TWA800 ถูกก่อการร้าย จริงหรือไม่?
นี่คือเหตุการณ์ เครื่องบิน Jumbo jet B747-100 ของสายการบิน Trans World Airlines เที่ยวบิน 800 ซึ่งเกิดอุบัติเหตุขึ้นเมื่อ วันที่ 17 ก.ค. 2539
อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นหนึ่งในอุบัติเหตุอันน่าเศร้าครั้งใหญ่ของสหรัฐเมริกา และใช้เวลาสืบสวนอันยาวนานกว่า 1 ปีทีเดียวครับ และระหว่างเหตุการณ์เป็นประเด็นถกเถียงใหญ่โตว่านี่คือการก่อการร้ายหรือไม่
เที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินที่จะเดินทางจากสนามบิน John F. Kennedy International airport ประเทศสหรัฐอเมริกา ไปยังสนามบิน Charles de Gaulle airport ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส
แต่ระหว่างการเดินทางก็เกิดเหตุระเบิดอันน่าเศร้าและเป็นสาเหตุที่ทำให้นักบิน ลูกเรือ และผู้โดยสารทั้งชาวอเมริกันและชาวปารีสต้องเสียชีวิตไปทั้งสิ้น 230 คน
ภาพแสดงเส้นทางหลังออกเดินทางจนกระทั่งถึงจุดที่ตกลงของเที่ยวบิน TWA800
เที่ยวบินนี้ก่อนออกเดินทางมีความผิดปกติแรกที่เกิดขึ้นคือ มีกระเป๋าที่ไม่ทราบที่มาที่ไป ทำให้ต้องทำการตรวจสอบตามมาตรฐานก่อนขึ้นทำการบิน โดยเสียเวลาไปกว่า 1 ชั่วโมง แต่ก็พบว่ากระเป๋าดังกล่าวเป็นเพียงกระเป๋าสัมภาระเดินทางทั่วไปที่ตกหล่นมาจากเที่ยวบินอื่นนั่นเอง
หลังการตรวจสอบเครื่องก็ Take off เป็นปกติ แต่ผ่านไปเพียง 17 นาทีเท่านั้น เครื่องบินก็หายไปจากจอเรด้าห์ที่ความสูง 14,000 ฟุต พร้อมกับมีเสียงของนักบินลำอื่นแจ้งเข้ามาหาหอควบคุมว่าเค้าพบเห็นการระเบิดกลางอากาศขึ้น
ในขณะเดียวกันผู้พบเห็นเหตุการณ์ที่เป็นประชาชนในท้องที่ก็บอกกับผู้สื่อข่าวว่าพวกเค้าเห็นลูกไฟบนท้องฟ้าขนาดใหญ่ ตามมาด้วยเสียงการระเบิดอีกครั้ง
หลังเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้พบซากเครื่องบินกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ลอยอยู่ห่างจากชายฝั่งออกไปเพียง 15 กิโลเมตร เท่านั้น แต่ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือ เค้าไม่พบผู้รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว
ภาพจำลองเหตุการ์การระเบิดจาก CIA Animation
จากพยานมากมายที่พบเห็นการระเบิดดังกล่าว ทำให้การสืบสวนสอบสวนนั้นถูกแบ่งออกเป็น ทั้งในส่วนของการก่อการร้ายเพราะว่าช่วงนั้นเป็นยุคที่ยังมีสงครามอ่าวเปอร์เซียอยู่ด้วย แต่ก็ยังไม่ทิ้งประเด็นอื่นๆที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือการระเบิดขึ้นได้เช่นกัน
ระหว่างการสืบสวนสอบสวนอันยาวนานกวา 1 ปี ที่ผู้คนต่างสงสัยว่าเหตุใดกันแน่ที่ทำให้เครื่องบินครั้งนี้เกิดระเบิดขึ้น ทีม FBI เข้ามาสืบสวนเกี่ยวกับทางด้านการก่อการร้ายโดยเฉพาะ และยังมีทีมสืบสวนสอบสวนของ NTSB ที่เป็นทีมสืบสวนในเรื่องของอุบัติเหตุครั้งนี้โดยเฉพาะ
