคาะอย่างเดียวมันก็ได้แล้ว และแกก็ไปทำงานสายcommercialของแกต่อได้สบายใจเฉิบ ไม่เกี่ยวกับแกอีกต่อไปถ้าจะซื้อตัวดีหรือไม่ดี
น่าเสียดายจริงๆครับ.. ผมอยากให้แกเปลี่ยนใจ และอยู่กับทีมต่อไป เพราะนี่คือCEOระดับแนวหน้าจริงๆ
ยกเว้นว่าแกมีโปรเจคอยากจะทำอะไรมากกว่านี้ ถ้างั้นก็เคารพการตัดสินใจของแกแล้วกัน แต่บอกตรงๆว่าเสียดายมากนะ พิษซุปเปอร์ลีกแท้ๆ
ส่วนตัวผมยังหวังอยู่ว่าเอ็ดจะกลับลำและอยู่กับสโมสรต่อไป
ปิดท้ายกันด้วยภาพซ้อมของนักเตะของทีมเรา ที่เราชื่นใจในหลายๆภาพที่ได้เห็นบางคนกลับมาซ้อมแล้ว โดยเฉพาะตัวที่เจ็บอย่าง แรชฟอร์ด เตลีส หรือ แม็คโทมิเนย์ / และแม้กระทั่งฟิล โจนส์ ที่เจอคำพูดบูลลี่ toxic จากแฟนหมาแดงหลายๆคนอย่างน่าเกลียด ก็ได้กลับมาซ้อมเช่นกัน
ดูภาพซ้อมกันไปเพลินๆ แล้ววีคนี้มาร่วมแรงร่วมใจเชียร์ทีมเรากันอีกครั้ง กับเกมเยือน "เวสต์แฮม" ที่London Stadium ในเย็นวันอาทิตย์นี้ เวลาสองทุ่มกันอีกครั้งครับ
#BELIEVE
-ศาลาผี-
โฆษณา