ความพยายามอย่างยิ่งของทีมสืบสวนและทีมกู้ภัย ที่ได้เก็บกู้ชิ้นส่วนทั้งหมดขึ้นมา ก็ทำให้เค้าพบกับ กล่องดำ FDR ซึ่งบันทึกข้อมูลของการบิน และกล่องบันทึกเสียง CVR ภายในห้องนักบินอีกด้วย
หลังการถอดข้อมูลจากกล่องดำและกล่องบันทึกเสียง สิ่งที่น่าสนใจคือ เค้าไม่พบความผิดปกติใดๆเลย ไม่ว่าจะเป็นบันทึกการสนทนา หรือ ข้อมูลทางการบินของเครื่องบิน จนกระทั่งเกิดเสียงระเบิดขึ้น ความน่าสงสัยยิ่งถูกพุ่งเป้าไปยังการก่อการร้าย
แต่การสืบสวนก็ยังไม่พบหลักฐานที่แสดงได้อย่างชัดเจนว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากการก่อการร้าย NTSB จึงยังมุ่งมองหาสาเหตุต่อไป ทีมจึงนำขึ้นส่วนของเครื่องทั้งหมดมาประกอบใหม่ขึ้นอีกครั้ง (ขั้นตอนนี้การสืบสวนมักจะมีการทำอยู่ในทุกๆเคสเพื่อหาสาเหตุของความเสียหายอันนำมาสู่อุบัติเหตุครับ)
ภาพแสดงการประกอบเศษชิ้นส่วนจากการระเบิดของ TWA800 หลังการเก็บกู้ซาก
การสืบสวนมีขั้นตอนที่น่าสนใจ โดยอยากให้ดูภาพประกอบด้านล่างด้วย คือ ทีมสืบสวนได้ทำการเอาชิ้นส่วนที่เก็บกู้มาได้ในแต่ละพื้นที่ของตำแหน่งที่เครื่องบินตกออกมาแบ่งเป็นส่วนๆ 3 ส่วนด้วยกัน ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้ทีมสืบสวนสามารถคาดคะเนได้ว่า ชิ้นส่วนใดระเบิดและร่วงตกลงมาก่อนนั่นเองครับ
จากกระบวนการดังกล่าวทำให้ทีมรู้ว่า ผนังน้ำมันใต้ท้องเครื่องบิน คือชิ้นส่วนที่ระเบิดและหลุดออกมาก่อนนั่นเอง จากนั้น ส่วนที่ล่วงลงมาคือส่วนหัวของเครื่องบิน และ ลำตัวของเครื่องบินตามลำดับ
ดังนั้น "ถังเชื้อเพลิง" ของเครื่องบิน จึงเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับแรกนั่นเอง
พื้นที่สีแดงคือส่วนแรกที่ระเบิดและตกลงมาก่อน
ผลสรุปจากการตรวจสอบพบว่า การติดไฟของเชื้อเพลิงในถังเก็บน้ำมันนั้นจะเกิดขึ้นได้เมื่ออุณหภูมิของน้ำมันสูงตั้งแต่ 96 องศาฟาเรนไฮต์ เพราะว่าความร้อนทำให้เกิดไอระเหยของน้ำมัน ผสมกับอากาศ และหากมีต้นเพลิงหรือประกายไฟ ก็จะทำให้เกิดการระเบิดและลุกไหม้ได้นั่นเอง
การตรวจสอบโครงสร้างการออกแบบและการจำลองสถานการณ์พบว่า ใต้ถังน้ำมันถูกออกแบบให้มีชุดอุปกรณ์ของเครื่องปรับอากาศอยู่ใต้ถังน้ำมัน และหากทำการจอดที่พื้นและติดเครื่องเป็นเวลานานโดยประมาณ 2 ชั่วโมง จะยิ่งทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักจนอุณหภูมิสูงขึ้น
การจำลองของทีมได้ทดลองต่อโดยให้ เปรียบเสมือนเครื่องบินเดินทางไต่ระดับไปที่ความสูง 14,000 ฟุต แล้ววัดค่าความร้อนของเชื้อเพลิงในถังน้ำมันพบว่า อุณหภูมิกลับเพิ่มสูงขึ้นเป็น 127 องศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ติดไฟได้แล้ว
ภาพแสดงว่ามีชุดระบบแอร์อยู่ใต้ถังน้ำมันกลางลำตัว
แต่อะไรกันทำให้ไฟติดในถังเชื้อเพลิงจนเกิดการติดไฟและระเบิดได้?
ทีมสืบสวนได้ทำการค้นหาต่อไปกลับมาพบเบาะแสสำคัญจากเครื่องบันทึกเสียง ซึ่งก่อนการระเบิดกัปตันได้พูดว่า มาตรวัดปริมาณเชื้อเพลิงได้ขยับไปที่จุดสูงสุดแล้วก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง และอีกเบาะแสสำคัญคือ มีช่วงที่เสียงพื้นหลังหายไปก่อนเกิดการระเบิดด้วย ซึ่งเกิดจากเครื่องบันทึกเสียงไม่ทำงาน
ทีมจึงไปตรวจสอบที่สายไฟของเครื่องบินอีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องเสียงหยุดทำงาน และจึงพบความจริงที่ว่าสายไฟของเครื่องบินนั้นเก่าและกรอบมาก
อันเนื่องมาจากการใช้งานที่ยาวนานกว่า 25 ปี และสายไฟฟ้าของ 3 ระบบได้แก่ เครื่องบันทึกเสียง, เครื่องวัดปริมาณเชื้อเพลิงในถังน้ำมัน และสายไฟฟ้าอุปกรณ์ไฟฟ้าในห้องโดยสารถูกมัดติดกัน
ภาพแสดงตัวอย่างการชำรุดของสายไฟ
แรงดันของสายไฟฟ้าทั้ง 3 ส่วนนี้มีความแตกต่างกันอย่างมากครับ เพราะแรงดันที่ส่งไปยังห้องโดยสารสูงถึง 350 Volt เมื่อฉนวนหุ้มสายไฟเสื่อมสายไฟฟ้าจึงลัดวงจร แรงดันจากสายไฟที่ไปห้องโดยสารจึงย้อนกลับส่งไปยังสายไฟที่ไปเครื่องบันทึกเสียง และ เครื่องวัดปริมาณน้ำมันในถังน้ำมันด้วย เพราะทั้งสองส่วนเป็นสายไฟแรงดันต่ำที่ 5 Volt เท่านั้น
นี่คือสาเหตุที่เสียงบันทึกหายไป และเกจวัดน้ำมันทำงานผิดพลาด อีกทั้งยังทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าเข้าไปยังถังน้ำมันเกิดประกายไฟและลุกติดไฟเกิดเป็นระเบิดทันที
ส่วนการระเบิดครั้งที่สองที่ผู้เห็นเหตุการณ์ได้เห็นกันหลังเกิดลุกไฟขนาดใหญ่นั้น เป็นผลมาจากการลุกไหม้ของไฟที่ลำตัวเครื่องบินไปปะทะกับน้ำมันเชื้อเพลิงมหาสารที่ยังเหลือในส่วนของปีกเครื่องบินอีกจนทำให้ระเบิดขึ้นอีกครั้งนั่นเองครับ
อีกเหตุผลที่นำมาประกอบสมมติฐานนี้นั้นคือ ซากเครื่องที่ทำการประกอบกลับเข้ามาใหม่ก็ตรวจพบการโก่งตัว และระเบิดตัวออกของถังน้ำมันกลางลำตัวเครื่องอีกด้วย
ภาพแสดงถึงการโก่งตัวของถังน้ำมันกลางลำตัวเครื่องบินจากการประกอบซากเครื่อง
การสืบสวนอันยาวนานจึงเปิดเผยสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุออกมา นับว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่น่าเศร้ามากๆจริงๆครับ
หากทุกท่านชื่นชอบบทความของผมที่เกี่ยวกับเรื่องราวและความรู้ทางการบินก็อย่าลืมกดติดตาม ไลค์ แชร์ สนับสนุนผมด้วยนะครับขอบคุณมากๆครับ
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
